3 ข้อดี ของการทำประกันสุขภาพให้ลูกน้อย

"คนที่มีลูกทุกคน สิ่งนึงที่มักจะกังวลก็คือเวลาที่ลูกของเราไม่สบาย
เอาแค่ลูกร้องไห้ไม่หยุด คนเป็นพ่อเป็นแม่นี่ก็คงเครียดทุกคนแน่นอน"

ผมกับภรรยาเองก็เคยต้องผ่านเหตุการณ์แบบนี้มา 2-3 ครั้ง บางทีเราสังเกตเห็นว่าลูกเราทำไมถึงไอบ่อยๆ ก็กังวลแล้วว่าจะมีไข้มั้ย เพราะ เค้ายังพูดไม่ได้ บางทีไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลมา กลับมาก็มีไข้อ่อนๆ ตัวรุมๆ ก็กังวัลอีกว่าเป็นผลข้างเคียงจากวัคซีน หรือไปติดเชื้อโรคคนป่วยที่โรงพยาบาลมาหรือเปล่า 

ส่วนประสบการณ์เรื่องลูกนอนโรงพยาบาล ก็เคยมีครั้งนึงจากการเป็นไข้หวัด ซึ่งก่อนจะต้องเข้าโรงพยาบาลก็สังเกตลูกเราว่า ทำไมตัวอุ่นๆ ซึ่งยังดีที่เค้ายังกินข้าวได้ แต่เพื่อความไม่ประมาทผมกับภรรยาเลยตกลงว่า พาไปหาหมอดีมั้ย ซึ่งตัวผมเองก็ได้ซื้อประกันสุขภาพให้กับลูกเรียบร้อยแล้ว วงเงินก็น่าจะเพียงพอระดับนึง 

ดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะพาไป เพราะถ้าต้องนอนโรงพยาบาล ก็ไม่เดือดร้อนเรื่องการเงิน เพราะ เรามีประกันสุขภาพเรียบร้อย และแล้วหมอก็วินิจฉัยแล้วว่า “เป็นไข้หวัด” เห็นควรต้องนอน เพราะ จะได้ให้ยาได้สะดวก ซึ่งผมกับภรรยาก็เดินไปแผนกเลือกห้อง แล้วก็บอกว่าจะขอห้องเดี่ยว 

แต่เรื่องที่ทำให้ตกใจเล็กน้อยก็คือ ห้องเดี่ยวเต็ม มีแต่ต้องวีไอพี ซึ่งค่าห้องก็จะราคาสูงขึ้นไปอีก...

ซึ่งผมก็เทียบกับวงเงินประกันที่มีแล้ว ก็เห็นว่าก็จ่ายเพิ่มอีกวันละประมาณ 2,000 บาท ก็เลยจองไป แล้วก็บอกว่าถ้ามีห้องเดี่ยวว่าง ก็ขอย้ายไปห้องเดี่ยว เพื่อจะได้เพียงพอกับค่าห้องที่เรามี 

แล้วก็มีเรื่องที่ต้องตกใจอีก ก็คือ ห้องเดี่ยวของวอร์ดเด็กนั้น เต็มโดยผมเป็นคิวที่ 4 ที่จะได้ห้องนั้น โดยคนที่จองก่อนก็ยังต้องพักอยู่ห้องคู่อยู่ รอย้ายเช่นกันถ้ามีคิว

ซึ่งลูกผมก็นอนไปเพียง 1 คืน พยาบาลก็บอกว่าได้ห้องเดี่ยวของเด็กแล้ว ผมก็งงๆ ว่าเราคิวที่ 4 ทำไมได้ก่อน?

พยาบาลก็เลยบอกว่า "คิวก่อนหน้านั้นเค้าไม่ย้ายแล้ว โดยขออยู่ห้องคู่เหมือนเดิม" ซึ่งผมก็เลยคิดเอาเองว่า น่าจะมาจากเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยแน่ๆ เพราะคนเป็นพ่อแม่ ถ้าเลือกได้ก็คงอยากให้ลูกเราได้นอนพักห้องดีๆ จริงมั้ยครับ? ซึ่งเราเองไม่มีปัญหาตรงนี้ เพราะมีประกันสุขภาพคอยรับรองเราอยู่นั่นเอง...

โชคดีที่ลูกผมต้องนอนพักเพียง 2 คืนก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยหมอบอกว่า "ดีนะที่พามาเร็ว เพราะบางคนพามาช้า ก็ต้องนอนโรงพยาบาลนานหน่อย"

ดังนั้นผมเลยอยากสรุปถึง “ข้อดีของการทำประกันสุขภาพให้ลูกน้อย” ว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่น่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่มีลูกน้อย

  1. ได้ความสบายใจ : ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นหลักๆที่หลายๆคนมักคิดซื้อประกันสุขภาพให้ลูกเพราะเรื่องนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลว่า ถ้าเกิดลูกป่วยแล้วเราต้องจ่ายค่ารักษาแพงๆ จะเตรียมเงินจากไหน บางเคสอาจจะถึงขั้นหลายแสนบาทได้ ซึ่งถ้าเรารู้ว่าเราต้องจ่ายค่าเบี้ยปีละเท่านี้ ก็น่าจะเตรียมง่ายกว่า การที่จะต้องมาจ่ายเงินก้อนใหญ่ๆตอนต้องเข้าโรงพยาบาลจริงมั้ยครับ

  2. มีโอกาสหายเร็วขึ้น : ซึ่งแน่นอนว่าพอเรามีประกันสุขภาพให้ลูกแล้ว ก็ไม่ต้องคิดมากเลยว่า ถ้าป่วยจะไปโรงพยาบาลดี หรือ รอให้ดีขึ้นดี ซึ่งบางคนรอให้ดีขึ้นบ้าง หรือไปซื้อยาเองบ้าง ก็กลายเป็นว่ารักษาไม่ถูกจุด แล้วกว่าจะพามาโรงพยาบาลก็อาการหนักแล้ว แบบนี้ก็ทำให้รักษายากขึ้น แถมค่ารักษาก็สูงขึ้นอย่างแน่นอนอีกด้วย แบบนี้อาจจะเรียกง่ายๆว่า “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” ก็ได้ครับ

  3. ได้คุ้มครองทุกโรค : ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญมากๆ เพราะ การทำประกันสุขภาพตั้งแต่อายุน้อยๆ ข้อดีก็คือ เราจะไม่มีประวัติการเจ็บป่วยอะไรมาก่อน ดังนั้นเมื่อกรมธรรม์อนุมัติจึงคุ้มครองทุกโรค แต่ใครที่มักมาทำประกันสุขภาพเมื่ออายุมากๆ ส่วนใหญ่จะเจอปัญหา เพราะมีประวัติสุขภาพมาก่อนทำประกัน เช่นความดันสูงบ้าง เบาหวานบ้าง หรือเคยเป็นเนื้องอก เป็นต้น ดังนั้นบริษัทประกันก็จะรับประกันยากขึ้น หรืออาจจะต้องถูกเพิ่มเบี้ยหรือถูกยกเว้นการคุ้มครองโรคที่เคยเป็นมาก่อน ก็ได้

ดังนั้นใครที่มีลูกน้อยๆ จึงไม่ควรละเลยการทำประกันสุขภาพให้ลูกน้อยๆ โดยทุกวันนี้ก็สามารถเลือกแบบประกันสุขภาพได้หลากหลายมากขึ้น

ปัจจุบันมีให้เลือกทั้ง "แบบเหมาจ่าย" หรือ "แบบแพคเกจ" รวมไปถึงมี คุ้มครองแบบผู้ป่วยนอกอีกด้วย ซึ่งก่อนจะซื้อจึงควรเลือกและตรวจสอบผลประโยชน์ที่จะได้รับจากแผนนั้นๆ ก่อนการตัดสินใจ และควรต้องอยู่บนพื้นฐานความเหมาะสมของงบประมาณของตนเองเทียบกับรายได้อีกด้วยเพราะ ถ้าเลือกแบบเบี้ยที่สูงเกินไป ก็อาจจะทำให้ขาดอายุในภายหลังได้

สรุปก็คือ "ควรซื้อให้เหมาะกับคุณภาพชีวิตที่เราต้องการ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเหมาะสมที่เราจ่ายเบี้ยประกันแบบต่อเนื่องได้ด้วยครับ"

คิดเอาว่า...มีน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีคุ้มครองจริงมั้ยครับ ดังนั้นอย่าประมาทดีที่สุดครับ :)

3 ข้อดี ของการทำประกันสุขภาพให้ลูกน้อย