อาหาร คือหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มนุษย์ทุกคนต้องบริโภค ไม่ว่าเศรษฐกิจจะขึ้นหรือลงอย่างไร คนก็ยังต้องบริโภคอาหาร นี่คือสินค้าที่มนุษย์ขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าการประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้จะเป็นเรื่องง่าย เพราะทุกวันนี้มีบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่เติบโตขึ้นจนกลายเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจนี้ 

การที่บริษัทสักแห่งจะกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมใด ๆ ได้มาจากหลายสาเหตุ เช่น ราคาที่ถูกกว่า การออกแบบสินค้าที่ดูดีกว่า แต่สำหรับกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร “คุณภาพและความปลอดภัย” นับเป็นหนึ่งในเกณฑ์ชี้วัดสำคัญที่ผู้บริโภคเลือก ดังนั้น บริษัทใดก็ตามที่สามารถนำเสนอคุณภาพสินค้าที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภคได้ในราคาที่เหมาะสม และใช้เรื่องของคุณภาพกับความปลอดภัยเป็นตัวสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าได้ บริษัทนั้นย่อมมีศักยภาพเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ได้ 

นั่นคือสิ่งที่เบทาโกรทำมาตลอด 55 ปี จนกลายเป็นหนึ่งในผู้นำของกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารแบบครบวงจร และกำลังเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ภาพรวมธุรกิจเบทาโกร 

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล ในฐานะผู้นำนวัตกรรมอาหารคุณภาพและปลอดภัยที่มีประสบการณ์มากกว่า 55 ปี ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และอาหารแบบครบวงจร 

เบทาโกร ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2510 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้ประชาชนมีทางเลือก สามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยได้มากขึ้น ในราคาที่เป็นธรรม ปัจจุบันเบทาโกรเป็นเจ้าของแบรนด์คุณภาพชั้นนำมากมาย ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อสดและแปรรูป  S-Pure และ BETAGRO ผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเกรด     พรีเมียมตรา ITOHAM (แบรนด์ภายใต้การร่วมค้ากับพันธมิตรต่างประเทศ) ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ เช่น Betagro, Balance และ Master ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ เช่น Better Pharma และ Nexgen นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง เช่น Perfecta, DOG n joy และ CAT n joy  

ที่ผ่านมา ในธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร เป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงไม่แพ้อุตสาหกรรมอื่น แต่ด้วยกลยุทธ์ของบริษัทที่มีเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมนี้ โดยผลิตและจำหน่ายสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และมีช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย และครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศจึงทำให้เบทาโกรเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดครึ่งศตวรรษ พร้อมทั้งศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต 

กลุ่มธุรกิจและโครงสร้างรายได้ ของธุรกิจ 4 กลุ่ม 

เบทาโกรประกอบไปด้วยธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่   

1. ธุรกิจกลุ่มเกษตร ประกอบด้วยการผลิตอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ อุปกรณ์และเครื่องมือฟาร์มที่หลากหลาย และการให้บริการห้องปฏิบัติการ

2. กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ผลิตและจำหน่ายเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และผลิตภัณฑ์ปลาแก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ การแปรรูปเนื้อสัตว์ปรุงสุก ผลิตภัณฑ์พร้อมปรุง ผลิตภัณฑ์กึ่งปรุงสุก ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน ผลิตภัณฑ์พลอยได้ และโปรตีนทางเลือก รวมถึงการทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ 

3. กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ประกอบด้วย     การประกอบธุรกิจในกัมพูชา ลาว และเมียนมา เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์สัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ อุปกรณ์ฟาร์มและผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึงสุกร สัตว์ปีก ไข่ไก่ และเนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารแปรรูป 

4. กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง ประกอบด้วย การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง ขนมขบเคี้ยวสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง 

สัดส่วนรายได้ของเบทาโกร แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ รอบ 6 เดือนแรกปี พ.ศ. 2565 (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565)

1) กลุ่มธุรกิจเกษตร (24.6%) 

2) กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน (68.4%) 

3) กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ (5.2%) 

4) กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง (1.8%) 

ผลการดำเนินงานในอดีตของเบทาโกร 

ปี 2562 
รายได้ 75,188.4 ล้านบาท 
กำไรสุทธิ 1,267.5 ล้านบาท 

ปี 2563 
รายได้ 80,631.5 ล้านบาท 
กำไรสุทธิ 2,341.0 ล้านบาท 

ปี 2564 
รายได้ 86,743.7 ล้านบาท 
กำไรสุทธิ 839.0 ล้านบาท 

งวด 6 เดือน ปี 2565 
รายได้ 54,193.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% จาก 6 เดือน/2564 
กำไรสุทธิ 3,892.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233.1% จาก 6 เดือน/2564 และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.2% 

จากงบการเงินของเบทาโกรล่าสุด จะเห็นได้ว่าบริษัทมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยในช่วงปี 2562-2564 เบทาโกรสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ ที่ 7.4% ต่อปี แม้แต่ในช่วงปีที่เกิดวิกฤต COVID-19 ไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะสามารถประคับประคองตัวเองไปได้ พร้อมทั้งเติบโตขึ้นด้วยแบบเบทาโกร 

วัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ 

จากที่ BTG ชี้แจงในหนังสือชี้ชวนของตลาดหลักทรัพย์ เบทาโกรจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นเพื่อนำเงินทุนไปใช้ต่อด้วยวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ ใช้ในการขยายธุรกิจ ปรับโครงสร้างเงินทุน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต 

สำหรับวัตถุประสงค์ในการขยายธุรกิจนั้น แม้ว่า BTG จะมีรายได้ในปีที่ผ่านมาร่วม 8 หมื่นล้านบาท แต่ BTG ก็ยังเสาะหาโอกาสเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องผ่านการขยายธุรกิจ สำหรับแผนการต่อจากนี้ของ BTG ก็คือ จะนำเงินทุนส่วนหนึ่งที่ได้จากการระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ใช้เป็นเงินทุนในการเข้าซื้อและ/หรือก่อสร้าง ฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ โรงชำแหละสัตว์ โรงงานแปรรูปอาหารและเนื้อสัตว์ รวมถึงการผลิตไข่ไก่และโปรตีนทางเลือกในประเทศ

โดยยังมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนทำโรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์ม และโรงชำแหละสัตว์ในประเทศกัมพูชา ประเทศลาว และประเทศเมียนมา การลงทุนในโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยงและขนมขบเคี้ยวสำหรับสัตว์เลี้ยง การลงทุนในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Facilities) ตลอดจนการลงทุนเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงการจัดการและดำเนินธุรกิจ และการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในการจัดการและดำเนินธุรกิจ  รวมไปถึงการลงทุนในกิจการร่วมค้า

สำหรับท่านที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตที่ยั่งยืนไปกับเบทาโกร สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

https://market.sec.or.th/public/idisc/th/Product/Filing/CS-0000001302/XX-00000000-00000000-00000000-00000000-00000000-00000000

บทความนี้เป็น Advertorial