ทุกวันนี้ เทรนด์ของแบบประกันชีวิตที่กำลังมาแรง หลายคนพูดถึง และเริ่มมีบริษัทประกันชีวิตหลายบริษัทที่กำลังทยอยออกแบบประกันเหล่านี้ออกมา ก็คือ “แบบประกันชีวิตควบการลงทุน” นั่นเอง ซึ่งประกันชีวิตควบการลงทุน จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะ
คือเป็นแบบ “ยูนิตลิงค์” ที่ให้เราสามารถเลือกลงทุนเอง กำหนดวงเงินคุ้มครองเอง รวมถึงกำหนดเบี้ยจ่ายและระยะเวลาชำระเองได้อย่างอิสระ กับแบบ “ยูนิเวอร์แซลไลฟ์” ที่ให้เราเลือกสัดส่วนการลงทุนเองได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถเลือกหรือปรับผลประโยชน์ด้านอื่นๆได้อิสระเท่ากับแบบยูนิตลิงค์ แต่ก็จะมีความมั่นคงปลอดภัยมากกว่า เพราะมีการการันตีผลประโยชน์เอาไว้แล้วส่วนหนึ่ง
หากใครยังไม่เคยศึกษารายละเอียด หรือมีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับประกันชีวิตควบการลงทุนมาก่อนเลย ผมขอแนะนำให้เริ่มจากการอ่านบทความที่แนะนำเกี่ยวกับ ยูนิตลิงค์ และ ยูนิเวอร์แซลไลฟ์ ก่อน ตามนี้ครับ :
ยูนิตลิงค์ : [ซีรีย์] เจาะลึก ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน Unit-Linked (ตอนที่ 3)
ยูนิเวอร์แซลไลฟ์ : ประกันชีวิตแบบ Universal Life มีดียังไง?
มาถึงจุดนี้ ที่บางท่านอาจจะได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับประกันชีวิตควบการลงทุน ทั้ง 2 ประเภทมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังอาจจะสงสัย ไม่แน่ใจ หรือตัดสินใจไม่ได้อยู่ดี ว่าถ้าจะซื้อประกันชีวิต จะซื้อเป็นแบบควบการลงทุนดีไหม หรือเลือกแบบดั้งเดิม (ตลอดชีพ, ชั่วระยะเวลา, สะสมทรัพย์, บำนาญ) ดีกว่า? (เพราะไม่ใช่ว่าแบบควบการลงทุนจะดีกว่าแบบดั้งเดิมในทุกแง่มุมเสมอไป) หรือถ้าจะซื้อควรจะซื้อแบบไหน? มีปัจจัยอะไรในการพิจารณาบ้าง?
ซึ่งวันนี้ ผมได้รวบรวมปัจจัยที่ควรจะนำมาพิจารณา ในการตัดสินเลือกซื้อประกันชีวิตแบบควบการลงทุน เพื่อช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น มา 5 ข้อ ดังนี้ครับ :
1. ความเสี่ยงและผลตอบแทนการลงทุน (Risk & Return)
(เรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน?, ความรู้และประสบการณ์การลงทุนมากน้อยแค่ไหน?)
เมื่อมีการนำการลงทุน ซึ่งมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของผลตอบแทน เข้ามาควบรวมกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความแน่นอนหรือการการันตี อย่างเรื่องการทำประกันแล้ว เราจึงต้องพิจารณาว่า “แล้วเรามีความสามารถในการรับความเสี่ยงได้แค่ไหน” (เมื่อดูจากความรู้ / ความเข้าใจ / ประสบการณ์ / ความสามารถ ในการจัดการ) ซึ่งถ้าหากเป็น “ยูนิตเวอร์แซลไลฟ์” คือเราต้องรับความเสี่ยงของการลงทุนได้ส่วนหนึ่ง เพราะเริ่มมีการลงทุนในตราสารทุน หรือหุ้น เพิ่มเข้ามา (แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนไม่สูงมากนัก) แต่การบริหารการลงทุนยังเป็นหน้าที่ของบริษัทประกัน เราแค่เลือกรับความเสี่ยงจากสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเท่านั้น ดังนั้น คนที่ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ในการลงทุนมากนัก ก็อาจจะสามารถเริ่มต้นได้ไม่ยาก เพราะไม่เสี่ยงมาก แต่สำหรับ “ยูนิตลิงค์” คนที่จะซื้ออาจจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของความเสี่ยง จากการลงทุนพอสมควร เพราะต้องบริหารการลงทุนเอง จัดพอร์ตการลงทุน เลือกสัดส่วนการลงทุน และสินทรัพย์ที่จะลงทุน (ผ่านกองทุนรวม) เองทั้งหมด (ถึงแม้จะมีระบบอัตโนมัติ เช่น การทยอยซื้อ หรือการปรับสัดส่วนการลงทุน มาช่วยระดับหนึ่งแล้วก็ตาม) ซึ่งถ้าหากเราไม่มีความรู้และประสบการณ์มากนัก ตัวแทนหรือที่ปรึกษาที่แนะนำเรา ก็ควรจะต้องมีความรู้เรื่องนี้ให้มากๆ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดความเสียหาย เพราะความเข้าใจที่ไม่ตรงกับความคาดหวัง ก็เป็นได้
หรือถ้าคิดว่า เรายังไม่พร้อมที่จะรับความเสี่ยงเลย หรือต้องการการันตีเงินก้อนนี้ 100% จริงๆ ก็ควรจะกลับไปเลือกทำประกันแบบดั้งเดิม อาจจะเหมาะสมกว่า
2. ความคุ้มครอง (Protection)
(ได้ความคุ้มครองชีวิตแบบการันตี สูงกว่าเบี้ยที่จ่ายไป มากน้อยแค่ไหน?)
ขึ้นชื่อว่าเป็นประกันชีวิต ยังไงก็ควรจะต้องมองเรื่องของการคุ้มครองชีวิตเอาไว้บ้าง (ถ้ามองแต่เรื่องของผลตอบแทนอย่างเดียว ก็ไปดูเรื่องการลงทุน หรือเงินฝาก ไปเลยดีกว่า) เราก็ควรต้องดูว่า ความคุ้มครองชีวิตที่ได้ สูงกว่าเบี้ยทั้งหมดที่เราจ่ายไปมากแค่ไหน? มีการการันตีกี่เปอร์เซ็นต์? คุ้มไหมเมื่อเทียบกับเบี้ยที่จ่าย และค่าใช้จ่ายในการทำประกันที่บริษัทประกันคิดกับเรา? ซึ่งอย่างน้อยๆ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าไม่ควรต่ำกว่า 20% (1.2 เท่า) ของเบี้ยทั้งหมดที่จ่ายมาครับ
3. สินทรัพย์ลงทุนที่ให้เลือก (Investment Asset)
(ดีไม่ดี? แข็งแกร่งหรือมีศักยภาพแค่ไหน? มีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน?)
ถ้าเป็นยูนิตลิงค์ ก็ให้พิจารณาจากกองทุนทั้งหมด ที่บริษัทประกันให้เราเลือกลงทุน ว่าเป็นกองทุนที่ดีไหม? ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกัน กองอื่นๆ ในตลาด ถ้าเป็น ยูนิเวอร์แซลไลฟ์ ก็ว่าบริษัทประกันมีนโยบายจะไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหนบ้าง? สัดส่วนเท่าไหร่? สินทรัพย์ที่ลงทุนมีความเสี่ยงหรือศักยภาพมากน้อยแค่ไหน? เช่น ถ้าเป็นพันธบัตรหรือตราสารหนี้ มี Credit Rating (หรือคะแนนที่บ่งบอกถึงความมั่นคงของบริษัท) เป็นอย่างไร? (ถ้าจะให้ปลอดภัย ก็ไม่ควรต่ำกว่า BBB) อายุตราสารหนี้ยาวแค่ไหน? (ถ้ายิ่งยาว ผลตอบแทนก็ยิ่งสูงขึ้น แต่ก็ยิ่งมีความผันผวนของราคาสูงขึ้นเช่นกัน) ถ้าเป็นหุ้น ส่วนใหญ่ลงทุนในอุตสาหกรรมอะไร? มีศักยภาพในการเติบโตแค่ไหน? อาจจะไม่ต้องละเอียดเหมือนจะไปลงทุนในหุ้นรายตัวด้วยตัวเอง แต่อย่างน้อยก็ควรจะต้องพอรู้นโยบายคร่าวๆไว้บ้างครับ
4. ค่าใช้จ่าย (Cost)
(แพงเกินไปรึเปล่า? หักแล้วผลตอบแทนที่เหลือยังคุ้มค่าไหม?)
คือสิ่งที่บริษัทประกันจะหักจากผลกำไรที่ได้รับจากการลงทุน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ เราก็ควรเทียบว่า ถ้าเป็นประกันชีวิตควบการลงทุน เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว ส่วนที่เหลือที่เราจะได้ จะสูงกว่าประกันชีวิตแบบดั้งเดิมมากแค่ไหน? หรือน้อยกว่าการที่เราเลือกไ