ประเทศไทยนั้นถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของการผลิตและกระจายสินค้าที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งในแต่ละปีมีการนำเข้าและส่งออกสินค้าจำนวนมาก จึงทำให้ความต้องการในพื้นที่ให้เช่าประเภทคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ในอนาคตประเทศไทยก็จะมีการผลักดันเขตเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า EEC ซึ่งจะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ของประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด

กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านนี้จึงได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ของประเทศไทย ส่งผลให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ กองทรัสต์ WHART จะมีการเพิ่มทุนครั้งที่ 6 เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมมูลค่าไม่เกิน 5.55 พันล้านบาท เป็นกองทรัสต์ที่น่าเก็บสะสมเข้าพอร์ตด้วยจุดเด่นดังนี้

1. ผู้นำในการให้บริการคลังสินค้าระดับโลก

WHART เป็นกองทรัสต์ที่เข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานที่บริหารโดยกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรมระดับประเทศ ซึ่งในปัจจุบันทรัพย์สินภายใต้การลงทุนของกองทรัสต์มีพื้นที่ให้เช่ารวมเกือบ 1.4 ล้านตารางเมตร และการเพิ่มทุนครั้งที่ 6 นั้นจะทำให้มีพื้นที่ถึงกว่า 1.5 ล้านตารางเมตร ในส่วนของพื้นที่ให้เช่าปัจจุบันนั้นมีทั้งสิ้น 31 โครงการในเขต ศูนย์กลางโลจิสติกส์ของประเทศ เช่น บางนา-ตราด, จังหวัดชลบุรี-ระยอง, จังหวัดพระนครศรีอยุธยา-สระบุรี และจังหวัดสมุทรสาคร  หากใครที่เคยเดินทางด้วยทางด่วนถนนบางนา-ตราด อาจจะเคยคุ้นๆตากับป้ายโครงการ WHA Mega Logistics Center และถ้าได้สังเกตในบริเวณนั้น จะพบว่ามีพื้นที่คลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งหลายโครงการนั้นเป็นโครงการที่ WHART ลงทุนอยู่ โดยภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติม กองทรัสต์ WHART จะมีมูลค่าทรัพย์สินรวม 48,000 ล้านบาท นับว่าเป็นกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ลูกค้ามีสัญญาเช่าระยะยาว

โดยธรรมชาติของธุรกิจการผลิตที่ต้องมีการลงทุนเช่าโรงงานและการเช่าคลังสินค้านั้น มักจะเป็นการลงทุนระยาวเพราะใช้เงินลงทุนสูงและต้องการความแน่นอนในการทำธุรกิจ ซึ่งภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ กองทรัสต์ WHART จะมีลูกค้ามากกว่า 58% เช่าคลังสินค้าประเภท Built-to-suit หรือเป็นคลังสินค้าที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้าเฉพาะรายตามความต้องการในการดำเนินธุรกิจ จึงทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มเช่าระยะยาวมากยิ่งขึ้น

ในปัจจุบันอายุสัญญาเช่าเฉลี่ยของ WHART คือ 3.0 ปี และเนื่องจากอายุสัญญาเช่าเฉลี่ยของผู้เช่าทรัพย์สินที่ WHART จะลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ยาวถึง 10.7 ปี จึงทำให้อายุสัญญาเช่าเฉลี่ยโดยรวมของกองทรัสต์ภายหลังการเพิ่มทุนนั้นปรับขึ้นจาก 3.0 ปี เป็น 3.5 ปี จึงทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่ากองทรัสต์นี้จะได้รับรายได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

  • อัตราการเช่าเฉลี่ยสูง

อัตราการเช่าเฉลี่ยของ WHART นั้นอยู่ที่ประมาณ 90% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก นั่นหมายความว่าลูกค้ามีความพึงพอใจในการให้บริการ มีระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ ทรัพย์สินที่ให้เช่านั้นเป็นที่ต้องการของลูกค้าและอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโต

อัตราการเช่าเฉลี่ยที่สูงนั้นจะทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ลงทุนไปนั้นจะถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า เมื่อสร้างคลังสินค้ามา ก็จะมีลูกค้ามาเช่าพื้นที่และทำธุรกิจ ทั้งหมดนี้จะเป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงและสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยมีประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 0.79 เป็น 0.80 บาทต่อหน่วยภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้

  • ผู้เช่าอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต

WHART มีผู้เช่าจากบริษัทขนาดใหญ่หลากหลายสัญชาติรวมไปถึงลูกค้าระดับโลกในอุตสาหกรรมที่เติบโตสูง ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรม E-Commerce หรือการซื้อขายออนไลน์ มีผู้เช่าพื้นที่อยู่เช่น JD Central, Shopee Xpress และ Alibaba นอกจากนี้ยังมีลูกค้าในกลุ่ม FMCG กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น Unilever, KAO Commercial และกลุ่ม Logistics Service Provider (3PL) เช่น Kerry Express, Hitachi Transport, APL logistics เป็นต้น การที่ผู้เช่าอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตและมีความหลากหลาย จะช่วยให้ธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสมอีกด้วย

  • ผลกระทบจาก Covid-19 น้อย

ในช่วงปี 2563 - 2564 นั้น โลกเราเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 ทำให้เกิดความไม่แน่นอนและส่งผลกระทบต่อกำไรและรายได้ในการทำธุรกิจเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าหากมองผลตอบแทนของ WHART ย้อนหลังไป 3 ปีจะเห็นได้ว่ากองทรัสต์ WHART ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้

ปี 2562 จ่ายผลตอบแทนที่ 0.7624 บาทต่อหน่วย

ปี 2563 จ่ายผลตอบแทนที่ 0.7578 บาทต่อหน่วย

ปี 2564 (งวด 6 เดือน) จ่ายผลตอบแทนที่ 0.3830 บาทต่อหน่วย

การระดมทุนครั้งที่ 6

ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการเข้าลงทุนในทรัพย์สินไม่เกิน 5.55 พันล้านบาท รวมทั้งหมด 3 โครงการ มีพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้น 184,329 ตรม. ได้แก่

  1. โครงการ WHA Mega Logistic Center (วังน้อย 62)
  2. โครงการWHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 23 โปรเจค 3)
  3. โครงการ WHA E-Commerce Park

จุดเด่นของการระดมทุนในครั้งที่ 6 นั้นคือผู้เช่ารายใหญ่ได้แก่ บริษัท อาลีบาบา สมาร์ท ฮับ (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท ช้อปปี้ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงมาก นอกจากนี้สัญญาเช่าเฉลี่ยที่เหลืออยู่ถึง 10.7 ปี จะช่วยให้รายได้ของ WHART มีความมั่นคงในระยะยาว

WHART มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งราคาซื้อขายของหน่วยทรัสต์นั้นอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด จึงเหมาะสมกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาได้ หากสนใจลงทุนในการเพิ่มทุนครั้งนี้สามารถดำเนินการได้ดังนี้

  • ผู้ถือหน่วยเดิมที่มีสิทธิ สามารถจองซื้อหน่วยทรัสต์ได้ระหว่างวันที่ 8-12 พฤศจิกายน 2564
  • ประชาชนทั่วไป สามารถจองซื้อหน่วยทรัสต์ได้ระหว่างวันที่ 16-19 พฤศจิกายน 2564
  • จองซื้อได้ 2 ช่องทางได้แก่
    • สาขาของธนาคารกสิกรไทย

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมในการจองซื้อได้ที่ธนาคารกสิกรไทย โทร 02-888-8888 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.sec.or.th และ www.whareit.com

บทความนี้เป็น Advertorial