
1.กระปุกรายจ่ายประจำ (55%)สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าอาหาร, ค่าสาธารณูปโภค, ค่าอินเทอร์เน็ต, ค่าเดินทาง รวมถึงการผ่อนชำระหนี้ต่างๆ เช่น บ้าน รถ บัตรเครดิต
2.กระปุกการลงทุน (10%)นำไปลงทุนอะไรก็ได้เพื่อให้เงินงอกเงย เช่น หุ้น กองทุน สลากออมสิน ทองคำ ประกันสะสมทรัพย์ เงินฝากดอกเบี้ยสูง
3.กระปุกการศึกษา (10%)ใช้พัฒนาตนเองในด้านต่างๆ เช่น ลงเรียนคอร์สที่สนใจ สัมมนาอบรม เวิร์กช็อป ซื้อหนังสือ หรือเก็บไว้ยาวๆ เพื่อศึกษาต่อ
4.กระปุกการออมระยะยาว (10%)เก็บเงินส่วนนี้ไว้เพื่อใช้จ่ายก้อนใหญ่หรือระยะยาว เช่น ดาวน์บ้าน รถ คอนโดฯ สินสอดแต่งงาน ค่าเล่าเรียนของลูก หรือไปเที่ยวต่างประเทศ ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เราเรียกเงินส่วนนี้ว่า “เงินสำรองฉุกเฉิน” คือเมื่อถึงคราวจำเป็นก็นำออกมาใช้ได้ทันที ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน
5.กระปุกให้รางวัลตัวเอง (10%)อดทนทำงานเก็บเงินเพื่ออนาคตของตัวเองขนาดนี้ ก็ต้องให้รางวัลตัวเองกันบ้าง เงินส่วนนี้สามารถเอาไปทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด เช่น ดูหนัง ช้อปปิ้ง กินอาหารดีๆ ซื้อบัตรคอนเสิร์ต ทำสปา เสริมสวย
6.กระปุกแบ่งปัน (5%)เราสามารถตอบแทนสังคมได้ ด้วยการนำเงินส่วนนี้ไปบริจาคหรือทำบุญ เช่น ทุนการศึกษาสำหรับเด็กยากไร้ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ค่าอาหารน้องหมาแมวจรจัด รวมไปถึงการซื้อของขวัญให้เพื่อน

คำแนะนำจาก aomMONEYทฤษฎี 6 Jars Money Management ไม่ได้มีกฎบังคับตายตัว เพราะแต่ละคนก็มีความจำเป็นในชีวิตแตกต่างกัน ดังนั้นสัดส่วนในการเก็บออมสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม และมือใหม่อย่าเพิ่งหักโหม ค่อยเป็นค่อยไป ปรับตัวไปทีละนิดดีกว่าครับ
สุดท้ายอย่าลืมว่าเริ่มก่อน...รวยก่อน
ลงมือทำเลยครับ ลองดูแล้วจะรู้ว่าชีวิตดีขึ้นจริงๆ
ติดตามความรู้เรื่องการเงินการลงทุนจาก aomMONEY
.
? Website : www.aomMONEY.com
? Youtube : https://www.youtube.com/AommoneyTH
? กลุ่มกองทุนไหนดี : https://www.facebook.com/groups/SelectedFund/
.
.