หลายคนรู้จัก “บิล เกตส์” ในฐานะซีอีโอของบริษัทไมโครซอฟต์ และมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลก แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า ถึงแม้เขาจะมีเงินมากขนาดไหน ก็ไม่ได้ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย แต่จะใช้จ่ายอย่างรอบคอบ มีเหตุผล ซึ่งเขามีแนวคิดทางการเงินที่น่าสนใจคือ “การมองโลกในแง่ดีและร้าย” ไปพร้อมๆ กัน
วันนี้ aomMONEY จะเล่าให้ฟังครับว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
ในรายการทอล์กโชว์ของอเมริกัน “The Ellen DeGeneres Show” บิล เกตส์ ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงที่ก่อตั้งบริษัทแรกๆ นั้น เขาต้องเจอความยากลำบากในการบริหารเงิน ให้เพียงพออย่างน้อย 1 ปี เพื่อรักษาบริษัทและพนักงานให้อยู่รอด และต้องเตรียมเงินสำรองเผื่อสำหรับสถานการณ์ที่ไม่มีรายได้เข้ามาด้วย
“ผมมักจะกังวลและคิดถึงสถานการณ์ล่วงหน้าอยู่เสมอ เพราะพนักงานมีอายุมากกว่าผม และพวกเขาก็มีลูก มีครอบครัว ผมจึงต้องวางแผนเรื่องการเงินของบริษัทให้อยู่รอดให้ได้ สมมติถ้าผมจ้างพนักงานมากเกินไป บริษัทก็อาจจะแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว” บิล เกตส์ กล่าว
เขามักจะ “มองโลกในแง่ดี” และ “มองโลกในแง่ร้าย” ไปด้วยกันเสมอ ซึ่งเราสามารถนำทั้ง 2 สิ่งนี้มาปรับใช้ในการวางแผนการเงิน-การลงทุนได้ ดังนี้
จงออมเงินแบบคนมองโลกในแง่ร้าย
เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทุกคนจึงต้องคอยเฝ้าระวัง ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินเผื่อสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น อย่างน้อย 6-12 เดือน หากมีเรื่องด่วนก็สามารถนำเงินก้อนนี้มาใช้จ่ายได้
จงลงทุนแบบคนมองโลกในแง่ดี
แม้ว่าบิล เกตส์ จะลาออกจากการเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่เขาก็ยังมองว่า การศึกษาคือการลงทุนที่ดีที่สุด เคยมีคนตั้งกระทู้ถามใน Reddit (คล้ายๆ กับพันทิปบ้านเรา) ว่า “ขอคำแนะนำทางการเงิน สำหรับคนที่มีรายได้น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์ฯ ต่อปีหน่อย?” บิล เกตส์ ก็เข้าไปตอบว่า “คุณควรลงทุนกับการศึกษา”
สุนทรพจน์ที่บิล เกตส์ กล่าวเมื่อตอนกลับไปที่มหาวิทยาลัย เขาก็บอกว่า “สิ่งที่ผมจำได้มากที่สุดจากการเรียนคือ ผมได้อยู่ท่ามกลางพลังงานและความรู้มากมาย บางครั้งมันอาจจะยากลำบาก แต่ก็มีความท้าทายเสมอ ถึงแม้ว่าผมจะลาออกมากลางคัน แต่ที่นี่ก็ทำให้ผมเปลี่ยนไปมาก ทั้งการได้มิตรภาพ คอนเน็กชั่น และไอเดียต่างๆ ในการทำงาน”
เรื่องนี้ เราสามารถนำมาปรับใช้ได้คือ “จงลงทุนแบบคนมองโลกในแง่ดี” คือนอกจากจะลงทุนด้านการเงิน เพื่อสร้างความมั่งคั่งแล้ว ก็ควรลงทุนกับการศึกษา หมั่นเรียนรู้ ฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต่อโลกอนาคตด้วยครับ