หลังจากเริ่มทำงานที่บ้าน (Work from Home) หรือ WFH ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อนๆ สังเกตกันไหมครับว่า สิ่งที่เพิ่มมาอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ “ค่าใช้จ่ายต่างๆ” โดยเฉพาะ ค่าน้ำ-ค่าไฟ ที่เพิ่มสูงขึ้น สาเหตุหลักก็เพราะเราอยู่บ้านแหละครับ ใช้ไฟใช้น้ำทั้งวัน จากเดิมที่ใช้แค่ 8-10 ชั่วโมง หลังกลับจากที่ทำงาน

แม้ทางการไฟฟ้าฯ การประปาฯ จะออกมาช่วยในแง่ของการลดการเก็บค่าใช้จ่าย แต่นั่นอาจจะไม่ได้ช่วยลดรายจ่ายได้ทั้งหมด เพราะส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายที่บานปลาย ก็เกิดจากพฤติกรรมของเราด้วยครับ ซึ่งทุกคนสามารถปรับได้

วันนี้ aomMONEY จึงได้รวบรวมเทคนิคการรูดซิบเงินประเป๋าของทุกคนให้เกิดความมิดชิดมากยิ่งขึ้น ผ่านการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานที่บ้าน เพื่อลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะเราไม่รู้ว่า COVID-19 จะหมดไปเมื่อไหร่

เพราะฉะนั้นมาหาวิธีลดรายจ่ายของเรากันเถอะครับ 

และ aomMONEY ได้คัดสรรมาให้ 4 วิธี มีรายละเอียดดังนี้ 

1. เพิ่ม 1 องศา ลดการใช้ไฟฟ้า

ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุในเดือนเมษาแบบนี้ จะมาให้ลดการเปิดแอร์หรือเปิดพัดลมคงจะยากยิ่งต้องทำงานด้วยแล้ว บรรยากาศถือว่าสำคัญ ฉะนั้นหากไม่ลดเราจะทำอย่างไร ซึ่งทาง กฟผ.เองก็แนะว่า ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศเป็น 26 องศา โดยการเพิ่ม 1 องศา จะช่วยประหยัดไฟฟ้าได้เพิ่ม 10% ขณะเดียวกันไหนๆก็ว่างแล้ว ลองเป็นช่างแอร์มือสมัครเล่นผ่านการทำความสะอาดแผ่นกรองไปด้วยเลย

กฟผ.ยังแนะต่อไปอีกว่า วิธีที่ง่ายที่สุดในการประหยัดไฟ  คือ ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น ปลดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้ โดยเฉพาะโน๊ดบุ๊คหากแบตเต็มแล้วก็ถอดออก เปิดหน้าต่างรับลมบ้าง แค่นี้เอง อาจลดไม่มาก แต่ง่ายนะทำได้เลยตอนนี้

2. ใช้แดดให้คุ้มประโยชน์

ในเมื่อแดดมันแรงแบบนี้ อะไรที่ต้องสักบ่อยครั้งอย่าง หมอน ผ้าห่ม ไม่ลองเอามาตากแดดฆ่าเชื้อดู แทนที่จะซักบ่อยๆ ให้เปลืองน้ำ นอกจากวิธีดังกล่าว เนื้อที่กักตุนไว้ หากนำมาทำเป็นเนื้อแดดเดียวนอกจากยืดอายุของเนื้อสัตว์แล้ว ยังสามารถเก็บตุนไว้กินได้อีกหลายมื้อ ลดการโทรสั่งของเดลิเวอรี่ได้พอสมควรอยู่นะ

3. มัดรวมทีเดียว

จำนวนเสื้อผ้าที่ต้องใช้ในแต่ละวัน ควรรวบรวมไว้ทีละมากๆในช่วงนี้และซักพร้อมกับรีดในครั้งเดียว เพราะจะช่วยให้ประหยัดการใช้น้ำและไฟได้ อีกวิธีที่แสนง่ายแต่สามารถลดได้หากทำอย่างต่อเนื่อง สำหรับสายกรีน การรดน้ำต้นไม้ก็รดตามปกติแต่เปลี่ยนวิธีมาเป็นการหยดน้ำแทนน่าจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำได้คุ้มมากขึ้น

4. ทำรายจ่ายระหว่าง WFH

ลองคำนวนดูว่า รายจ่ายเมื่อต้องทำงานที่บ้านจริงๆ มีอะไรเพิ่มขึ้นมา เปรียบเทียบจากเดือนที่ทำงานที่ออฟฟิส เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าอาหาร และค่าอื่นๆ จากนั้น ลองตัดถอนกับรายรับดู หากส่วนไหนที่พอลดได้ เช่น พฤติกรรมการใช้น้ำ ใช้ไฟ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ จากที่สั่งทุกวัน ลองชงกินเองดูสัก 3 วัน/สัปดาห์ เพราะการที่ทำรายจ่ายจะทำให้เราเห็นภาพของส่วนที่สามารถลดได้อย่างชัดเจน

การปรับพฤติกรรมสักนิดเพื่อรับกับสถานการณ์ โดยเฉพาะการทำงานที่บ้าน น่าจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายที่เรามักมองข้ามจำพวกการใช้ไฟฟ้าและน้ำที่ฟุ่มเฟือยลดลงไปได้ เพื่อเซฟเงินในกระเป๋าและรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นและกำลังสวนทางกับรายรับ

บางวิธีที่ aomMONEY เสนอไป สามารถทำได้เลยตั้งแต่ตอนนี้นะครับ เพราะเราอยากให้เพื่อนๆ มีความสุขกับการทำงานที่บ้าน โดยที่เงินในกระเป๋าไม่รั่วไหลเกินความจำเป็น และที่สำคัญอย่าลืมมาตรการเยียวยาจากรัฐฯ ที่ออกมาซัพพอร์ตเรา ไม่ว่าจะเป็นการขอเงินคืนค่าประกันไฟฟ้าหรือการขอเงินคืนค่าประประกันน้ำประปานะหรือมาตรการเยียวยาผู้ว่างงานครับ ซึ่ง aomMONEY ได้สรุปเป็นบทความไว้ให้แล้ว

ขอบคุณครับ

บ.ก.aomMONEY 

ติดตามความรู้เรื่องการเงินการลงทุนจาก aomMONEY

Website : www.aomMONEY.com

Youtube : https://www.youtube.com/AommoneyTH

กลุ่มกองทุนไหนดี : https://www.facebook.com/groups/SelectedFund/