อยากระดมเงินช่วยเหลือคนอื่น แต่รับเงินผ่านบัญชีตัวเราเองได้ไหม แบบนี้จะเจอปัญหาอะไรบ้างครับพรี่หนอม ?
สำหรับคนที่อยากรับบริจาคผ่านบัญชีตัวเอง ต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง จัดการอย่างไร มีปัญหาภาษีอะไรที่ควรระวัง ไปจนถึงเราควรตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ไหม ลองมาดูหลักการใน 9 ข้อนี้กันครับ
1. แยกบัญชีออกมาให้ชัดเจน ถ้าเป็นไปได้เปิดบัญชีใหม่ได้ยิ่งดี เพราะการเปิดบัญชีใหม่เป็นการแสดงความโปร่งใสและความสะดวกในการจัดการ
2. บริจาคในช่วงเวลาจำกัด ถ้าหยุดบริจาคเมื่อไรให้ปิดบัญชี การทำแบบนี้จะทำให้เราสามารถควบคุมยอดเงินเข้าได้อย่างชัดเจน และการปิดบัญชีก็แปลว่าเราจะได้รู้ว่าเงินทั้งหมดมีเท่าไร? และเราจะได้พิสูจน์ว่าไม่มีลับลมคมในกับเรื่องนี้
3. เตรียม Statement ไว้ให้พร้อม ไม่ต้องรอให้ใครร้องขอจากเรา บางทีเอาจากออนไลน์ได้เลยนะ นี่คือหลักฐานสำคัญของเงินเข้าและออก เพื่อพิสูจน์ยอดการเคลื่อนไหวในบัญชีให้ชัดเจนที่สุดครับ
4. เงินที่รับมาต้องตรงตามวัตถุประสงค์ ไม่ควรเอาไปใช้ในเรื่องอื่นไม่ว่ากรณีใดๆ คนที่บริจาคให้เขาจะเสียใจได้ ข้อนีไม่ได้ทำเพื่อบัญชีและภาษี แต่ทำเพื่อความน่าเชื่อถือล้วนๆ ดังนั้น อย่าใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ครับ
5. เก็บหลักฐานการใช้เงินไว้ให้พร้อม ทำบัญชีรายรับรายจ่ายรอไว้ด้วยนะ เพราะหลักฐานตรงนี้สำคัญมากเลย ข้อนี้เน้นเลยว่าจำเป็นที่สุด เพราะสิ่งที่พิสูจน์ได้ดี คือ บัญชีรายรับรายจ่ายที่บอกว่าเราไม่ได้เอาเงินไปทำอะไรนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ ส่วนหลักฐานการจ่ายต่างๆ ก็ใช้พิสูจน์รายจ่ายในบัญชีอีกทีว่ามีที่มาที่ไป ไม่ใช่ไก่กา
6. ไม่อยากโดนภาษี ต้องทำเป็น "ตัวแทน" เงินที่เข้าบัญชี = เงินที่ออกจากบัญชี และต้องมีการพิสูจน์ได้ (ตามที่เขียนไว้ข้อ 3-5) สำหรับการเสียภาษี จะถือเป็นเงินได้ของเราก็ต่อเมื่อเราได้ประโยชน์ แต่ในกรณีที่เราไม่ได้ประโยชน์ โดยเงินเข้า = เงินออก แบบนี้จะบอกได้ว่ามันไม่ใช่รายได้ ซึ่งการจะบอกแบบนี้ ก็ต้องกลับไปแม่นที่หลักฐานและรายการเดินบัญชีต่าง ๆ นี่แหละครับ
7. แต่อย่างไรก็ดี คุณอาจจะโดนธนาคาร ส่งข้อมูลให้สรรพากรตามเงื่อนไขได้อยู่ดี (เงินเข้าบัญชี 3,000 ครั้ง / 400 ครั้ง + 2 ล้านบาท) หากมีจำนวนครั้งที่เงินเข้า หรือจำนวนเงินตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คุณย่อมถูกส่งข้อมูลให้สรรพากรตรวจสอบ แต่ข้อมูลนี้ไม่เกี่ยวกับการเสียภาษีนะครับ เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลไว้ตรวจสอบเฉย ๆ ใครที่ไม่ทราบเรื่องนี้ แนะนำอ่านบทความ ธนาคารส่งข้อมูลให้สรรพากร เพิ่มเติมครับ
8. ห้ามเอาส่วนนี้ไปใช้สิทธิด้านภาษี ไม่ว่าจะเป็น การลดหย่อนภาษี(บุคคล) หรือ หักค่าใช้จ่าย 2 เท่า (นิติบุคคล) ข้อนี้ไม่ควรนำไปใช้ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม เพราะสังคมจะเกิดคำถามแน่นอน และมันคือการทำผิดวัตถุประสงค์กลายๆ ดังนั้นอย่าหาทำ !
9. ทำทุกอย่างให้โปร่งใส พร้อมตอบคำถามทุกอย่างเสมอ หากมีใครอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม ข้อสุดท้ายนี้ อยากฝากไว้ เพราะเราเป็นตัวแทน ซึ่งแปลว่าเรามีหน้าที่ต้องจัดการให้ลุล่วง ไปจนถึงตอบข้อสงสัยของสังคม ถ้าเราอาสามาทำหน้าที่นี้ เราต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบครับ
บทสรุปสำหรับเรื่องนี้ คือ ถ้าหากเราไม่พร้อมรับเงินผ่านบัญชี หรือ จัดการได้ตามหลักการทั้งหมด 9 ข้อนี้ การให้เลขบัญชีบริจาคแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ
สุดท้ายนี้ ถ้าใครชอบบทความแบบนี้ พรี่หนอมฝากทุกคนติดตามบทความภาษีที่ บล็อกภาษีข้างถนน และแฟนเพจ TAXBugnoms ด้วยนะครับ ขอบคุณครับผม