ในช่วงก่อนหน้านี้ผม ได้โอกาสไปร่วมงานสัมมนาแห่งหนึ่ง และได้พูดคุยกับเจ้าของกิจการใหญ่ ๆ อยู่หลายท่านพอสมควร จึงได้รับการแบ่งปันประสบการณ์ในการทำงาน และการทำธุรกิจที่แต่ละท่านถนัด รวมถึงแนวคิดการลงทุนในฐานะเจ้าของธุรกิจจากแต่ละท่านอีกด้วย พอกลับมาถึงบ้านก็รวบรวมแนวคิดจากที่ได้พูดคุยเรื่องต่าง ๆ ทำให้ผมเห็นว่าเศรษฐี หรือ เจ้าของกิจการแต่ละท่านนั้นมีความคิดที่คล้ายคลึงกัน และเหมือนกันอยู่ค่อนข้างมากครับ
ผมจึงเริ่มที่จะจับจุดและรวมรวบข้อมูลที่น่าสนใจ และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับหลาย ๆ ท่านได้ครับ รวมถึงจากการที่ผมเป็นผู้ลงทุนกับกองทุนรวมอยู่แล้ว จึงได้เกิดการผสมผสานแนวคิดในการลงทุนผ่านกองทุนเข้าไปด้วยครับ ดังนั้นจึงเป็นที่มาของบทความวันนี้ครับ คือ
“4 วิธีคิดและลงทุนแบบเศรษฐีเงินล้าน ผ่านกองทุน”
-
ให้ความสำคัญกับการทำงาน และ การลงทุน เท่า ๆ กัน
เจ้าของกิจการเกือบทุกท่านที่ผมได้คุยด้วย พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยครับว่า คนเราต้องขยันทำงาน และตั้งใจทำงานให้ดี ก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุน เพราะว่าการทำงานจะทำให้เราเชี่ยวชาญ และเข้าใจ ถึงธุรกิจต่าง ๆ ได้อย่างดี ดังนั้นเวลาลงทุนจึงจะมองอะไรได้รอบด้านมากกว่าคนอื่น ๆ สามารถมองไปถึงจุดสำคัญในแต่ละธุรกิจได้ลึกซึ้งมากขึ้น แต่คนสมัยนี้มักจะข้ามขั้นไปถึงลงทุนเลย โดยไม่ศึกษาพื้นฐานด้านธุรกิจไว้บ้าง ระยะยาวแล้วคงประสบความสำเร็จจากการลงทุนได้ยาก ดังนั้นเราควรที่จะตั้งใจทำงานของเราให้ดีเสียก่อน เมื่อเราทำงานได้ดี รายได้ก็จะมากขึ้น เข้าใจธุรกิจมากขึ้น จากนั้นก็เก็บเงิน แล้วจึงเริ่มลงทุน
**ในแง่มุมการลงทุน ก็คือ เราต้องตั้งใจทำงานเก็บเงิน หาความรู้ เมื่อพร้อม ก็ค่อยเริ่มลงทุน โดยให้ความสำคัญกับทั้งสองอย่างเท่า ๆ กัน เนื่องจากถึงแม้การลงทุนจะทำให้เรามีความมั่งคั่งในอนาคต แต่งานปัจจุบันก็เป็นแหล่งรายได้ของเราในการลงทุนเช่นกัน ยิ่งเงินทุนมากโอกาสในความมั่งคั่งในอนาคตก็เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย
-
อย่าทำงานที่เราไม่ถนัด
แม้ว่าบางครั้งเราจะรู้ว่างานบางอย่างเราสามารถทำได้เอง แต่ผมบอกได้เลยว่าบางงานก็เป็นเรื่องของมืออาชีพครับ เช่นเราอาจจะเก่งเรื่องการตลาดก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเก่งในการทำโฆษณาไปด้วยครับ หรือ ถึงแม้เราจะพอรู้ขั้นตอนในการทำอาหารหรือ ว่าเรารู้สูตรทำอาหารมา ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำได้อร่อยนะครับ ดังนั้นงานบางอย่างเราก็ไม่ควรที่จะทำเอง(มีเจ้ากิจการท่านนึงเคยบอกว่าเกือบเจ๊งเพราะว่าทำโฆษณาเอง เขียนบทเอง กำกับเองเลยทีเดียว) เนื่องจากคนเราไม่สามารถที่จะรู้ และเก่งได้ทุกอย่าง ผมจึงแนะนำว่าบางงาน เราควรที่จะหามืออาชีพเข้ามาช่วยน่าจะเหมาะสมกว่าครับ
**ในแง่มุมการลงทุน ก็คือ กองทุนรวมอาจจะน่าสนใจมากกว่าการลงทุนในหุ้นเอง เนื่องจากผู้จัดการกองทุนมีความเชี่ยวชาญในการลงทุนมากกว่าเรา และที่สำคัญถ้าเราไม่มีเวลาในการลงทุนเอง ก็ควรที่จะให้มืออาชีพเป็นคนจัดการดูแลแทน
-
สินค้าที่แก้ไขปัญหาคนหมู่มากได้ = สุดยอดธุรกิจ
ข้อสังเกตอย่างนึงของเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ ที่ผมเห็นในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่มีจุดเริ่มต้นจากการแก้ไขปัญหาเล็กๆ ให้กับผู้บริโภค หรือ ลูกค้านั่นเองครับ และถ้าบริการของเราได้แก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้จริง ๆ และเป็นวงกว้างมากพอ ก็จะทำให้ธุรกิจของเราขยายใหญ่ได้อย่างรวดเร็วครับ ที่สำคัญเวลาที่ต้องเลือกธุรกิจก็ต้องมองถึงอนาคตด้วยครับว่าธุรกิจแบบนี้จะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน ผมแนะนำว่าท่านผู้อ่านลองหาวิธี หรือ หาสินค้าที่จะแก้ไขปัญหาเล็กๆ น้อยๆของคนรอบข้างได้ดูสิครับ อาจจะค้นพบธุรกิจดี ๆ และทำให้ท่านกลายเป็นเศรษฐีก็ได้นะครับ
**ในแง่มุมการลงทุน ก็คือ เราต้องลงทุนกับบริษัทที่ดีพื้นฐานกิจการดูแล้วมีสินค้าที่เข้าใจได้ง่าย และแก้ไขปัญหาคนหมู่มากได้จริง อนาคตยังคงต้องใช้ และเป็นบริษัทที่อยู่มานาน เช่น ร้านค้าสะดวกซื้อ โรงพยาบาล ธนาคาร ฯลฯ
-
การลงทุนหรือ ทำธุรกิจต้องเรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องมีวิธีแปลกๆ เสมอไป
เจ้าของกิจการและเศรษฐีหลายท่านได้บอกกับผมว่า เวลาทำธุรกิจ อย่าซับซ้อนมาก ให้ทำธุรกิจอย่างเรียบง่าย เช่นซื้อของมา ขายของไป ได้กำไรก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดซับซ้อนจนเกินไป ตัวอย่างที่ดีอีกท่านในการทำธุรกิจและลงทุนก็คือ ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ครับ โดยปู่แกได้แนะนำว่า “เมื่อลงทุน ทำให้เรียบง่าย ชัดเจน อย่าพยายามหาคำตอบที่ซับซ้อน จากคำถามที่ซับซ้อน”
**ในแง่มุมการลงทุน ก็คือ ใช้วิธีการลงทุนอย่างง่าย ๆ ไม่ต้องซับซ้อนมาก และทำให้เหมาะกับตนเอง เช่น การจับจังหวะการลงทุนอาจจะทำให้เราต้องคิดมาก ว่าจะซื้อเมื่อไหร่ ขายเมื่อไหร่ ซึ่งการลงทุนแบบนี้จะมีความซับซ้อนมากขึ้น เมื่อตลาดมีความผันผวน ทางที่ดีเราควรที่จะลงทุนแบบง่าย ๆ ด้วยการสะสม หรือ ถัวเฉลีย อย่างที่เราใช้กันบ่อย ๆ คือ DCA (Dollar Cost Averaging) โดยการซื้อกองทุนทุกเดือน เดือนละเท่า ๆ กันไปเรื่อย ๆ จะทำให้เราได้ราคาเฉลี่ยของกองทุนที่ถูกลงในระยะยาว และโอกาสขาดทุนก็จะน้อยลงไปนั้นเองครับ
คราวนี้เรามาดูวิธีการสร้างเงินล้านกันจากแนวคิดข้างต้นนะครับ
- นำเงินจากการทำงานมาลงทุน เช่น เหลือเงินต่อเดือนสำหรับลงทุน 3,000 บาท หรือ 5,000 บาท
- เน้นลงทุนผ่านกองทุนรวม โดยให้ผู้จัดการกองทุนเป็นคนดูแลเนื่องจากมีความชำนาญและเป็นมืออาชีพกว่าที่เราจะลงทุนเอง ส่วนเราเอาเวลาไปทำงานหาเงินเพิ่ม เพื่อมาลงทุนต่อยอดไปเรื่อย ๆ
- เนื่องจากผมเคยทำงานในบริษัทยา และรู้ว่าปัญหาที่คนทุกคนบนโลกใบนี้ต้องเจอแน่ๆ และเป็นปัญหาแบบระยะยาวก็คือ ปัญหาสุขภาพ แต่ผมไม่ได้มีความชำนาญในการผลิต