5ข้อดีของ DCA
1. ทำให้เราเก็บเงินออมต่อเดือนได้ตามกำหนด
เริ่มต้นการลงทุนแบบ Dollar Cost Average กล่าวได้ว่าเป็นวิธีการเปลี่ยนจากการออมเงินมาเป็นการออมหุ้น ซึ่ง "การเริ่มต้นการลงทุนที่ดีต้องมาจากการวางแผนทางการเงินที่ดี" ซึ่งเราสามารถทำเนินการได้โดยจัดสรรเงินออมของเราจากรายได้ที่เรามีอยู่ กำหนดออกมาว่าใน 1 เดือนจะออมด้วยเงินลงทุนเท่าไหร่ เช่น 10% 20% 30% แล้วนำมาตั้งเป็นแผนการลงทุนที่กำหนดโดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตดีและมีอนาคต
2. ไม่ต้องมองหน้าจอกระดานหุ้นให้ปวดหัว
การลงทุนในลักษณะนี้เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับราคาขึ้นลงในแต่ละวัน แต่ให้ความสำคัญในแง่ของการมองพื้นฐานของกิจการเท่านั้น การซื้อหุ้นในแต่ละเดือนทำเพียงแค่ครั้งเดียว จึงไม่จำเป็นต้องเฝ้ามองกระดานหุ้นว่าจะจับจังหว่ะลงในในเวลาไหน วิธีการที่ง่ายที่สุดคือกำหนดวันซื้อของเดือน เช่น วันที่ 3 วันที่ 5 วันที่ 20 (แต่ต้องระวังในการเลือกลงทุนในปลายเดือนอย่าง 29 30 31 เพราะแต่ละเดือนมีจำนวนไม่เท่ากัน) หากติดเสาร์อาทิตย์ให้เลื่อนการลงทุนไปอีก 1 วันทำการ
3. สร้างความมั่งคั่งในทุกโอกาสและวิกฤต
การลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน DCA เป็นการลงทุนในทุกจังหว่ะเวลา ในช่วงที่หุ้นขึ้นก็จะมีการทยอยการลงทุนในขาขึ้นด้วยเงินลงทุนเท่าๆกัน ซึ่งในแต่ละครั้งที่ลงทุนจะได้จำนวนหุ้นที่น้อยลงเรื่อยๆ นับเป็นการป้องกันความอย่างหนึ่งในเรื่องของการซื้อหุ้นจำนวนมากในราคาสูง ในทางกลับกันหากเป็นหุ้นช่วงขาลงจะทำให้เราสามารถซื้อหุ้นได้เป็นจำนวนมากขึ้น ยิ่งในช่วงวิกฤตนั้นถือเป็นการสร้างโอกาสได้ดีเยี่ยม เนื่องจากหากเราซื้อด้วยการลงทุนเพียงครั้งเดียวอาจจะไม่มีเงินเหลือพอในการซื้อครั้งต่อๆไปเมื่อหุ้นมีราคาลดลงไปอีกได้ ต้นทุนของการลงทุนลักษณะนี้จึงเป็นราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก สามารถให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาวเมื่อหุ้นมีการเติบโตขึ้นในอนาคต
4. เอาเวลาไปสร้างความสุขในชีวิตได้
เราไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอ นับว่าเป็นการได้ความสุขของชีวิตและมีอิสรภาพทางหน้าจอของการซื้อขายหุ้น ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับราคาขึ้นลงรายวัน และสามารถนำเวลาดังกล่าวไปสร้างความสุขด้วยการทำกิจกรรมต่างๆได้ ไม่ว่าจะทำกิจการส่วนตัว หรือ การทำงานประจำอย่างเต็มที่ ไม่ต้องเครียดเรื่องของกำไรขาดทุนหากเราเลือกหุ้นที่มีการเติบโตในระยะยาวได้เป้าหมายเราจะเปลี่ยนจากระยะสั้นที่มีความผันผวนทางอารมณ์สูง ไปสู่ระยะยาวที่มีเติบโตจากปัจจัยพื้นฐาน
5. มีชีวิตง่ายๆในยามเกษียณ
ผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้นนั้นมีอยู่ 2 ประเภทคือ การเพิ่มขึ้นของส่วนต่างราคาหุ้น และ เงินปันผล เมื่อเราสะสมหุ้นที่ดีในระยะยาวสิ่งที่เราจะได้คือราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น จากผลการดำเนินงานและการการเติบโตจากกำไรกิจการทำให้ผลตอบแทนในส่วนต่างราคาหุ้นนั้นสูงขึ้น สามารถนำไปใช้ในยามเกษียณได้ นอกจากนี้ หากเราได้ซื้อหุ้นที่มีเงินปันผล ก็สามารถได้รับเงินสดจากการจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นรายได้ที่ไม่ได้มาจากงานประจำ สามารถนำไปใช้สร้างประโยชน์และความสุขให้กับชีวิตได้