6 ขั้นตอน การสร้าง Passive Income ด้วย Passive Fund

ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญไปฟัง ธุรกิจขายตรง ยี่ห้อหนึ่ง ฟังแล้วก็รู้สึกได้ว่า แทบจะทุกท่านที่ไปนั่งฟังธุรกิจนี้อยากได้ Passive Income ก็เพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่ชอบ และมีเวลาให้กับครอบครับ หรือ คนรัก

แต่หลายท่านคงยังไม่รู้จัก Passive Income แน่ ๆ งั้นเรามาดูความหมายของ Passive Income กันก่อนครับ เจ้า Passive Income นี่ถ้าพูดกันภาษาชาวบ้านก็คือ ไม่ต้องทำงาน ก็ยังสามารถมีรายได้พอกิน พอใช้ ไม่ต้องกังวลกับการหาเงินมานั่นเองครับ

แต่กว่าจะมาเป็น Passive Income ได้นี่ ผมบอกเลยว่า ต้องลงมือทำงานอย่างหนักเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบไหน จะขายตรง หรือ ประกัน จนถึงธุรกิจส่วนตัวครับ แต่การทำงานหนักแล้วได้ Passive Income นี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียวครับ เพราะว่าเราจะมีเวลาที่จะได้ทำอะไรก็ได้ อย่างที่เราชอบโดยที่ไม่ต้องกังวลกับงานประจำ หรือ ปวดหัวกับธุรกิจที่เราต้องเป็นผู้ดูแลตลอดเวลาครับ

สำหรับหลายท่านคงจะคิดว่า ไม่อยากทำธุรกิจขายตรง ประกัน ฯลฯ แล้วจะมีวิธีไหนไหมที่พนักงานเงินเดือนธรรมดา ๆ จะทำให้เกิด Passive Income นั้นจะเป็นไปได้ไหม ผมบอกเลยว่า เป็นไปได้ครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลานานซักหน่อย ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องใช้เวลามากกว่าการทำธุรกิจขายตรง ประกัน และ ธุรกิจส่วนตัว นั่นเองครับ เพราะว่าเราไม่ได้ทำงานเพิ่มมากขึ้น แต่ใช้การเก็บออมและลงทุนแทนนั่นเองครับ

 

งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ

1. แบ่งเงินลงทุนจากการเก็บออม

โดยแบ่งเงินมาเดือนละเท่า ๆ กัน ตามอัธยาศัย จะเดือนละ 1000 บาท 2000 บาท หรือ 3000 บาทก็ได้ครับไม่ว่ากัน แต่ก่อนจะลงทุน ถ้าเป็นไปได้ให้มีเงินฉุกเฉินไว้ด้วยประมาณ 3-6 เดือน ของเงินเดือนปัจจุบันครับ

2. นำเงินที่จะลงทุนมาลงทุนกับ กองทุนหุ้นดัชนนี(Passive fund) แบบไม่มีปันผล

ที่ผมแนะนำให้ลงทุนกับกองทุนดัชนีก็เพราะว่า มีหลายงานวิจัยได้บอกว่าการลงทุนในระยะยาวนั้น ไม่มีใครสามารถเอาชนะตลาดได้ พูดง่าย ๆ แบบชาวบ้านว่าหมายถึง ระยะยาวนั้นไม่มีใครสามารถทำกำไรได้มากกว่า หรือเหนือกว่าผลตอบแทนโดยรวมของตลาดตลอดเวลานั่นเองครับ

ดังนั้นกองทุนดัชนีจึงเป็นอะไรที่น่าสนใจในระยะยาวครับ 

*กองทุนรวมดัชนี เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นหลายตัว เพื่อเลียนแบบดัชนีอ้างอิง (Benchmark) และดัชนีอ้างอิงที่มักใช้กัน คือ SET50 พูดง่าย ๆ ก็คือลงทุนกับหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดของตลาด 50 ตัวเพื่อให้เคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นครับ ตัวอย่างเช่น กองทุน  K-SET50 และ TMB50

ข้อดี กับการลงทุนกับกองทุนแบบนี้ก็คือ การกระจายความเสี่ยง เพราะว่ากองทุนหุ้นดัชนีจะเสมือนว่าเราลงทุนกับหุ้นหลายตัวเลยครับ ข้อดีอีกอย่าง (ข้อดีเยอะเหลือเกิน)คือ ค่าธรรมเนียมถูกเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุน active fund

ข้อเสีย คือ ในเวลาที่ตลาดหุ้นเป็นขาลงชัดเจน กองทุนเหล่านี้จะขาดทุน มากกว่ากองทุน active ที่ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับหุ้น หรือ เลือกหุ้นบางตัวที่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงตลาดขาลงได้ครับ

 

3. คิดผลตอบแทนแบบทบต้น ผมได้ทำเป็นตารางมาให้ดูแล้วครับ ให้ทุกท่านเลือกเลยว่า จะลงทุนกี่บาท และ กี่ปี เพื่อที่จะได้มีเงินเท่าไหร่เวลาเกษียณครับ

ภถุุ

ถ้าท่านไหนงงเรื่องการคิดดอกเบี้ยทบต้นแล้วละก็ ไปอ่านบทความ รวยได้ ไม่ง๊อพ่อตอน 2 ได้เลยครับ

 

4. เมื่อเก็บเงินได้ครบตามที่อยากได้แล้วในเวลาที่กำหนด ก็ถึงเวลาที่จะต้องจัดพอร์ตการเกษียณ หรือ จัดสัดส่วนการลงทุน แบบเสี่ยงต่ำที่ได้ผลตอบแทนไม่มาก แต่ค่อนข้างที่จะมั่นคงครับ

โดยสัดส่วนพอร์ตการลงทุนอันนี้ผม นำมาจากแบบประเมินความเสี่ยงครับ โดยสมมติว่าตัวเองเป็นคนแก่มาก ๆ 55+ (จริง ๆ ยังหนุ่มแน่นนะครับ)

89

 

5. คัดเลือกกองทุนที่เหมาะสม และลงทุนตามสัดส่วนที่ได้ทำแบบประเมินไว้ครับ

รายละเอียดตามด้านล่างนี้เลยครับ ส่วนกองทุนคัดเลือกถามหลังไมค์ได้นะครับ

คคคคต

 

6. นำผลตอบแทนของพอร์ตเกษียณ มาหาจำนวนเงิน หรือ Passive income จากการลงทุนด้วยเงินเก็บของเรา

เพื่อที่จะได้ทราบว่า เราจะมีเงินที่เป็น Passive income ต่อเดือนจากการลงทุนในพอร์ตเกษียณ เป็นเท่าไหร่ครับ ตามตารางด้านล่างนี้เลย

 

ถถถถ

 

หลายท่านอาจจะ งง ว่าไอ้ตารางสุดท้ายนี้มาได้อย่างไร ผมจะคำนวนให้ดู เพื่อความกระจ่างอีกครั้งครับ (โปรดฟังอีกครั้ง !! )

สมมติว่าผม เก็บเงินเดือนละ 5000 บาท เอาไปลงทุนกับ K-SET50  เป็นเวลา 40 ปี

ผมจะมีผลตอบแทนจากกองทุน K-SET50 เบ็ดเสร็จ (จากตารางที่ 1 )อยู่ที่ 55,575,392 บาทครับ (โอ้ว นี่เก็บแค่ 5,000 เองนะเนี้ย ยังไม่รวมเงินที่จะเพิ่มมากขึ้น หากเงินเดือนขึ้นอีกนะเนี้ย)

จากนั้นเพื่อความปลอดภัยของเงินก้อนนี้ ผมเอาไปลงทุนในพอร์ตวัยเกษียณ รูปที่ 2 โดยผลตอบแทนของพอร์ตนี้อยู่ที่ 3.92 % ตามตารางที่ 2 ครับ โดยผลตอบแทนหลังเกษียณต่อปีจะอยู่ที่ 3.92% x 55,575,392 = 2,177,444 บาท

จากนั้นผมก็นำมาหารด้วย 12 ครับ เพื่อทำเป็น รายได้ต่อเดือน จะได้อยู่ที่ 181,454 บาทครับ

 

สรุป เท่่านี้ผมก็จะมีเงินที่เป็น Passive Income ต่อเดือนหลังการเกษียณ แบบที่ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่ประมาณเกือบ 2 แสนบาทครับ

 

เป็นอย่างไรบ้างครับ ง่ายใช่ไหมครับ ลองนำไปใช้ดูนะครับ อย่างน้อยก็จะทำให้เรารู้ว่า เราจะเก็บเงินเกษียณกันอย่างไร และจะมีเงินใช้หลังเกษียณเท่าไหร่ครับ ปล. ผมยังไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินเฟ้อนะครับ อันนี้คิดกันแบบง่าย ๆ ครับ แต่ก็พอจะนำไปใช้ได้อยู่ ^_^

จนกว่าจะพบกันครั้งหน้า ขอให้โชคดีในการลงทุนกับกองทุนรวมทุกท่านครับ