สวัสดีคร้าบบ เข้าสู่ช่วงปลายปีแบบนี้ ใครหลายคนคงเริ่มต้นสำรวจตัวเองโดยการวางแผนภาษี เตรียมความพร้อมที่จะต้องรับมือกับการขอคืนและตรวจสอบกับพี่ๆสรรพากร และแน่นอนครับว่า สิ่งที่เราต้องการในการลดภาษีนั้น คือ การวางแผนภาษีที่ถูกต้องและไม่มีปัญหาย้อนหลัง จริงไหมครับพี่น้องงงงง (เฮ่)

วันนี้ @TAXBugnoms เลยนำเคล็ดลับลดภาษีให้มากที่สุดมาฝากกันครับ โดยมีชื่อว่า 3 เทคนิคลดภาษีแบบเต็ม MAX!! เอาล่ะไม่ต้องพูดพร่ำให้เสียเวลา เรามาดูเทคนิคกันไปทีละขั้นเลยคร้าบบบ

1. คำนวณภาษีที่เราต้องจ่าย คำถามแรกที่เราต้องถามตัวเอง เมื่อต้องการลดภาษีให้มากที่สุดคือ ตอนนี้เราจ่ายภาษีไปเท่าไรแล้ว ถึงต้องการจะลดภาษี เพราะปัญหาก็คือ บางทีเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เราอาจจะไม่ต้องเสียภาษีเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นสิ่งสำคัญลำดับแรกคือเราต้องคำนวณภาษีตัวเองออกมาให้ได้ก่อนครับว่าก่อนที่วางแผนนั้น เราต้องเสียภาษีเท่าไร

สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นคำนวณภาษีเอง ผมแนะนำให้อ่านบทความเพิ่มเติมเรื่องการคำนวณภาษีได้ที่บทความซีรีย์ภาษีง๊ายง่าย (3 ตอนจบ) กันก่อนเลยคร้าบบบ หรือจะใช้ตัวช่วยอย่าง ITAX.in.th ก็ได้เหมือนกันครับ

2. หาตัวช่วยในการลดภาษี หลังจากที่เรารู้แล้วว่า เรามีภาษีที่ต้องเสียเท่าไร ขั้นตอนต่อไปก็คือ มองหาค่าลดหย่อนที่เรามีว่าควรเพิ่มตัวไหนเข้าไปบ้าง เอามาใส่ให้หมดครับ ใส่เข้าไปเพื่อทำให้เงินได้ที่ต้องมาคำนวณภาษีของเรานั้น ลดน้อยลงที่สุด

เริ่มจากค่าลดหย่อนที่เป็นส่วนตัวทั้งหลาย เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนคู่สมรส (ไม่มีรายได้) บุตร ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ซึ่งตรงรายการค่าลดหย่อนนี้สามารถตรวจสอบได้ที่บทความ รายการ 14 ค่าลดหย่อนของมนุษย์เงินเดือน ครับ

แต่เคล็ดลับเพิ่มเติมตรงค่าลดหย่อนนี้ ผมอยากให้เน้นที่รายการค่าลดหย่อนสำคัญๆ ที่เป็นตัวช่วยในการออมเงินไปสู่เป้าหมายของเรา เพิ่มเติมนอกเหนือจากการออมภาคบังคับอย่าง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ ประกันสังคม มาลงที่ LTF, RMF และ ประกันชีวิต โดยจัดให้เหมาะสมตามความสามารถที่เรามีในการลงทุน และที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบตามเป้าหมายของตัวเองก่อนที่จะลงทุนเพื่อประหยัดภาษีด้วยนะครับว่าเราต้องการอะไร มา.. เรามาตรวจสอบกันอีกทีดีกว่าว่า 3 ตัวนี้มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง

1. กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) คือ กองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทย (สัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่า 65%) เหมาะสำหรับคนที่กล้าเสี่ยงเพิ่มอีกสักนิดเพือรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนในหุ้นไทยที่มีความผันผวนในขณะนี้

โดยเงื่อนไขของการประหยัดภาษีคือ ซื้อได้ 15% ของรายได้ทีต้องเสียภาษี เป็นจำนวนเงินสูงสุด 500,000 บาท และเมื่อลงทุนแล้วต้องถือกองทุนนี้ไว้อย่างน้อย 5 ปีปฎิทิน 

2. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) คือ กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์มากมายหลากหลายประเภท ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงสูง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวางแผนเกษียณ เพราะมีเงื่อนไขทางภาษีต้องถือไว้อย่างน้อย 5 ปีและถือไปจนถึงอายุ 55 ปีถึงจะขายได้ แถมเราต้องมีวินัยซื้อกองทุน RMF นี้ติดต่อกันทุกปีในจำนวน 3% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี หรือ 5,000 บาท (แล้วแต่ว่าตัวไหนจะต่ำกว่า)

โดยกองทุน RMF นี้เราก็สามารถซื้อได้ 15% ของรายได้ทีต้องเสียภาษีเป็นจำนวนเงินสูงสุด 500,000 บาท และเมื่อรวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (กบข. กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน) และประกันแบบบำนาญต้องไม่เกิน 500,000 บาทด้วยครับ 

3. ประกันชีวิต คือ เครื่องมือช่วยป้องกันความเสี่ยงตัวหนึ่งซึ่งได้สิทธิในการลดหย่อนภาษีเช่นเดียวกัน แบ่งออกเป็นสองตัว

- ประกันชีวิตธรรมดา ลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ถึง 100,000 บาท
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นประกันชีวิตอีกประเภทหนึ่งที่ให้สิทธิซื้อได้ 15% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี แต่สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวม RMF และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (กบข. กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน) แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท

3. เปรียบเทียบภาษีที่ประหยัดได้ สุดท้ายเมื่อเราได้เลือกค่าลดหย่อนต่างๆที่เหมาะสมกับตัวเราแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือนำค่าลดหย่อนที่เพิ่มขึ้นนั้นไปลองคำนวณดูครับว่า เราสามารถประหยัดภาษีได้เป็นที่น่าพอใจหรือยัง ซึ่งถ้าสามารถประหยัดได้พอใจแล้ว แค่นี้ก็ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของเราแล้วล่ะคร้าบ แต่สิ่งสำคัญในตรงนี้ที่จะเน้นย้ำก็คือ อย่าคิดเอาแต่ประหยัดภาษี จนลืมวัตถุประสงค์ในการลงทุนของเราไปนะครับ

เป็นไงบ้างครับ กับ 3 เทคนิคการลดภาษีให้เต็ม MAX ในบทความนี้ สุดท้ายแล้วผมหวังว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จะได้แนวทางและหลักการในการวางแผนลดภาษีอย่างถูกต้อง และเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการลดภาษีของตัวเองกันนะคร้าบบบ

 

3 เทคนิคลดภาษีแบบเต็ม