เดี๋ยวนี้ใครๆ ต่างก็อยากลงทุนในหุ้น

ผมพยายามพูดเสมอว่าการลงทุนในหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าความพยายามของเราจะไปถึง สิ่งสำคัญมากคือทัศนคติในการลงทุนต้องชัดเจน การลงทุนเหมือนการเดินเรือในมหาสมุทร แน่นอนว่าต่อให้เดินเรือมาเป็นเวลาสิบปีก็อาจจะแพ้นักเดินเรือที่เดินเรือมาเพียงปีเดียวแต่มีเข็มทิศชั้นเยี่ยมอยู่ในมือก็เป็นได้ ทัศนคติที่ถูกต้องคือเข็มทิศในตลาดหุ้นแห่งนี้ ผมย้ำเสมอว่า “ทิศทางสำคัญกว่าความเร็ว” 

วันนี้ผมจึงจะมาเล่าถึง 5 ทัศนคติเบื้องต้นที่ถูกต้องของการเป็นนักลงทุน ไม่ว่าเราจะลงทุนด้วยปรัชญาแบบไหนก็ตาม

1. เงินต้นสำคัญที่สุด

ใครต่างก็เข้าตลาดหุ้นเพราะอยากได้กำไรทั้งนั้น แต่อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญกว่ากำไรคือการไม่สูญเสียเงินต้นไป เพราะถ้ายังมีเงินต้น สักวันหนึ่งก็ต้องทำกำไรได้ แต่ถ้าไม่มีเงินต้นแล้ว อนาคตก็จะไม่มีกำไรตลอดไป นักลงทุนทุกคนจึงต้องสนใจความปลอดภัยของเงินต้นให้มากๆ หลีกเลี่ยงวิธีการลงทุนที่ยากและซับซ้อน บอกตัวเองเสมอว่า “รวยช้าได้ แต่อย่าจนเร็ว” หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นไปให้ไกลที่สุด ตลาดหุ้นในระยะยาวเป็นขาขึ้น ดังนั้น หากเอาตัวรอดจากการหมดตัวได้ คนที่เหลืออยู่ก็มักจะรวยโดยธรรมชาติ

2. หุ้นคือธุรกิจ

คนจำนวนมากเข้าตลาดมาด้วยความรู้สึกว่าหุ้นคือตัวอักษรสีเขียวสีแดง ซื้อขายซื้อขายเดี๋ยวก็รวย แต่อย่าลืมว่าหุ้นเหล่านี้คือตัวแทนของความเป็นเจ้าของบริษัท หุ้นทุกตัวในโลกมีธุรกิจรองรับอยู่ข้างหลัง ไม่ว่าธุรกิจจะดีหรือจะแย่ แต่ก็มีอยู่ทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือธุรกิจส่งผลถึงราคาหุ้นเสมอทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย วิธีการลงทุนที่ดีคือการเข้าใจว่าเรากำลังซื้อขายธุรกิจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสายพื้นฐาน สายเทคนิคคอล หรือสายอะไรก็ตาม ก่อนซื้อหุ้นควรพิจารณาถึงธุรกิจเสมอ เพราะต่อให้กราฟสวยสักเพียงไหน แต่ถ้าพรุ่งนี้บริษัทกำลังจะล้มละลาย มูลค่าหุ้นทั้งหมดในมือเราก็อาจจะมีค่าเท่ากับศูนย์ก็เป็นได้

3. เวลาคือมิตรแท้

ลงทุนระยะยาวดีกว่าเสมอ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงให้ถือหุ้นยาว แต่หมายถึงให้ลงทุนให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ วิธีคือเริ่มให้เร็วและอยู่ในตลาดให้สม่ำเสมอที่สุด เพราะดอกผลจากการลงทุนจะช่วยทบต้นให้ผลตอบแทนทวีคูณขึ้นไปได้ หลายคนเล่นๆ เลิกๆ ลงทุนปีหายไปสามปีแบบไม่ติดตามตลาดเลย แบบนี้จะทำให้เสียโอกาสในระยะยาว อย่างที่บอกไปในข้อหนึ่งคือต้องอยู่ให้รอดในตลาดให้ได้ก่อน ในระยะยาว ดอกผลจากการลงทุนจะมาตอบแทนเราเอง

4. ความไม่รู้คือความเสี่ยงสูงสุด

การไม่รู้ตัวว่าตนกำลังทำอะไรอยู่คือความเสี่ยงสูงสุดในการลงทุน บางคนซื้อหุ้นทั้งที่ไม่มีเหตุผล บางคนเปิดฟิวเจอร์ตลาดหุ้นเพราะมีคนบอกมา แบบนี้อันตรายมากในตลาด เพราะการทำอะไรแบบไม่รู้คือการปล่อยตัวเองไปตามโชคชะตา หลายครั้งอาจกำไร แต่ก็อาจจะมีสักครั้งที่ทำให้หมดตัวได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการหาความรู้ตลอด โดยเฉพาะในสิ่งที่เราลงทุน เรายิ่งต้องรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ความเสี่ยงจะลดน้อยลงไปตามความเข้าใจที่มากขึ้น การศึกษาเรียนรู้มากๆ จะช่วยลดความเสี่ยงอย่างมากในระยะยาว

5. ความประหยัดจะไปได้ไกลกว่า

เงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายลดลงคือเงินต้นที่เพิ่มมากขึ้น และเงินต้นที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงผลตอบแทนจากการลงทุนที่จะมากขึ้นไปตามปริมาณเงินต้นที่มี ยิ่งอยากรวยมากยิ่งต้องประหยัดให้มากและนำเงินเหล่านั้นมาลงทุน ประหยัดจากการใช้ชีวิตโดยการลดความฟุ้งเฟ้อในชีวิตลง ประหยัดจากการขาดทุนโดยการลงทุนเฉพาะสิ่งที่ตนเองรู้และเชี่ยวชาญ ประหยัดจากค่าธรรมเนียมซื้อขายโดยการซื้อขายให้บ่อยครั้งน้อยลง

ขีดเส้นใต้เรื่องค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย

ในการซื้อขายหุ้นแต่ละครั้งจะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 10,000 บาทต่อค่าคอม 15 บาท ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยมีโบรคเกอร์หน้าใหม่ชื่อว่า 'SBITO' (อ่านว่า สไบโตะ แต่ผมชอบเรียกว่า สบายโตะ เพราะน่ารักกว่า) มาเปิด ข้อดีคือค่าคอมถูกมาก อยู่ที่ 10,000 บาทต่อค่าคอม 7.5 บาท โดยเน้นการทำธุรกรรมทางออนไลน์เป็นหลัก เหมาะกับคนที่เน้นซื้อขายหุ้นเองทางออนไลน์ ซึ่งค่าแรงมาร์เก็ตติ้งที่หายไปก็กลายมาเป็นส่วนลดค่าคอมให้เรานั่นเอง

เยอะนะ ใช้คำว่าเยอะมากเลยดีกว่า ยิ่งถ้าเป็นสายเทคนิคคอลซื้อขายบ่อย หรือพอร์ตใหญ่วอลุ่มเยอะนี่ต่างกันแบบมีนัยสำคัญเลย บางทีถ้าซื้อขายเยอะๆ นี่ต่างได้วันละเป็นหมื่นบาท ถือว่าสูงมากๆ เลย

แถมตอนนี้ SBITO มีโปรโมชันพิเศษสำหรับนักลงทุนมือใหม่อายุ 20 – 40 ปีไปอีก โดยให้ค่าคอมเพียง 0.01% หรือเท่ากับ 10,000 ละ 1 บาทเท่านั้น (กรี๊ด จะถูกไปไหนเนี่ย) โดยมีช่วงเวลาให้ 1 เดือนเต็มหลังอนุมัติ โดยต้องรีบทำการเปิดบัญชีภายในช่วง 31 สิงหาคมที่จะถึงนี้เท่านั้น (รีบเปิดเลย ใช้เวลาพิจารณาไม่นานเลย ลองมาแล้ววว)

ใครสนใจลองศึกษารายละเอียดโปรโมชันได้ที่ https://www.sbito.co.th/Promotion.aspx ดูได้ ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะ SBITO มีใบอนุญาตประกอบกิจการหลักทรัพย์ถูกกฎหมายแน่นอน และผู้ถือหุ้นใหญ่คือ SBI โบรกเกอร์ออนไลน์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น สบายใจหายห่วงได้

ลองเปิดพอร์ตไว้ ลองซื้อขายแบบค่าคอมถูกๆ สักหน่อยก็ไม่เป็นไรนี่เนอะ

ลงทุนศาสตร์ - Investerest

บทความนี้เป็น Advertorial