แอดมินนนนน เราทำอาชีพค้าขายอยากออมเงินจะทำไงดีล่ะ?
นับเป็นอีกหนึ่งในหลายๆคำถามที่ส่งเข้ามาใน Inbox ของแอดมินเพจอภินิหารเงินออมว่า ช่วยเขียนวิธีออมเงินของคนที่ทำอาชีพค้าขายบ้าง เพราะเงินมันต้องหมุนเวียนว่ายตายเกิดในร้านทุกวี่ทุกวัน ตั้งใจจะออมเงินเก็บไว้ แต่สุดท้ายก็ต้องแคะออกมาใช้ตลอดๆ T T
ถ้าแฟจเพจมีเป้าหมายอยากออมเงินชัดเป๊ะขนาดนี้ เดี๋ยววิธีการมันก็ตามมาเอง อาจจะปรับวิธีคิดอีกนิดหน่อยก็น่าจะทำให้คุณพ่อค้าแม่ค้ามีออมเงินได้ชัวร์จ้า บทความนี้จะบอกเป็นแนวทางว่าควรทำอะไรบ้าง แฟนเพจควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตนเองนะจ๊ะ
4 ขั้นตอนมีเงินออมทันที ฉบับคนมีอาชีพค้าขาย
1. เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ (สร้างหนี้น้อยที่สุด)
เพื่อนหลายคนเข้ามาปรึกษาว่าอยากมีธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเอง เห็นคนอื่นทำแล้วได้ดีมีเงินทะลักเข้ามาโครมๆ เฮ้ยยยย มันก็ทำไม่ยากนี่หน่า คนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ จัดไป!! เริ่มต้นทำธุรกิจอย่างอลังการ มีเงินเก็บไว้เท่าไหร่ก็ใส่ไม่ยั้ง แม้ว่าไม่มีเงินก็หยิบยืมคนโน้น คนนี่มาลงทุนก่อน แล้วหลับตาเห็นภาพตัวเองแหวกว่ายอยู่บนกองเงินกองทอง เงินล้านอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง ฮึฮึฮึ
แต่ว่า...ชีวิตจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้น!!
อย่ามองอะไรแค่ด้านเดียว มันมีกำไรได้ มันก็ต้องขาดทุนได้เหมือนกัน เพราะความสำเร็จมันไม่ใช่แม่พิมพ์ที่ทำตามแล้วจะได้เงินเหมือนกันเป๊ะๆ เรามองดูผิวเผินเหมือนจะง่าย แต่อย่าลืมว่าความขยันของเราไม่เท่ากัน คนอื่นอาจจะทำแล้วสำเร็จ แต่เราทำอาจจะไม่สำเร็จเหมือนคนอื่นก็ได้ #เผื่อใจไว้เจ็บ
ถ้าเราอยากรู้ว่าสิ่งที่เราคิดหรือธุรกิจที่อยากทำมันจะไปรอดมั๊ย มีคนสนใจรึเปล่า เราควรเริ่มต้นจาก สิ่งเล็กๆหรือเริ่มใช้เงินลงทุนน้อยๆ เพื่อทดลองก่อน ถ้าก้าวแรกมันสำเร็จแล้ว ก้าวต่อไปมันก็จะทำง่ายขึ้น ถ้าเราทำแล้วดี มีกำไรโผล่ออกมาให้ชื่นใจบ้าง ก็ค่อยๆขยายงานให้เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป แล้วใช้กำไรที่ได้หมุนมาเป็นเงินลงทุนใหม่ แม้ว่าวิธีการเติบโตจากกำไรมันจะช้า แต่ก็มั่นคงกว่านะจ๊ะ
ตัวอย่าง
- บางคนมีที่ดินอยากทำเกษตร แต่ตัวเองทำงานออฟฟิศ ไม่เคยทำงานตากแดดตากลมมาก่อน การเริ่มต้นที่ไม่เจ็บตัวมาก ควรไปดูงานหรือลองทำงานกับเกษตรกรที่เปิดสอนในสถานที่จริงๆ เพื่อจะได้รู้ใจตัวเองว่าชอบจริงหรือไม่ เมื่อทดลองจนเข้าใจวิธีการทำงานแล้วค่อยมาลงมือทำจริงๆ กับที่ดินของตัวเอง เมื่อทำจนขายผลผลิตได้แล้วก็นำกำไรมาหมุนต่อ
- กิจการร้านอาหาร ร้านกาแฟ มีน้องจบใหม่หลายๆคนอยากจะมีธุรกิจเป็นของตนเอง หลายครั้งที่เริ่มต้นแบบจัดเต็ม ของเต็มร้าน บางคนกู้ยืมเงินมาลงทุนแล้วจ้างพนักงานอย่างเดียว แบบนี้เรามีต้นทุนตั้งแต่เริ่มต้นเลยนะจ๊ะ ทางที่ดีในช่วงเริ่มต้นควรทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ยังไม่ต้องจ้างพนักงาน จะได้ประหยัดเงินลงทุน พอเริ่มมีกำไรเข้ามาบ้างแล้วก็ค่อยๆขยายออกไปเรื่อยๆ
2.แยก แยก แยกบัญชี!!
การจดบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนตัวแยกกับบัญชีของร้านค้า เริ่มจากเขียนบัญชีอย่างง่ายที่ตัวเองเข้าใจ ทำให้เรารู้ว่าที่มาและที่ไปของเงินว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ไม่ควรใช้จ่ายเงินส่วนตัวปะปนกับเงินของร้านค้า เพราะเวลาเกิดปัญหาเงินหายจะได้รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
จากประสบการณ์ส่วนตัวและพูดคุยกับคนที่ทำงานประจำแล้วขายของออนไลน์เป็นอาชีพเสริมหรือว่าคนที่ทำอาชีพขายของเพียงอย่างเดียว มักจะมีจุดอ่อนที่ทำให้พบจุดจบทั้งน้ำตา นั่นก็คือ กระเป๋าเงินใบเดียวใช้ครอบจักรวาล ตั้งแต่…..
- ใช้เก็บเงินออม
- ใช้จ่ายเรื่องส่วนตัว : กิน เที่ยว ช้อปปิ้ง ค่าเดินทางในชีวิตประจำวัน ค่าแชร์
- จ่ายหนี้สิน : ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนบัตรเดรดิต(ของส่วนตัว, ของร้าน) จ่ายเงินกู้นอกระบบ
- จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ของส่วนตัวและของร้านค้า
- จ่ายค่าซื้อของมาขาย ค่าเช่าร้านหรือค่าเช่าพื้นที่ในอินเตอร์เน็ต
- ใช้จ่ายค่าโฆษณาโปรโมทร้านทางโซเชียลใน Facebook , Line
- จ่ายค่าจ้าง เช่น เด็กเฝ้าร้าน เด็กส่งของ
มันยังมีสารพัดรายจ่ายที่มัดรวมกันแน่นจนแยกกันไม่ออกว่าอันส่วนไหนเป็นรายจ่ายเงินส่วนตัวและส่วนไหนเงินหมุนในร้านค้า แล้วมักจะใช้วิธีหมุนเงินไปมา เช่น บางเดือนร้านค้าขาดทุนก็เอาเงินส่วนตัวไปลงเพิ่ม ในขณะที่บางเดือนเงินส่วนตัวไม่พอก็หยิบเงินร้านออกมาใช้ก่อน(บางครั้งลืมคืนเงินให้ร้าน ทำให้เงินของร้านหายไป)
เมื่อเกิดปัญหาเงินขาดมือก็แก้ไขกันไม่ถูกเลยว่าสาเหตุมันมาจากอะไร “ช่วงนี้ร้านขายไม่ดีหรือว่าตัวเราใช้เงินสิ้นเปลือง” ถ้าเหตุการณ์เลวร้ายถึงระดับที่เงินส่วนตัวและเงินร้านหมด ก็อาจจะทำให้ต้องไปกู้ยืมเงินมาใช้จ่าย มันเป็นการสร้างปัญหาใหม่จากวงจรหนี้สินต่อไป ดังนั้น ควรแยกบัญชีให้ชัดเจนเพราะจะทำให้เราจัดการเงินง่ายขึ้น ดูปุ๊บรู้ทันทีว่าอะไรที่เป็นปัญหา
ตัวอย่าง การแยกบัญชีเงินส่วนตัวและเงินของร้าน

สมมติว่าร้านค้าขาดทุน เราอยากรู้ว่าเกิดจากอะไร การแยกบัญชีจะทำให้เรารู้ว่า…
- ต้นทุนของที่ซื้อมาแพงขึ้น อาจจะต้องหาแหล่งซื้อแห่งใหม่หรือเจรจากับร้านขายส่ง
- ค่าใช้จ่ายในร้านแพงขึ้น อาจจะมาจากค่าเช่าสูงขึ้น ค่าจ้างเด็กเฝ้าร้านมีจำนวนมากเกินไป
- ของบางตัวขายไม่ดี ได้เงินช้า อาจจะต้องหาวิธีโปรโมทหรือจัดโปรโมชั่นจะได้เงินมาหมุนเร็วๆ
- อัดเงินโฆษณาทางโซเชียล แต่ยอดขายไม่ขึ้น จะต้องหาสาเหตุว่าเพราะอะไร เพื่อจะได้หาแนวทางการโปรโมทที่น่าดึงดูดใจมากกว่านี้
3. เงินสำรองยามฉุกเฉิน
การค้าขายระบบเงินหมุน ยิ่งมีเงินหมุนมากขึ้นก็จะยิ่งมีกำไรมากขึ้น แล้วมองว่าถ้าเอาเงินมาเก็บดองออมไว้ มันก็จะเสียโอกาสในการสร้างเงิน สร้างรายได้ เงินกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไปปปป
แต่ว่า...
ถ้าเราขายของได้เงินมา 100% แล้วนำไปลงทุนต่อทั้ง 100% โดยไ