เพื่อนๆ เคยได้ยินมั้ยครับว่า “กลุ่มคนบางกลุ่มไม่ได้รวยจากการลงทุน แต่รวยจากการหลอกเงินลงทุนของคนอื่น” วันนี้ aomMONEY เลยรวบรวม 3 กลโกงที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ที่ทางโซเชียลพูดถึงในช่วงปีนี้ (ข้อมูลจากทาง (Zocial Eye Wisesight) มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกัน เพื่อให้เพื่อนๆ ชาว aomMONEY ได้ระวังตัวกันครับ
1.หลอกให้ลงทุนสกุลเงิน Digital สร้างกำไรด้วยการเทรด AI
ปีนี้กระแสการซื้อขายเงินดิจิทัลมาแรงใช่มั้ยครับ พวกตระกูลเงินคริปโตฯ ทั้งหลาย กลุ่มมิจฉาชีพเลยใช้จังหวะนี้ สร้างอุบายหลอกลวงทรัพย์สินจากนักลงทุน โดยเปิดเว็บไซต์ขึ้นมา อ้างว่าเป็นเว็บไซต์ที่ดำเนินการโดย นิติบุคคลหรือ บุคคลต่างชาติที่ทำธุรกิจ Arbitrage (อาร์บิทราจ) ซึ่งเป็นการทำกำไรจากสินค้าชนิดเดียวกัน แต่ราคาต่างกันในตลาดสองตลาด
โดยกล่าวอ้างว่าใช้ AI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนและพัฒนาให้มีความฉลาด วิเคราะห์ได้ โดยประมวลผลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นผู้ดำเนินการให้เรา และเจ้า AI ถูกออกแบบมาให้ทำการเทรดให้ได้กำไรเท่านั้น เรียกว่า “การเทรดด้วย AI” ทั้งหมดนี้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ก็ได้ออกจดหมายข่าวแจ้งเตือนแล้วนะครับ ว่าการลงทุนแบบนี้ เป็นการชักชวนที่มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่
ก่อนหน้านี้ ก.ล.ต.ได้ออกประกาศเตือน กรณี FX Trading Corporation ว่าไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถูกกฎหมาย และทาง DSI พบว่ามีเว็บไซต์อื่นที่คล้ายกันอีกหลายเว็บไซต์ โดยเว็บไซต์เหล่านี้ดำเนินการในต่างประเทศ การปันผลจ่ายเป็นเงินสกุลต่างประเทศที่โอนเข้ามาทางเงินคริปโต
ปัจจุบันทางก.ล.ต. ประกาศอนุญาตให้สกุลเงินดิจิทัลที่ซื้อขายได้
มีแค่ 7 สกุลนะครับ
1.เงินสกุล Bitcoin
2.Bitcoin Cash
3.Ethereum
4.Ethereum Classic
5.Lite Coin
6.Ripple
7.Stellar
โดย ก.ล.ต. ประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
จำนวน 4 บริษัท ดังนี้
ผู้ได้รับอนุญาตเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล คือ
1.บริษัท บิทคอยน์ จำกัด (BX) www.bx.in.th
2.บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BITKUB) www.bitkub.com
3.บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Satang Pro) www.satang.pro
ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าและผู้ค้า (Broker/Dealer) คือ
1.บริษัทคอยส์ ทีเอส จำกัด (Coins TH) www.coin.co.th
2.หลอกให้เก็บสกุลเงินดิจิทัลในกระเป๋าเงินมือถือออนไลน์ อ้างว่ามีระบบเก็งกำไร AI
ล่าสุดก็คือ กรณี Plus Token Wallet เป็นแอปกระเป๋าเงินมือถือออนไลน์เพื่อจัดเก็บสกุลเงินดิจิตอล โดยอ้างว่ามีระบบการเก็งกำไรของ AI ทำกำไรจากการแลกเปลี่ยนรายได้จากการขุด เพื่อเพิ่มทรัพย์สิน กำไรรายเดือน 6-18% จากนั้นไม่นานในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก็ปิดตัวลง ความเสียหายโดยประมาณที่ 4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 120.87 พันล้านบาท) และกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ที่ขนาดใหญ่ที่สุดอันดับที่ 3 ในประวัติศาสตร์
3.หลอกระดมทุนลงทุน Forex
กรณีล่าสุดก็เมื่อต้นปี 2019 เลยครับ ที่ว่าโค้ชเทรดหุ้น Forex หลอกระดมทุน ผ่านเว็บไซต์ www.marketeerfx.com การันตีผลตอบแทนสูง ก่อนเบี้ยวจ่าย ก่อนถูกตำรวจจับ พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินซึ่งเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด มูลค่ากว่า 22 ล้านบาท
มิจฉาชีพกลุ่มนี้ คือ บริษัท มาร์เก็ตเทียร์ เซอร์วิส จำกัด มีนายพิตตินันท์ เป็นกรรมการบริษัท ส่วนนายพิเชษฐ์ นายธนัตถ์ ร่วมกันชักชวนหาผู้ลงทุน Forex โดยการโพสต์เฟซบุ๊คชื่อ “EA ARBITRAGE” การันตีกำไร ผลตอบแทนสูง ร้อยละ 25-40 ต่อเดือน จะต้องลงทุนขั้นต่ำจำนวน 500-10,000 ดอลล่าห์สหรัฐ (คิดอัตรา 1 เหรียญต่อ 33.80 บาท) ถ้าได้ผลตอบแทน 100 เปอร์เซ็นต์ ผู้ลงทุนจะได้รับ 70 เปอร์เซ็นต์ ห้กค่าเทรดจำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ และค่าดูแลระบบคอมพิวเตอร์ เดือนละ 700 บาท
3 วิธีเช็คการลงทุนสกุลเงินดิจิตอลที่เสี่ยงเป็นแชร์ลูกโซ่
1.การันตีผลตอบแทนสูงหรือกำไรที่ฟังดูแล้วเป็นไปไม่ได้ ปกติเป็นเรื่องยากมากเลยครับกับการที่เราจะลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี ถ้ามาบอกแบบนี้ แถมการันตีผลตอบแทนเป็นรายเดือนอีก ไม่ว่า 10% 18% หรือ 25% ต่อเดือน ตัวเลขสูงเกินจริงแถมการันตีแบบนี้เป็นแชร์ลูกโซ่แน่นอนครับ
2.สัญญาจะให้ผลตอบแทนมากขึ้น ถ้าชวนคนอื่นมาลงทุนด้วย คล้ายการทำการตลาดของ MLM
3.เร่งรัดให้ตัดสินใจลงทุน แต่ไม่มีหนังสือชี้ชวน หรือมีแต่ไม่ชัดเจน
4.ให้ข้อมูลเฉพาะด้านดีของโปรเจค อ้างอิงความสำเร็จของการลงทุนของคนก่อนหน้า
และนี่ก็คือ 3 กลโกงแชร์ลูกโซ่ปีนี้ที่นักลงทุนต้องระวังให้มาก ที่ทาง aomMONEY นำข้อมูลมาฝากเพื่อนๆ นะครับ ทั้งนี้ ผู้เสียหายสามารถแจ้งข้อมูล/เบาะแสได้ที่เว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือติดต่อกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร. 0-2142- 2831 หรือ สายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร. 1202 โทรฟรีครับ
ทีมกองบรรณาธิการ aomMONEY
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://zocialeye.wisesight.com/
https://www.nationtv.tv/main/content/378735697
https://www.blognone.com/node/111535
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/826401