เชื่อว่าเมื่อพูดถึงการออมเงินแล้ว ทุกคนคงเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นสิ่งที่ดี และเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ เพราะหนทางเดียวที่เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเงินเพื่อความสุขของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินแต่งงาน ดาวน์บ้าน ดาวน์รถ หรือเกษียณอายุอย่างมีความสุขนั้น ล้วนแล้วแต่ต้องเริ่มที่ “การรู้จักเก็บออม” ทั้งสิ้น และเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ทุกวันนี้ผมเริ่มเห็นคนรุ่นใหม่ๆ และหลายๆคน หันมาให้ความสำคัญกับการเริ่มต้นเก็บออมกันมากขึ้น

สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้จากพฤติกรรมการออมของคนทั่วไปในสังคมก็คือ “กลัวการออมยาวๆ” เพราะมองว่าเป็น “ภาระระยะยาว” กลัวว่าถ้าระหว่างทางที่กำลังออม เกิดมีเหตุฉุกเฉิน ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ แล้วจะไม่เหลือเงินพอที่จะดึงไปใช้ได้ เลยไม่อยากผูกมัดตัวเอง (แค่ภาระ “ผ่อนหนี้” ระยะยาว อย่าง “หนี้บ้าน” ก็เป็นภาระมากพอแล้ว อย่ามาล่ามโซ่ตรวนฉันมากกว่านี้เลย ที่ต้องยอมสร้างภาระผูกมัดระยะยาว เพราะว่ามันจำเป็นจริงๆ) เราเลยไม่ค่อยชอบเลือกที่จะออมในเครื่องมือการออมระยะยาว เช่น ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ต้องจ่ายเบี้ยนานๆ ประกันบำนาญหรือ RMF ที่ต้องจ่ายเบี้ยจนกว่าเราจะถึงวัยเกษียณ แล้วไปเลือกออม/ลงทุนในอะไรที่สั้นกว่า เช่น LTF หรือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ออมสั้นๆ เป็นต้น

แต่รู้ไหมครับว่า นั่นคือความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง เพราะนี่แหละคือสาเหตุหนึ่งของความไม่ประสบความสำเร็จทางการเงิน เพราะเราไม่ยอมผูกมัดตัวเองเข้ากับการ “ออมระยะยาว” ที่มองว่าเป็นภาระที่ไม่สำคัญ หรือไม่จำเป็นเท่ากับหนี้ระยะยาวอย่างหนี้บ้าน ดังนั้น วันนี้ผมจะมาบอกให้ฟังครับ ว่าทำไมการออมระยะยาว ถึงจำเป็น และให้ผลดีกว่าการออมระยะสั้น

4 เหตุผล ที่ทำไมเราถึงควรออมยาวๆ?

1. เพราะช่วยสร้างวินัย

สาเหตุอันดับหนึ่ง ที่ทำให้เราไม่รวย หรือไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเงินที่เราตั้งไว้ได้ซักที ไม่ใช่เพราะเราไม่รู้วิธีการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงๆ ไม่ใช่เพราะเราไม่รู้เทคนิควิธีพิเศษที่เหนือกว่าคนอื่น แต่แค่เพราะเรา “ไม่มีวินัย” มากพอที่จะทำมันได้อย่างต่อเนื่องนานพอต่างหาก เหมือนเวลาต้องออกกำลังกายควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก หรือเพื่อสร้างรูปร่างที่ดี ต่อให้เรารู้เทคนิควิธีการออกท่าทางที่ถูกต้อง ใช้เครื่องมือที่แพงที่สุด แต่เราฟิตอยู่แค่ 3-4 วันก็เลิก ออกๆ หยุดๆ เราก็คงไม่มีวันมีรูปร่างที่ดีได้ การเงินก็เช่นกัน ถ้าเราไม่ผูกมัดตัวเองกับการออมที่ยาวนานมากพอ เราก็จะไม่มีวินัยที่จะทำได้อย่างต่อเนื่อง จนประสบความสำเร็จได้ แต่วินัย เป็นสิ่งที่ต้องสร้าง และต้องควบคุมตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานหลายสิบปี อย่างเป้าหมายออมเพื่อการเกษียณ เราอาจจะสู้ไม่ไหว แพ้ใจตัวเอง หลุด หรือล้มเลิกไปกลางคันเมื่อไหร่ก็ได้  เราจึงควรใช้เครื่องมือการออมที่จะช่วย “บังคับ” ให้เราออมได้ตลอดเวลา เช่น ระบบการตัดบัญชีเพื่อออมอัตโนมัติเป็นประจำทุกเดือน, การออม/ลงทุนใน RMF หรือในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นต้น

2. เพราะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

การออมในอะไรที่สั้นๆ มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น และไม่เป็นภาระมากกว่าการออมในเครื่องมือออมระยะยาวก็จริง แต่เงินที่เราเก็บหรือลงทุนได้ มักจะเรียกว่าเป็น “เบี้ยหัวแตก” หมายความว่า เก็บอยู่ได้แค่ก้อนเล็กๆ ประปราย พอมีได้สักก้อน ก็อยากจะเอาไปใช้ซื้อของที่อยากได้ พอออมอยู่ในเครื่องมือที่มีสภาพคล่อง ก็ถอนมาใช้ได้ง่าย เงินที่เราเก็บสะสมไว้ถึงไม่ได้ถูกสะสมจนเป็นก้อนใหญ่มากพอที่จะช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นได้จริงๆซักที การออมในเครื่องมือการออมระยะยาว จึงเป็นตัวช่วยการันตีว่า เราจะสามารถเก็บออมได้อยู่ จนเงินออมเราเติบโตเป็นเงินก้อนใหญ่ ไม่ว่าจะเกิดจากการสะสม หรือเกิดจากพลังผลตอบแทนทบต้น ที่ช่วยทวีคูณผลตอบแทนให้เติบโตได้หลายเท่า ในระยะเวลาการออมที่นานมากพอ ได้แน่ๆ

3. เพราะช่วยลดภาระของเงินทีต้องออม

ถ้าเราเลือกที่จะออมสั้นๆ สิ่งที่เราเจอก็คือ เราจะต้องออมในแต่ละงวด (เดือน, ปี) ด้วยเงินจำนวนมาก เพื่อให้ได้จำนวนเงินเป้าหมายของการออมที่เราต้องการ ซึ่งอาจจะเป็นภาระที่หนักเกินไป การออมระยะยาว ถึงแม้จะต้องออมนาน แต่ข้อดีก็คือ เราใช้เงินออมไม่มาก ก็สามารถบรรลุจำนวนเงินเป้าหมายที่เราต้องการได้ ทำได้เราออมได้สบายมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเพิ่งมาเริ่มวางแผนเก็บออม/ลงทุนใน RMF ที่เป็นกองหุ้น ก่อนเกษียณแค่ 5 ปี โดยที่เราต้องการมีเงินซัก 3 ล้านบาทตอนเราเกษียณ เราอาจจะต้องออมถึงเดือนละประมาณ 40,000 บาท (คำนวณที่ผลตอบแทน 8% ต่อปี) แต่ถ้าเรามีเวลาออมได้ 15 ปี เงินที่เราต้องออมต่อเดือน จะเหลือประมาณ 8,670 บาทเท่านั้น หรือถ้าเราจะออมในประกันชีวิตแบบบำนาญที่จ่ายเงินบำนาญตอนอายุ 60 ปี โดยที่เราต้องการเงินบำนาญเดือนละ 10,000 บาท (ปีละ 120,000 บาท) ถ้าเราไปเริ่มซื้อตอนอายุ 50 (ระยะเวลาออม 10 ปี) เราอาจจะต้องจ่ายเบี้ยปีละประมาณเกือบ 200,000 บาท แต่ถ้าเราเริ่มซื้อตอนอายุ 30 (ระยะเวลาออม 30 ปี) เราอาจจะจ่ายเบี้ยเหลือปีละ 40,000 กว่าบาทเท่านั้น นั่นก็แปลว่า ยิ่งเราเลือกที่จะออมนานขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งจ่ายเบี้ยน้อยลงเท่านั้น ทำให้เราออมได้สบายขึ้นมากครับ

4. เพราะยังไงเราก็ต้องออมอยู่แล้ว

การที่เรากลัวว่าออมนานๆแล้วเป็นภาระ เลยเลือกที่จะออมสั้นๆแทน กลับกลายเป็นว่า พอครบกำหนดระยะเวลาการออมระยะสั้น เราก็ต้องไปหาเครื่องมือการออมระยะสั้นตัวอื่นมาออมต่ออยู่ดี เพราะไม่ว่ายังไง ระหว่างทางที่เราทำงาน มีรายได้ เราก็ต้องออมเพื่อไว้ใช้ยามเกษียณตลอดเวลาอยู่แล้ว (คงไม่มีใครที่ทั้งชีวิตการทำงานประมาณ 30 กว่าปี อยากจะเกษียณสบาย แล้วคิดจะออมแค่ประมาณ 5 ปีก็พอ หลังจากนั้นมีเท่าไหร่ ใช้ให้หมดทุกเดือน อย่างแน่นอน) ทำให้ต้องเสียเวลาไปหาเครื่องมือการออมตัวใหม่ที่