ชนะ “วิกฤต” การลงทุนด้วย “ความรู้”

 

“พี่คะอยากเริ่มต้นลงทุน ควรเริ่มจากอะไรก่อนดี”

“เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งแล้ว ไปซื้อกองทุนไหนดีคะพี่แนะนำหน่อย”

“ออมทองคำกับออมหุ้นแบบไหนดีกว่าครับพี่”

ฯลฯ

 

ในช่วงนี้แฟนเพจของ  “อภินิหารเงินออม” ส่งคำถามเกี่ยวกับการนำเงินออมไปต่อยอดด้วยการลงทุนในรูปแบบต่างๆ มาหลายคำถามมากๆ  หลายคนเพิ่งเริ่มศึกษาการลงทุนหุ้น แล้วอยากจะลงทุนทันที ในขณะที่บางคนยังตัดสินใจอยู่ว่าจะลงทุนแบบไหน จะเป็นกองทุนรวม ทองคำหรือว่าลงทุนหุ้น ฯลฯ

 

เราขอตอบโดยใช้ประสบการณ์ที่เราศึกษาเรื่องการลงทุนเป็นรูปแบบตนเองที่ไม่ได้อ้างอิงหลักการในหนังสือใดๆ จนมาสรุปเป็น 3 ข้อง่ายๆ นี้ คุณผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองได้เลย :)

 

3 ข้อต้องรู้ก่อนรวยด้วยการลงทุน (ฉบับมือใหม่หัดออม)

 

1.รู้อดีต

 

จุดเริ่มต้นการลงทุนของตนเองเกิดจากข้อสงสัยที่เห็นโฆษณาในโทรทัศน์ว่า “พวกเราควรลงทุนในหุ้นเพื่อความมั่งคั่งในอนาคต”  โฆษณานี้ทำให้เราเกิดคำถามในใจว่า “ถ้าหุ้นดีจริง และสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ แล้วทำไมปี 2540 ถึงเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งได้ล่ะ”

 

เราเลือกอ่านหนังสือชื่อ “ตีแตก” ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เป็นหนังสือเล่มแรกที่สอนเราเรื่องการลงทุน อ่านไว้เพื่อเตือนใจตนเอง จากนั้นเราก็พยายามหาคำตอบว่า “วิกฤตในช่วงต้มยำกุ้ง” นั้นว่าเกิดจากอะไร และคนที่เอาตัวรอดจากวิกฤตนั้นต้องทำอะไรบ้าง ต้องคนนี้เลยค่ะ...

 

 "ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ"

3 ข้อต้องรู้ก่อนรวยด้วยการลงทุน (ฉบับมือใหม่หัดออม)

ภาพจาก : http://www.manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000013630

 

หนึ่งในคนที่เรายกย่องเป็นแบบอย่างที่คนรุ่นหลังควรศึกษาก่อนการลงทุน คือ คุณศิริวัฒน์ แซนด์วิช ว่าคุณศิริวัฒน์มีวิธีเอาตัวรอดจากหนี้พันล้านได้ด้วยการที่ต้องใช้ใจที่อึดมากจริงๆ เราศึกษาอดีตเพื่อจะได้ระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น ถ้าใครกำลังเริ่มลงทุนเราอยากให้ลองศึกษาประวัติของคุณศิริวัฒน์เพื่อจะได้รู้ว่าโลกของการลงทุนนั้นมีอะไรมากกว่าที่เราคิด อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://thaipublica.org/2012/11/series-15-year-crisis-siriwat-1/

 

 

ถ้าจะให้อธิบายเรื่อง "การรู้อดีต" จากตัวอย่างใกล้ตัว ลองนึกว่าเรากำลังขับรถขึ้นภูเขาความลาดชันปกติ ถนนโล่งไม่มีรถสวนทางมา เราก็ขับอย่างสบายใจ อาจจะมีบางครั้งที่เร่งเครื่องขับเร็วขึ้นเพื่อจะได้ไปถึงที่หมายได้เร็วขึ้น พอขับมาเรื่อยๆ เราก็เจอป้ายบอกทางว่า “โค้งอันตราย” เราก็จะเริ่มแตะเบรกเพื่อเบาเครื่องยนต์ แล้วระมัดระวังมากขึ้น แต่ถ้าเราไปเจอป้ายข้างทางต่อไปเขียนว่า “โค้งร้อยศพ” รับรองได้ว่าใครเจอป้ายนี้จะชะลอความเร็วให้ช้าลงกว่าเดิมแล้วเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า เพราะไม่อยากเป็นศพต่อไป

 

ไม่ว่าจะเป็นโค้งอันตรายหรือว่าโค้งร้อยศพ ป้ายเตือนเหล่านี้ตั้งไว้เพื่อเตือนว่าอดีตเส้นทางนี้คร่าชีวิตผู้คนมามากมาย ถ้าไม่อยากเป็นรายต่อไปก็ควรอ่านป้ายเตือนตลอดการเดินทาง เหมือนดังเช่นประวัติศาสตร์การเงินที่เราต้องเรียนรู้วิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีตก่อนการลงทุนเพื่อที่ว่าเราจะได้รู้วิธีแก้ปัญหาหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมและระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้นเพื่อให้อยู่ในสมรภูมิการลงทุนได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่หวั่นไหวไปกับความโลภจนหมดตัวไปเสียก่อน

 

การรู้อดีตทำให้เรารู้ว่า...

  • การลงทุนเกินตัวจากการกู้ยืมหรือนำทรัพย์สินที่เป็นบ้าน ที่ดินไปจำนองเพื่อนำเงินมาลงทุนเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ถูกต้อง เพราะมันเป็นเงินร้อน หากการลงทุนล้มเหลว ขาดทุน ในขณะที่จะต้องนำเงินไปคืนหนี้สินที่ยืมมา โชคร้าย 2 ต่อกันเลยทีเดียว 
  • การลงทุนที่มั่นใจเกินไปว่าตนเองเก่งในการลงทุนที่สุด ลงทุนแล้วมีกำไรแทบทุกรอบนั้นจะทำให้วินัยการลงทุนนั้นพังย่อยยับ “เพราะไม่มีใครเอาชนะตลาดหุ้นได้”  เมื่อไม่รู้จึงต้องศึกษาให้มาก แต่พอรู้มากเกินไปก็ไม่ฟังคำทักท้วงคนอื่น สองหูจะปิดกั้นจนไม่รู้จักความเสี่ยง สุดท้ายความมั่นใจนั้นจะทำร้ายตนเองจนทำให้พอร์ตการลงทุนนั้นเสียหาย วิธีแก้มีทางเดียว คือ ต้องลงทุนอย่างมีสติ
  • ตลาดหุ้นขึ้นจะจิ้มซื้อตัวไหนก็ราคาขึ้นเกือบทุกตัวมันจึงเป็นที่มาของ “กำเนิดเซียนหุ้น” พูดอะไรก็ถูกหมดทุกอย่าง แต่เป็นช่วงสั้นๆ ส่วนของจริงที่ยั่งยืนจะเป็น “สุดยอดเซียนหุ้น” นั้นจะมาตอนตลาดหุ้นตกเพราะจะมีความสามารถในการออกจากสนามรบในยามวิกฤตชนิดที่บาดเจ็บน้อยที่สุด ด้วยการรักษาเงินที่เหลือไว้ได้ไม่ให้สิ้นเนื้อประดาตัวไปเสียก่อน
  • หากคนทุกคนที่เข้ามาในตลาดหุ้นไม่กลัวความเสี่ยงใดๆ หรือเข้ามาเพราะคิดว่าจะได้กำไรกลับไปอย่างเดียว จะเป็นช่วงอันตรายที่เป็นสัญญาณบอกเหตุว่า “ตลาดหุ้นกำลังจะตกแล้ว”

 

 

2.รู้ปัจจุบัน

 

เตรียมความรู้ให้พร้อมก่อนการลงทุน แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองไม่พร้อมอะไรบ้าง เราใช้วิธีเช็คตัวเองง่ายๆ จากการไปนั่งฟังสัมมนาแล้วฟังคนอื่นเขาคุยกัน วิทยากรก็จะสอนหลักการเราก็ฟังแล้วจดตาม ไม่เข้าใจอะไรก็ไปศึกษาเพิ่ม เราเน้นอ่านหนังสือเองกับฟังบทเรียนที่สอนการลงทุนออนไลน์ฟรีๆของตลาดหลักทรัพย์ที่มีมากมาย เราขอแนะนำเว็บนี้ http://www.set.or.th/education/th/education.html

 

ภายในงานสัมมนาก็จะมีนักลงทุนรุ่นเก๋ากับหน้าใหม่นั่งรวมๆ กัน ในช่วงพักเบรคเราเลือกที่จะกินกาแฟยืนอยู่เฉยๆ แล้วฟังคนอื่นแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการลงทุนกัน เก็บข้อมูลเพื่อรอหาคำตอบทีหลัง เราจะได้อะไรจากตรงนี้เยอะมากเพราะฟังคนอื่นพูด แต่เราก็ไม่ได้เชื่อคนรอบข้างไปหมดทุกอย่าง เราเน้นไปที่ไปค้นคว้าก่อนว่าที่พูดมานี่เป็นยังไง น่าเชื่อถือหรือไม่แล้วทดลองเอาไปทำ ถ้าได้ผลจริงค่อยเชื่อ จะไม่ฟังแล้วเชื่อทันที

 

เตรียมเงินให้พร้อมก่อนการลงทุน ไม่ควรเอาเงินทั้งชีวิตมาทุ่มกับการลงทุนเพã