ในปัจจุบันนี้ประกันชีวิตคือสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราทุกคน เนื่องจากเป็นเครื่องมือช่วยในการป้องกันความเสี่ยงที่สร้างผลกระทบทางการเงิน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างไม่คาดฝัน ตัวอย่างเช่น หากเราต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร แต่ยังมีครอบครัวที่ต้องดูแล ประกันชีวิตที่ทำไว้ก็จะมอบเงินตามทุนประกันให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง เพื่อให้เขาสามารถดำรงชีวิตได้ต่อไป

ประกันชีวิตมีข้อดีอยู่มากมาย เช่น สร้างหลักประกันทางการเงินให้กับตัวเราเองและครอบครัวหรือใช้ในการวางแผนทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการออมเพื่ออนาคต การวางแผนภาษี หรือการวางแผนส่งต่อเป็นมรดก

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“TLI”) เป็นบริษัทประกันชีวิตที่ดูแลคนไทยมายาวนานกว่า 80 ปี ได้เตรียมความพร้อมในการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิต การเสนอขาย IPO ในครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่ควรพลาด โดย TLI มีกลยุทธ์หลัก 5 ประการเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้น ดังนี้

1. TLI พร้อมขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเพื่อการดูแลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

TLI ตั้งเป้าที่จะเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี โดยได้มีการพัฒนาเครื่องมือและนวัตกรรมต่าง ๆ ผ่านโลกดิจิทัลแบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นไปในเรื่องการสร้างประสิทธิภาพในการขาย เช่น ชุดแอปพลิเคชัน MDA Plus ที่ช่วยสนับสนุนการขาย การให้บริการหลังการขาย การสรรหาทีม การบริหารทีมงานให้กับตัวแทนไทยประกันชีวิต เพื่อให้สามารถขยายตลาดและบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ TLI ยังพัฒนาแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้า ในการตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ หรือทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ทุกที่ด้วยตัวเอง

2. TLI มุ่งมั่นในการรักษาความเป็นผู้นำของธุรกิจประกันชีวิต โดยมีเครือข่ายและช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลายและแข็งแกร่ง

TLI มีการวางกลยุทธ์ในการสร้างตัวแทนประกันชีวิตที่มีคุณภาพเพื่อให้บริการลูกค้า โดยเน้นเป้าหมายการสร้างทีมงานคนรุ่นใหม่ การจับมือพันธมิตรธุรกิจที่หลากหลายเพื่อขยายเครือข่ายการเข้าถึงผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีการสร้างช่องทางออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ และปัจจุบัน TLI ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล เช่น ผลิตภัณฑ์ด้านการออม ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทควบการลงทุนแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) และยูนิตลิงค์ (Unit Linked) ผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพเพิ่มเติม

3. TLI มุ่งพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า

TLI มุ่งเน้นในการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้ลูกค้าตลอดเวลา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทควบการลงทุน (Investment-linked) ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบมีส่วนร่วมในเงินปันผล (Participating Product) รูปแบบใหม่ และผลิตภัณฑ์สำหรับคนที่ใส่ใจในสุขภาพทุกช่วงวัย เพื่อสร้างรายได้และผลกำไร รวมถึงเพิ่มการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าผ่านบริการใหม่ ๆ เช่น บริการความเห็นที่สองทางการแพทย์ (Medical Second Opinion หรือ MSO)  บริการด้านค่ารักษาพยาบาลให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศโดยลูกค้าไม่ต้องสำรองจ่าย บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางการแพทย์ทุกที่ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ TLI จะมีการจับมือกับเครือข่ายพันธมิตรและโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงจัดกิจกรรม เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับ TLI อย่างสม่ำเสมอ

4. TLI มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าผ่านการสร้างสรรค์บริการที่แตกต่าง

TLI มีกลยุทธ์ในการสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้า ผ่านการพัฒนานวัตกรรมการบริการใหม่ๆ การดูแลจากพนักงานและตัวแทนประกันชีวิต รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมให้กับลูกค้า “ไทยประกันชีวิต Privilege” ซึ่งลูกค้าจะได้รับสิทธิในบริการด้านสุขภาพ การพักผ่อน การเดินทาง และกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ รวมถึงการได้รับแพ็คเก็จเสริม เช่น การตรวจสุขภาพ การเสริมทักษะด้วยหลักสูตรออนไลน์ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการนี้เพื่อเพิ่มความภักดีของลูกค้า ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ของ TLI ในอนาคต

5. TLI มองหาโอกาสใหม่ ๆ ผ่านการขยายธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

นอกจากตลาดภายในประเทศแล้ว TLI ยังได้เล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ประเทศเมียนมา ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ซึ่งใน 3 ประเทศนี้เป็นตลาดที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง

ในปัจจุบัน TLI ได้มีการลงทุนในประเทศเมียนมา ผ่านการลงทุนในบริษัท CB Life Insurance โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 สัดส่วนการถือหุ้นของ TLI ใน CB Life Insurance อยู่ที่ร้อยละ 35 ทั้งนี้ TLI จะหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังประเทศลาวและกัมพูชาในลำดับถัดไป

โดยสรุปแล้วการลงทุนใน IPO ของบริษัทไทยประกันชีวิตนั้น คือการลงทุนในบริษัทที่มั่นคงและมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต TLI มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญไม่เกิน 2,207,309,200 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 19.3 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ TLI ประกอบไปด้วย 1) หุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 850,000,000 หรือไม่เกินร้อยละ 7.4 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ TLI 2) หุ้นสามัญเดิมโดยบริษัท วี.ซี. สมบัติ จำกัด จำนวนไม่เกิน 1,218,815,600 หรือไม่เกินร้อยละ 10.6 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ TLI และ3) หุ้นสามัญเดิมโดย Her Sing (H.K.) Limited จำนวนไม่เกิน 138,493,600 หุ้น ไม่เกินร้อยละ 1.2 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ TLI ทั้งนี้ อาจพิจารณาเสนอขายหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 320,578,000 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 14.5 ของหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุน ได้แก่

  1. เสริมศักยภาพการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) และการส่งเสริมการตลาด เพื่อการให้บริการอย่างครบวงจร
  2. เสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางพันธมิตร
  3. เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน สำหรับเงินทุนหมุนเวียนและวัตถุประสงค์อื่นๆ รองรับวิสัยทัศน์การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน

สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-354-2424-5 หรือ E-mail: investor.relations@thailife.com

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

Disclaimer: โฆษณาฉบับนี้มิใช่การเสนอขายหลักทรัพย์ การเสนอขายหลักทรัพย์จะกระทำได้เมื่อได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และแบบแสดงรายการข้อมูลฯ และหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับแล้ว ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่ให้แก่ผู้ลงทุนในประเทศไทยเท่านั้น การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

บทความนี้เป็น Advertorial