จากที่ผมเคยเขียน เรื่อง "9 ข้อคิดชีวิตที่ผมได้เรียนรู้ผ่านการทำงานหนัก" และ “7 โอกาสดีๆที่คุณไม่ควรทำผิดพลาดในชีวิต” ในภาษาที่สุภาพงดหยาบคายสไตล์พี่เกรย์แมน ผลตอบรับที่ได้ทำให้ผมมีความคิดว่า จะเขียนบทความแบบนี้เป็นประจำทุกเดือนเพื่อแสดงแง่คิดที่มีต่อสังคมอันวิปริตผิดมนุษย์ที่เราอยู่กันนี่แหละสัสดวกส์ อุ้ย.. ลืมตัว
คลิกเพื่ออ่านบทความเพิ่มเติม...
9 ข้อคิดชีวิตที่ผมได้เรียนรู้ผ่านการทำงานหนัก
7 โอกาสดีๆที่คุณไม่ควรทำผิดพลาดในชีวิต
ในเดือนทกราคมที่ผ่านมานี้ เป็นช่วงที่ผมกลับมาทำงานบริการและรับจ้างเต็มตัวอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงมีเรื่องที่อยากจะแลกเปลี่ยนมุมมองของคนทำงานบริการที่มีมุมมองต่อลูกค้าในอีกแง่มุมหนึ่งให้อ่านกันครับ
ครับ.. ผมรู้ดีว่า หลายๆคนเชื่อถือปรัชญาที่พูดกรอกหูกันมาด้วยคำแสนจะไพเราะว่า “ลูกค้าคือพระเจ้า” แต่ในใจกลับคิดว่า “กรุไม่ใช่ขี้ข้าของพระเจ้า” ซึ่งปรัชญานี้มันคือความจริง “เพียงส่วนหนึ่ง” เท่านั้น เพราะผมกำลังจะตีแผ่ "ความรู้สึก" ผ่าน "ความจริง" อีกด้านหนึ่งของตัวผมเองให้พวกคุณได้พิจารณากัน
อันที่จริงแล้ว... งานบริการถือเป็นงานที่มีคุณค่ามาก เพราะมีทั้งศาสตร์ในการทำงานเฉพาะทาง (Professional Skill) ร่วมกับศิลปะในการบริหารจัดการ (Management Skill) และก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมคนบริการทั้งหลายมักจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต เพราะพวกเขามองโลกในมุมที่แตกต่างออกไปนอกเหนือจากการทำงานแบบกล้ำกลืนขมขื่นฝืนความตรากตรำ และมุมมองเหล่านั้นคือที่มาของบทความ 5 เรื่องที่คนทำงาน “บริการ” ไม่ควรทำกับ “ลูกค้า” ที่ผมอยากแชร์ให้พวกคุณฟัง
1.เลิกความคิดที่ว่า “ลูกค้าต้องรู้”
คนทำงานบริการอย่างเราๆ มักเข้าใจว่า “พระเจ้า” ต้องรู้ทุกอย่าง ถึงขึ้นหลายคนอาจจะสั่นคลอนโสตประสาทเลยว่า เฮ้ย!! ถ้ารู้ทุกเรื่องแบบนี้ ทำไมไม่บอกมาตรงๆเลยล่ะว่าอยากได้อะไร ให้แก้นู่นนั่นนี่อยู่ได้ พอทำแบบนี้ก็ไม่โดน แบบนู้นก็ไม่ใช่ มีแต่คำบ่นด่าต่อว่ากับความไม่โดนใจในงานที่เราทำ รู้ไหมว่าการแก้งานแบบนั้นมันเหนื่อยนะโว้ยย!
แต่มีเพียงคำถามเดียวที่คุณควรย้อนกลับไปถามตัวเอง นั่นคือ… ไม่มีลูกค้าคนไหนรู้ความต้องการของตัวเอง คนบริการต่างหากที่มีหน้าที่เสนอสิ่งที่ลูกค้า “น่าจะ” ต้องการให้ดีที่สุดแก่ "พระเจ้า"
...เพราะถ้าลูกค้ารู้ดีขนาดนั้น เค้าไม่มีวันมาจ้างคุณทำงานให้หรอกครับ!!
2. หยุดนินทาลูกค้า “ลับหลัง”
หยุดนินทาพล่อยๆเสียทีเพราะเราไม่รู้หรอกว่า ลูกค้าคนที่เราพูดถึงนั้นจะมีใครรูัจัก หรือรู้จักใครบ้าง โดยเฉพาะงานบริการทีต้องการความเป็นมืออาชีพมากๆ ยิ่งไม่สมควรที่จะเอ่ยปากพูดถึงลูกค้าในที่สาธารณะเสียด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้คุณดูตลกและไร้ศักดิ์ศรี หรือจะมองแบบสุดโต่งเลยว่า ถ้าลูกค้าไม่ดีขนาดนั้น แต่คุณยังทำงานให้ นั่นแปลว่า คุณกำลังพ่ายแพ้แก่อำนาจเงิน..อยู่หรือเปล่า
ทันทีที่คุณตกลงรับงานกับทางลูกค้า ไม่ว่าจะแย่หรือลำบากแค่ไหน สิ่งเดียวที่ "มืออาชีพ" อย่างคุณทำได้ นั่นคือ “ทำงานนั้นให้เสร็จ” แล้วเลิกทำงานนั้นกับลูกค้าที่คุณไม่ต้องการ อย่าเอาแต่ก่นด่าว่าลูกค้าลับหลังแล้วก็ประจบสอพลอต่อหน้าไปวันๆ
เพราะยิ่งคุณด่าลูกค้าด้วยคำหยาบคายลับหลัง
แต่ต่อหน้ากลับทำเนียนสุภาพเหมือนคนรักกันมานมนานผมถามตรงๆนะ…
ไม่ละอายบ้างหรอครับ ทำตัวแบบนี้?
3. หยุดมองว่างานอื่น “ไม่ใช่หน้าที่” ของเรา
อย่างที่บอกไปแล้วว่า งานบริการไม่ใช่งานที่มีแค่หน้าที่เพียงอย่างเดียว เพราะมันมีเรื่องของศิลปะในการจัดการบริหารจัดการด้วย และการบริหารงานที่ดี (?) ส่วนใหญ่ มักจะมีเรื่องให้คุณต้องทำงานมากกว่าหน้าที่ที่รับผิดชอบเพียงอย่างเดียว จนวันหนึ่งคุณอาจจะถามตัวเองว่า “กรูทำหน้าที่อะไรอยู่วะ” ซึ่งเป็นคำถามที่ใครหลายๆคนชอบถามตัวเองอยู่เสมอเวลาเจองานหนัก
แต่… ผมจะบอกให้ว่า ไม่สำคัญเลยว่าคุณจะมีหน้าที่อะไร แต่มันสำคัญคือความหมายในงานที่คุณทำ (โดยเฉพาะงานบริการ) และมันทำให้งานของคุณนั้นมีคุณค่า (Meaning & Value) ดังนั้น.. คุณควรถามตัวเองว่า สิ่งที่คุณทำนั้นมันมีความหมายกับใครและมันสร้างคุณค่าให้คุณได้อย่างไร แต่อย่าถามว่าทำไมตัวเองต้องทำงานหลายหน้าที่
เพราะคำถามนี้มีคำตอบอยู่ 2 อย่าง
คือ คุณเป็นคนสามารถที่ใครๆก็ไว้ใจ
หรือไม่ก็.. คุณบริหารจัดการงานอะไรไม่เป็นเลย
4. หยุดเอาชนะลูกค้าด้วยการ “โต้เถียง”
สิ่งเดียวที่คุณควรทำเพื่อเอาชนะลูกค้า คือ ทำงานชิ้นนั้นให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขา ไม่ใช่คอยโต้เถียงว่าไอเดียของเราล้ำเลิศประเสริฐศรีมณีเจ็ดแสง เพราะคนที่ตัดสินใจ “เอา” หรือ “ไม่เอา” ก็คือพวกเขานั่นแหละ
ยิ่งคุณโต้เถียงมากขึ้นเท่าไร
ยิ่งมีแต่ความไม่พอใจระหว่างคนสองคนที่เพิ่มขึ้นคำถามคือ ชนะด้วยปากแต่งานไม่ผ่าน
คุณจะเอาแบบนั้นไหมล่ะ?
5. อย่าถือมั่นในศักดิ์ศรีของ “อาชีพ”
ความจริงข้อสุดท้ายก็คือ ลูกค้าที่มาจ้างงาน “บริการ” จากคุณนั้นมีทั้งลูกค้าที่ดีเลิศประเสริฐ ลูกค้าที่ลำเลิกบุญคุณ ลูกค้าที่ตัวคุณไม่คิดว่าจะเจอบนโลกนี้ ผมเชื่อครับว่า คุณเจองานหนักและทรมานกับมันจนอยากหาลูกค้าใหม่ แต่ทว่าเราคงไปเปลี่ยนแปลงลูกค้าให้เป็นอย่างที่เราคิดไม่ได้หรอกครับ มันมีอยู่อย่างเดียวที่เราเปลี่ยนแปลงได้แน่ๆต่อลูกค้า นั่นคือ “ความคิดของเรา”
อาชีพบางอาชีพ มีเรื่องของศักดิ์ศรีในวิชาชีพ จนบางครั้งลืมไปว่าเรากำลังทำหน้าที่ “บริการ” คนที่มีชื่อเรียกว่า “ลูกค้า” และทีสำคัญเค้าเอาเงินมาจ่ายให้เราด้วยน่ะสิ!! ดังนั้นอย่ามองว่าคน