หัวใจสำคัญของการนั่งวิเคราะห์แนวทาง Value Investing นั้นมันไม่ได้มีแค่เรื่องของการแกะงบการเงิน ผมนั่งเลือกหุ้น หาหุ้นมากว่า 10 ปี กลับพบว่า ส่วนที่ยากที่สุดในการลงทุนก็คือ การใส่จินตนาการของเราเข้าไป เพื่อจะคำนวณสิ่งที่เราคิดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตออกมาในรูปของคุณค่า ที่บริษัทจะให้กับผู้ถือหุ้น เสร็จแล้วก็แปลงเป็นตัวเลข คำนวณมันออกมาเป็นมูลค่าปัจจุบัน (Present Value)


ไอ้เจ้าจินตนาการเนี่ยละครับ ที่ทำให้นักวิเคราะห์ และนักลงทุนแต่ละคนประเมินมูลค่าของบริษัทแต่ละบริษัทที่เราจะลงทุนแตกต่างกันออกไป

 

แล้วต้องจินตนาการยังไงให้มันใกล้เคียงกับอนาคต?

ผมมองว่า ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่มือใหม่สาย Value Investing ให้ความสำคัญน้อยก็คือ การประเมินผู้บริหารบริษัท ซึ่งรายย่อยอย่างเราๆสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องใกล้ชิดกับผู้บริหารท่านนั้น เพียงแต่ ต้องฟังท่านให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะตามอ่านทางหนังสือพิมพ์ ดูบทสัมภาษณ์ ไปประชุมผู้ถือหุ้น นั่งดู Opportunity Day อยู่ที่บ้าน ก็ทำได้โดยไม่ต้องนัดหมายเข้าพบแบบตัวต่อตัวให้เสียเวลา (ผมหมายถึงเสียเวลาเขานะ ไม่ใช่เสียเวลาเรา ฮ่าๆๆ)


และนี่คือ 4 คุณสมบัติของผู้นำ ที่จะทำให้บริษัทนั้นก้าวหน้าต่อไป ถ้าคุณรู้ว่าใช่ ให้จับตาไว้เลย

  • กล้าพูดความจริงกับนักลงทุน : ผมเจอหลายบริษัทที่พยายามเบี่ยงเบนไม่ตอบคำถามประเด็นปัญหาปัจจุบันที่บริษัทกำลังเผชิญ ทั้งๆที่เห็นๆอยู่ว่างบการเงินมีปัญหา แล้วก็เฝ้าพูดว่า แผนอนาคตจะมี 1 2 3 4 วาดฝันให้เราแบบดีเกินจริง เจอแบบนี้ให้หลีกเลยครับ ผู้บริหารที่ดี จะต้องกล้ายอมรับว่า บริษัทกำลังเผชิญกับปัญหาอะไร ถ้าไม่เริ่มที่จุดนี้ ลองคิดดูสิว่า จะแก้ปัญหาแล้วเดินหน้าต่อได้ยังไง? ดังนั้น ถ้าเขากล้าพูดความจริงกับเรา ก็เอาใจผมไปแล้วเกินครึ่งแล้ว
  • กล้าสั่งลูกน้องให้ทำ เดี๋ยวนี้ : ถ้าคุณลงทุนในหุ้นที่เน้นการเติบโต (Growth Stock) การเร่งการเติบโตของบริษัทคือหัวใจหลักของกำไรในอนาคตของนักลงทุน  และจากการได้เห็นผู้บริหารหลากหลายประเภท ผมพบว่า องค์กรที่โตได้แบบก้าวกระโดดนั้น เขาไม่ได้ทำการเร่งอัตราการเติบโตด้วยวิธีอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อนเลยครับ ผู้บริหารแค่ต้องสั่ง และมีความสามารถจัดสรรทรัพยากรบุคคลไปยังงานต่างๆได้อย่างถูกจุด ในฐานละของมนุษย์เงินเดือน คุณอาจไม่ชอบเจ้านายแบบนี้นะ เพราะอาจรู้สึกว่า เจ้ากี้เจ้าการ แต่ถ้าคุณเป็นนักลงทุน และเจอผู้ประกอบการแบบนี้ ถือว่าน่าสนใจทีเดียวเชียว
  • ต้องยอมให้เกิดวัฒนธรรมของการเสี่ยงเกิดขึ้นในองค์กรบ้าง : มีผู้นำที่ดีจำนวนมากที่หวงแหนกับอาณาจักรที่ตัวเองเคยสร้างมาในอดีตมากเกินไป เลยทำธุรกิจแบบเน้นปลอดภัย ไม่ปรับเปลี่ยนโมเดลการทำงาน แต่ความเป็นจริงแล้ว การที่บริษัทจะโตขึ้นในวันข้างหน้า มันต้องมาจากการมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการแสดงไอเดีย แปลกๆ และมีการลงทุนใน R&D ลองผิดลองถูกเพื่อพัฒนาสิ่งใหม่ๆไปเรื่อยๆ ดังนั้น สิ่งที่เราต้องดูข้อที่ 3. ก็คือ ผู้นำ ควรเป็นผู้ที่รักความเสี่ยง และมีการทำงานเชิงรุก หมายถึง มุ่งไปสู้กับปัญหา ไม่ใช่รอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้
  • ใช้คนถูกที่ : ปัญหาโครงสร้างองค์กรของบริษัทขนาดใหญ่ก็คือ เคลื่อนตัวได้ช้า มีตำแหน่งและสายการบังคับบัญชาที่มากเกินไป นั้นทำให้ผู้นำ ขาดความเข้าใจถึงปัญหาในระดับปฏิบัติการ เขาเลยจำเป็นจะต้องมีมือซ้าย มือขวา ที่สามารถไว้ใจได้มาช่วยในการแก้ปัญหาที่ตัวเองไม่สามารถลงไปแก้ได้ แต่ถ้าเป็นบริษัทที่ขนาดเล็กลงมา องค์กรจะค่อนข้าง flat ไม่มีตำแหน่งโน้นนี่ ก็จะเจอปัญหาอีกแบบหนึ่งคือ การทำงานจะเป็นแบบ Project ระหว่างแผนก พอผลงานออกมา ก็อาจเจอปัญหาการแย้งผลงานความดีความชอบกัน เพราะมันไม่มีการแบ่งอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้น ผู้นำจึงควรรู้ว่า จะเอาใครไปไว้ตรงไหนขององค์กร แล้วงานเดินหน้าโดยไม่เอาหน้า สร่างบรรยากาศการทำงานเป็นทีมขึ้นมาได้

ดราฟ 4 ทนาคาน3

คุณสมบัติทั้ง 4 ข้อที่เขียนมา เป็น 4 ข้อที่ผมคิดว่า เหมาะกับการเอาเป็นแนวทางในการดูใจผู้บริหารในยุคนี้ ยุคที่ราคาหุ้นมันแพงกันเกือบหมด หาหุ้นถูกสไตล์ VI พันธุ์แท้แทบไม่เจอ การอ่านใจผู้บริหาร ก็คือการ วิเคราะห์อนาคตของบริษัท ซึ่งมันมักจะเหมาะกับหลักทรัพย์พวก Growth Stock ทั้งหลาย

จริงๆแล้ว คุณสมบัติภาพกว้างๆของผู้บริหารที่ดีก็คือ สามารถชนะใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัททั้งหมดได้หรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็น ลูกจ้าง ลูกค้า นักลงทุน และผู้ถือหุ้น ถ้าไม่สามารถสร้างสมดุลระหว่าง Stakeholders ได้ ความเป็นบริษัทก็ไม่ยั่งยืนที่จะลงทุนในระยะยาวครับ