ในทอล์คโชว์ MONEY COACH ON STAGE: ชาตินี้ไม่มีวันจน ผมได้เล่าถึง 10 ความรู้ทางการเงินที่ได้รับมาด้วยตัวเอง จากการเรียนรู้แบบ Street Smart (ข้างถนนนั่นเอง) คือ มั่วนิดๆ งงหน่อยๆ เล่นเอง เจ็บจริง แล้วค่อยๆสะสม ค่อยๆตลกผลึก จนกลายเป็นภูมิปัญญาในแบบฉบับตัวเอง

 

หลังจากจบทอล์คโชว์ มีผู้ฟังหลายท่านนำมาสรุปให้ฟังกัน วันนี้ผมเลยอยากเล่าให้ฟังในแบบต้นฉบับกันบ้าง ด้วยหวังว่าบทเรียนสิบกว่าปีของผม จะทำให้ผู้อ่านทุกท่านไม่ต้องเสียเวลากับการลองผิดลองถูกในบางเรื่อง และที่สำคัญจะได้ปรับ MINDSET ให้ถูกต้องสำหรับการมุ่งหน้าสู่อิสรภาพทางการเงินกันได้รวดเร็วกันขึ้น


10 money knowledge-01

 

1) วิธีปลดหนี้ดีที่สุดคือสร้างทรัพย์สิน

ความรู้นี้เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในช่วงที่ชีวิตกำลังมุ่งหน้าแก้ไขปัญหาหนี้ หลังจากพยายามทำตามแนวคิดทั่วไปที่สอนๆกัน ก็คือ ลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้  สิ่งที่พบก็คือ ลดรายจ่ายเต็มที่แค่ไหน เราก็ลดได้แค่ประมาณหนึ่ง เพิ่มรายได้มากแค่ไหน เดือนหน้าก็ต้องหาใหม่อีก

 

แต่เมื่อเทียบงานที่สร้างรายได้เพิ่ม กับทรัพย์สิน (สิ่งที่ทำให้เงินไหลเข้ากระเป๋า โดยไม่ต้องทำงานตลอดเวลา) อย่างบ้านเช่า และธุรกิจฝึกอบรมที่ผมสร้างขึ้นมา กลับพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง งานที่ทำเดือนนี้ เดือนหน้าก็ต้องออกแรงทำอีก แต่ทรัพย์สินที่เราสร้างขึ้น จะช่วยผ่อนหนี้ให้เราในวันที่เรายังเป็นหนี้ และเมื่อหนี้หมดลงไป ทรัพย์สินก็จะยังสร้างกระแสเงินสดให้เราต่อ และทำให้เรามีอิสรภาพทางการเงินได้ในที่สุด

 

ดังนั้น เหนื่อยหาเงินแก้หนี้ทั้งที วางแผนให้ดี สร้างทั้งงานที่ทำเงินและทรัพย์สินไปพร้อมๆกัน หาวิธีทำให้งานที่เราทำหนึ่งครั้ง หารายได้ให้เราได้มากกว่าหนึ่งครั้งหรือหาไปได้ตลอด แล้วการปลดหนี้ของเราจะเบาแรงลงเรื่อยๆ

 

2) กระแสเงินสดสำคัญที่สุด

ทุกกิจกรรมในโลกทางการเงิน ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการมีกระแสเงินสดคงเหลือเป็นบวก พนักงานประจำทำงานกินเงินเดือนก็สามารถมีชีวิตทางการเงินที่ดีได้ หากเขาใช้จ่ายไม่เกินรายได้ที่หามาได้ มีกิน มีใช้ มีเหลือเก็บทุกเดือน

 

บริษัทห้างร้านต่างๆ รวมไปถึงการลงทุนในทรัพย์สินให้เช่า สุดท้ายถ้าเราบริหารจัดการให้กระแสเงินสดเป็นบวก หรือมีกำไรได้ ธุรกิจก็อยู่ได้ การลงทุนก็ไปได้ เมื่ออยู่ได้ ไปได้ วันหนึ่งก็มีโอกาสต่อยอดเพิ่มความมั่งคั่งได้

 

หลายคนเวลาใช้ชีวิตหรือลงทุน มองแต่ผลตอบแทนที่จะได้ ทั้งๆที่กลยุทธ์สำคัญที่สุดกลยุทธ์แรกที่ต้องทำให้ได้ หากอยากมั่งคั่งก็คือ “ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้” และ “ไม่ขาดทุน”

  

3) HIGH UNDERSTANDING, HIGH RETURN

หลายครั้งที่แนวคิด High Risk High Return หยุดยั้งผู้คนที่แสวงหาความมั่งคั่งให้ไม่กล้าลงมือทำอะไร เพราะเชื่อว่าถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย

  

ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย ในมุมของคนที่กล้าเผชิญหน้ากับความเสี่ยง โลกของพวกเขาไม่มีเสี่ยงมากได้ผลตอบแทนมาก สิ่งที่พวกเราได้เรียนรู้ก็คือ ยิ่งคุณรู้จักและเข้าใจสิ่งที่คุณทำมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสมั่งคั่งมากขึ้นเท่านั้น หรือ HIGH UNDERSTANDING, HIGH RETURN

 

คนทำงานมากประสบการณ์ทำเงินจากองค์ความรู้เดียวกันได้ดีกว่ามือใหม่ คนทำขนมซึ่งสาระวนเวลาอยู่กับการฝึกฝน พัฒนา ปรับสูตรใหม่ๆ ให้ผู้คนชอบและอยากลองทาน ย่อมทำเงินได้มากกว่าพ่อค้าแม่ค้าที่ทำขนมแค่ให้มีของขายยังชีพได้ หรือนักลงทุนที่พัฒนาความรู้และเชี่ยวชาญอยู่เสมอ และอยู่ในตลาดมานานกว่า ก็คงไม่แปลกอะไรที่พวกเขาจะได้ผลตอบแทนสูงกว่ามือใหม่ หรือพวกมือเก่าที่ไม่ยอมพัฒนาตัวเองและรักบรรยากาศการเป็นนักลงทุนผู้ไร้เดียงสาอยู่เสมอ

 

คีย์สำคัญของ High Understanding, High Return ก็คือ การลงทุน “เวลา” กับสิ่งที่สนใจ และเริ่มต้นลงมือทำจากสิ่งเล็กๆ (Start Small) แล้วค่อยๆ พัฒนาตัวเองไปสู่การเป็นนักลงทุนผู้ช่ำชอง

 

4) การลงทุน คือ แผนการ

คนที่ลงทุนแล้วขาดทุนอยู่เสมอ เป็นเพราะพวกเขาคิดว่า การลงทุนเป็นเหตุการณ์​ (Event) เช่น วันนี้ไปจองคอนโดมา หรือวันนี้จัดหุ้นตัวนั้นมา ฯลฯ แต่ถ้าพูดคุยหรือสอบถามเหตุผลในการซื้อและแผนการลงทุน ก็มักจะพบกับความว่างเปล่าอยู่เสมอ ถ้าการลงทุนมันง่าย แค่ฟังใครสักคนหรือฟังข่าว แล้วก็ลงทุนตามๆกัน แล้วก็รวย อย่างนี้คนส่วนใหญ่ก็ต้องรวยจากการลงทุนกันหมดแล้วสิ

 

ที่จริงแล้ว การลงทุนนั้นเป็นกระบวนการ (Process) ที่มีผลลัพธ์ คือ แผนการลงทุน (Plan) ที่ชัดเจน (อธิบายได้สมกับเป็นเด็กวิดวะมากๆ 555)

 

อย่างผมเองตอนจะเริ่มต้นลงทุนบ้านเช่าเล็กๆ ราคาแค่ 1.35 ล้าน ผมยังต้องเดินดูบ้านเช่าตั้งเป็นสิบๆหลัง เพื่อให้เข้าใจว่าลูกค้าในตลาดเป็นใคร ชอบเช่าห้องแบบไหน ราคาเท่าไหร่ Demand-Supply เป็นอย่างไร จากนั้นจึงมาประเมินราคาซื้อ เจรจาต่อรอง จัดไฟแนนซ์เพื่อลงทุนซื้อ และตบตูดตบท้ายกันเบาๆด้วย แผนการรับมือความเสี่ยง โดยถามตัวเองง่ายๆว่า ก) บ้านเช่าที่ผมจะลงทุน มีโอกาสฉิบหายได้จากอะไรบ้าง และผมพอจะป้องกันอะไรได้บ้างมั้ย ข) ถ้าป้องกันไม่ได้ เจ็บสุดจะแค่ไหน และต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า มีแผนรับมือกับเรื่องนั้นๆ อย่างไร ... ถ้าตอบไม่ได้ ก็จะยังไม่ลงทุน

 

จำไว้ว่า ถ้าคุณลงทุนด้วยปากกับหู (ถามเขา ฟังเขา แล้วก็เชื่อเขา) สุดท้ายคุณจะไม่มีทางมั่งคั่งร่ำรวยได้ เป็นได้เต็มที่ก็แค่ผู้ร่วมสนุก เพราะผลลัพธ์การลงทุนที่ดี ขึ้นอยู่กับว่า คุณเป็นนักลงทุนที่ีดีแค่ไหน และมีแผนการลงทุนอย่างไร

 

5) เงินวิ่งตามคุณค่า

Create Your Value and Money will Follow  เป็นความเชื่อหลักที่ผมยึดถือมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ยิ่งเราสร้างคุณค่าได้มากเท่าไหร่ เงินก็ยิ่งหลั่งไหลมาหาเรามากขึ้นเท่านั้น

 

“คุณค่า” ในที่นี้หมายถึง ความสามารถในการแก้ไขปัญหาให้ผู้อื่น ทำในสิ่งที่ผู้อื่นต้องการ ทำในสิ่งที่ผู้อื่นได้รับประโยชน์  ซึ่งในมุมâ