ในวันที่เรากำลังก้าวเข้าสู่โลก Metaverse เทคโนโลยีต่าง ๆ มีความอัจฉริยะถึงขีดสุด สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและทำงานได้อัตโนมัติใกล้เคียงมนุษย์ ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจต้องปรับตัวขนานใหญ่ รวมถึง “ธุรกิจประกันภัย” ด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างที่น่าสนใจคือบริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “เคเอสเค” ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยแห่งเดียวในประเทศไทย ที่อยู่ในกลุ่มเครือบริษัท InsurTech ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีการนำเทคโนโลยี AI และ machine learning มาใช้วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อออกแบบประกันภัยให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละคน ที่สำคัญคือราคาจับต้องได้

ซึ่งทางเคเอสเค เพิ่งได้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ไฟแรงเข้ามากุมบังเหียน คือ “คุณสิริสุข แมนเมตตกุล” ผู้มาพร้อมความรู้และประสบการณ์ในแวดวงนี้กว่า 20 ปี และประกาศชัดเจนว่า “ต้องการกำหนดมาตรฐานใหม่ให้ธุรกิจประกันภัย” กลยุทธ์ของเธอน่าสนใจแค่ไหน? aomMONEY ชวนเพื่อน ๆ มาติดตามผ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้กันครับ

Q : สวัสดีครับคุณสิริสุข ทราบมาว่าก่อนที่จะเข้ามาบริหารเคเอสเค คุณสิริสุขเคยทำงานอยู่ในแวดวงนี้มากว่า 20 ปีเลยทีเดียว ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?

คุณสิริสุข : สวัสดีค่ะ จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าดิฉันคลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน ตั้งแต่ตอนที่เรียนปริญญาตรีด้าน BBA International Program และปริญญาโท MIF Program จากรั้วธรรมศาสตร์ แล้วก็มีโอกาสได้ทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษา และผู้นำด้านการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัล ในฐานะผู้อำนวยการของ PwC บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ระดับโลก รวมประสบการณ์แล้วกว่า 20 ปี

นอกจากนี้ก่อนหน้านั้นก็มีโอกาสไปปฏิบัติงาน ณ รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบกับมีผลงานด้านวิชาการ บทความทางธุรกิจ และเป็นวิทยากรรับเชิญในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ดังนั้น ดิฉันจึงมีความพร้อมและมั่นใจที่จะพาเคเอสเคก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจประกันภัย ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ ๆ ค่ะ

Q : ตอนนี้เคเอสเคมีการเติบโตอย่างไร และอยู่ในจุดไหนของธุรกิจประกันภัยครับ?

คุณสิริสุข : เราอยู่ในกลุ่มบริษัทอินชัวร์เทค (InsurTech) หรือกลุ่มธุรกิจประกันภัยที่นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดำเนินงานชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และปัจจุบันมีสัดส่วนทางการตลาดในธุรกิจประกันสุขภาพถึง 3% ทั้งที่เพิ่งเข้ามาบุกตลาดด้านนี้เพียงแค่ไม่กี่ปี

ซึ่งการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี จะมีลักษณะเป็นแบบ S-curve คือเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงแรก และก้าวกระโดดเมื่อผู้ใช้คุ้นเคยกับเทคโนโลยี ดังนั้นเชื่อได้ว่าในอนาคตเราจะเติบโตยิ่งขึ้น เมื่อลูกค้าคุ้นเคยกับการซื้อประกันออนไลน์

Q : กลยุทธ์ของเคเอสเคภายใต้การบริหารของคุณสิริสุข จะเป็นอย่างไร?

คุณสิริสุข : ที่ผ่านมาเคเอสเคมีประสบการณ์กว่า 20 ปีในแวดวงธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย ซึ่งในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาเราเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์เพื่อขยายส่วนแบ่งทางการตลาดประกันสุขภาพ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างความแตกต่างในการบริหารจัดการกรมธรรม์ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ไม่ซ้ำใคร

เรามีกลยุทธ์ “full-stack” ที่ใช้ข้อได้เปรียบที่เราเป็นเจ้าของระบบการประกันภัยครบวงจร ตั้งแต่การรับประกันภัย ไปจนถึงการจัดจำหน่าย และบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยใช้นวัตกรรมดิจิทัลที่อาศัยข้อมูล AI และเพิ่มประสิทธิภาพโดยการใช้ machine learning เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยส่วนบุคคลได้ตามความต้องการของลูกค้า ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล

นอกจากนี้ ยังมีการปรับใช้แพลตฟอร์มการบริหารทรัพยากรบุคคลสำหรับลูกค้าองค์กร และ superapp แอปพลิเคชันที่ครอบคลุมทุกบริการไว้ในที่เดียว เพื่อให้สมาชิกเข้าถึงการดูแล และสามารถจัดการความคุ้มครองของกรมธรรม์

ต่อจากนี้ดิฉันจะใช้จุดแข็งที่เราเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยีกับธุรกิจประกันภัย มาบริหารจัดการความคุ้มครอง และสร้างบริการให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่แตกต่าง ทั้งนี้แน่นอนว่าการยึดมั่นในคำมั่นสัญญา และการดูแลลูกค้า คือสิ่งที่เราจะยึดมั่นเป็นอันดับแรก

Q : จุดแข็งของเคเอสเคที่เหนือกว่าคู่แข่งคืออะไรครับ?

คุณสิริสุข : สโลแกนของเราคือ “Be smart Be friendly Be jolly” และเราสามารถผนวกเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอให้กับลูกค้า และพร้อมให้บริการตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งความโดดเด่นของการทำประกันภัยกับเคเอสเคคือ

  1. สามารถออกแบบความคุ้มครองได้เอง ทั้งประกันสุขภาพและประกันภัยรถยนต์ โดยใช้ AI และ machine learning เข้าช่วย ภายใต้ราคาที่เข้าถึงได้
  2. สามารถบริหารจัดการความคุ้มครองผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น การจัดการกรมธรรม์ การจัดการสินไหม บริการวิเคราะห์ข้อมูลสินไหมให้กับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าองค์กร ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ InsurTech
  3. มีการร่วมมือกับบริษัท InsurTech และผู้ให้บริการด้านสุขภาพแบบดิจิทัล เพื่อนำเสนอบริการการดูแลเบื้องต้นแบบเสมือนจริงและแบบไร้เงินสด ซึ่งจะรวมถึงการตรวจวินิจฉัยอาการ การให้คำปรึกษาทางไกลเกี่ยวกับสุขภาพ และบริการจัดส่งยา

Q : ทราบมาว่าเคเอสเคได้รับความไว้วางใจอย่างมากจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจใช่มั้ยครับ

คุณสิริสุข : ใช่ค่ะ เราได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้ากลุ่มนี้ ปีที่ผ่านมาเราดูแลไปมากกว่า 800 บริษัท โดยสามารถขยายฐานลูกค้า ด้วยผลงานในการให้บริการแก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) รวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วประเทศ อาทิ ธุรกิจสายการบิน ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจขายส่งและขายปลีก สถาบันการเงิน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจสื่อและสารสนเทศ ผู้ผลิตและขนส่งสินค้า ฯลฯ ซึ่งเราก็คาดหวังว่าปีนี้จะได้รับการตอบรับมากขึ้น

Q : โปรดักต์ตัวไหนบ้างที่เป็นจุดเด่นของเคเอสเค?

คุณสิริสุข : โปรดักต์ที่เป็นจุดเด่นของเคเอสเคในปัจจุบัน คือประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองสุขภาพและรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “ประกันภัยกลุ่มด้านสุขภาพ” ที่เรามีลูกค้าเป็นกลุ่มธุรกิจ ซึ่งพนักงานสามารถเพิ่มความคุ้มครองกับเราได้ นอกจากนี้การใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็เริ่มได้รับความสนใจในบ้านเราแล้ว เคเอสเคจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโปรดักต์ในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ

Q : ตอนนี้ธุรกิจหลาย ๆ แบรนด์ต่างก็ตบเท้าเข้าสู่โลก Metaverse ทางเคเอสเคจะเตรียมตัวลุยด้านนี้ด้วยมั้ยครับ?

คุณสิริสุข : ด้วยความที่เราเป็นผู้นำในด้าน InsurTech อยู่แล้ว และให้ความสำคัญกับเรื่องเทคโนโลยีมาตลอด ดังนั้น เรามีศักยภาพเต็มเปี่ยมที่จะเข้าสู่โลก Metaverse ค่ะ ตอนนี้เรามีการศึกษาเพื่อดูความเป็นไปได้ในแง่ของโอกาส ผลกระทบในแง่ของความเสี่ยง รวมถึงความเป็นไปได้ในการทำ customer engagement แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องพิจารณาถึงภาพรวมของธุรกิจประกันภัย และข้อจำกัดจากหน่วยงานที่กำกับดูแลด้วยค่ะ

Q : เป้าหมายของเคเอสเคต่อจากนี้คืออะไรครับ?

คุณสิริสุข : เราต้องการกำหนดมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมการประกันภัย เพื่อผลักดันให้เคเอสเคก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการประกันภัยที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยความไว้วางใจของลูกค้า และการทำตามคำมั่นสัญญาจะเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุดในการดำเนินธุรกิจของเรา

Q : เมื่อพูดถึงเรื่องความไว้วางใจของลูกค้า ตอนนี้มีคนไทยบางส่วนไม่เชื่อมั่นที่จะซื้อประกันภัย ทางเคเอสเคมีแนวทางอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นครับ?

คุณสิริสุข : เรามองว่านี่คือโอกาส เพราะปัญหาเรื่องประกันโควิดที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจประกันภัย ซึ่งเคเอสเคและผู้ถือหุ้นมีความยึดมั่นในการปฏิบัติตามสัญญากับผู้ถือกรมธรรม์ ถึงแม้ว่ากรมธรรม์ “เจอ จ่าย จบ” จะทำให้ผลประกอบการบริษัทติดลบในปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่นั่นแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการของเรา ทางบริษัทมีการประเมินความเสี่ยง และเตรียมการเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่าเราสามารถดูแลผู้ถือกรมธรรม์ได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น ผู้ถือหุ้นได้ตัดสินใจเพิ่มทุนในเดือนที่ผ่านมา อัตราส่วนความเพียงพอเงินกองทุนที่เรารักษานั้น มากกว่าที่ คปภ.ต้องการ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาคือ 330% ในขณะที่ requirements คือ 140% เราตั้งใจที่จะรักษาเสถียรภาพทางด้านการเงิน เพื่อรักษาสัญญาที่เรามีต่อผู้ถือกรมธรรม์

Q : การเป็นบริษัทในเครือ InsurTech ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ทำให้เพิ่มความน่าเชื่อถือให้เคเอสเคด้วยใช่มั้ยครับ?

คุณสิริสุข : ใช่ค่ะ เราเป็นบริษัทประกันภัยแห่งเดียวในประเทศไทย ที่อยู่ในกลุ่มบริษัท Sunday Ins Holdings (กลุ่ม Sunday) ซึ่งเป็นเครือ InsurTech ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนด้านเทคโนโลยีระดับโลก ได้แก่ Vertex Ventures, Quona Capital, Tencent, SCB 10X, LINE Ventures และอื่น ๆ อีกมากมาย

ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนมีแนวทาง และความคาดหวังในการเติบโตที่ก้าวกระโดด องค์กรของเรามีวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้จับกลุ่มตลาดที่ต้องการได้ การขาดทุนระยะสั้นในช่วงเริ่มต้นเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต เป็นสิ่งที่ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารคาดการณ์ตั้งแต่ต้น และถือเป็นเรื่องปกติในการขยายตลาด

ทั้งนี้ เราได้รับการสนับสนุนในการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา และแนวทางการลงทุนของผู้ถือหุ้นยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

Q : สุดท้ายนี้ คุณสิริสุขอยากฝากอะไรถึงคนไทย เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยบ้างมั้ยครับ?

คุณสิริสุข : เรามีบทเรียนจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา คือไม่ว่าเราจะเตรียมตัวดีอย่างไรก็ตาม แต่ชีวิตก็จะมีปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้เข้ามากระทบเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วย “การทำประกัน” จึงเป็นการจัดการกับความเสี่ยง และปกป้องตัวเองจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

คนส่วนใหญ่มักลืมใส่ใจเรื่องประกันสุขภาพ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลากับทุกคน และถ้าวันนั้นมาถึง หากมีประกันสุขภาพเราก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่องค่ารักษาพยาบาล

ดังนั้น การเตรียมตัวล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเช่นกัน นอกจากนี้ ประกันสุขภาพส่วนบุคคลยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย จะเห็นได้ว่านอกจากจะได้ซื้อความสบายใจให้คุณ และคนที่คุณรักแล้ว ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนด้านสุขภาพอีกด้วย

บทความนี้เป็น Advertorial