เพื่อนๆเคยสงสัยกันไหมครับว่า ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จในด้านการทำงานและด้านการเงินถึงสามารถสร้างฐานะของตัวเองให้ร่ำรวยขึ้นไปเรื่อย ๆ นั่นเพราะคนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากมีคำว่า ‘Growth Mindset’ ในชีวิตยังไงละครับ

คำถามสำคัญก็คือ มีแล้วเอาไปปรับใช้ในมิติไหนของชีวิตให้เติบโตขึ้นได้บ้าง ลองมาค้นหาคำตอบกับ Growth Mindset แบบไหนที่จะสร้างให้เรามีชีวิตการเงินของเราดีขึ้นกัน

1. Growth Mindset เรื่องการพัฒนาการทำงาน

เพื่อนๆทุกคนก็คงจะทราบอยู่แล้วว่า เงินคืองานและงานทำให้เราได้เงิน ถ้าเราสังเกตคนที่ทำงานแบบทั่วๆไป เขาจะรับผิดชอบเฉพาะงานที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าเท่านั้น หัวหน้าสั่งอะไรก็ทำตามนั้นแหละ ไม่กล้านำเสนอความคิดใหม่ๆ ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะกลัวมีปัญหาในการทำงาน ขออยู่แบบเซฟโซนดีกว่า ไม่งั้นงานเข้า เดี๋ยวเหนื่อย คนกลุ่มนี้จะทำงานไปเรื่อย ๆ ให้แต่ละวันผ่านพ้นไป ซึ่งทำให้เราเติบโตในหน้าที่การงานได้ยาก

แต่ถ้าหากเราใช้วิธีคิดแบบ Growth Mindset วิธีการทำงานเราจะเปลี่ยนไปเลยนะ เพราะในแต่ละวัน เราจะตั้งเป้าหมายก่อนว่าจะทำอะไรบ้าง เรื่องอะไรที่ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งถ้าหากเราไม่รู้ เราก็จะหาความรู้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ หากรณีศึกษาที่มีคนอื่นเคยแชร์ไว้ ไปลงงานสัมมนาที่น่าสนใจ และหาเพื่อนที่จะแลกเปลี่ยนความคิดกันเสมอ ๆ จะได้มีทักษะใหม่ ๆ และได้ข้อมูลที่มากขึ้นจะได้ตัดสินใจในการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม 

แน่นอนว่าเมื่อเรามีวิธีคิดในการทำงานที่ทำให้ชีวิตเราเติบโต ก็จะทำให้หัวหน้าหรือผู้จ้างงานได้เห็นว่าเราเก่งขึ้นนะ น่าจะให้เราทำงานที่สำคัญมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีในแง่ของโอกาสการทำงาน ได้ตำแหน่งงานที่สูงขึ้น และทั้งหมดก็มีผลต่อเงินเดือนที่สูงขึ้นเช่นกัน

2. Growth Mindset เรื่องการจัดการเงินของตัวเรา

เวลาที่พูดถึงเรื่องเงินๆ ทอง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าใช้จ่ายทั้งหลายในแต่ละเดือน หรือหนี้ที่ต้องจ่าย หลายคนก็อาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก ไม่อยากคุยด้วยเลย คุยไปแล้วก็ปวดหัว ไม่พูดถึงจะดีกว่าอีก และคิดว่าทักษะทางการเงินเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ต้องให้ความสำคัญมาก ทำงานได้รับเงินมาก็ไปซื้อของที่อยากได้ หากเงินไม่พอก็ยืมคนอื่นเอา กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองมีปัญหาทางการเงินรุมเร้า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ปัญหาอย่างไรอยู่ดี สุดท้ายจบด้วยการใช้ชีวิตอย่างไม่มีทางเลือก คือการหาเงินมาใช้หนี้ที่ไม่มีวันจบ เศร้ายิ่งไปอีก

แต่หากเรามี Growth Mindset เราจะให้ความสำคัญกับทักษะทางการเงินเป็นอันดับต้น ๆ เพราะรู้ว่าถ้าจัดการเงินได้ดี ก็ทำให้สบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าอนาคตชีวิตจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเป้าหมายในการเก็บออม จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย รวมถึงติดตามดูว่าในแต่ละวันเราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง และคอยปรับปรุงตัวเองให้จัดการเรื่องเงินให้ดีขึ้นตลอดเวลา

อัศวินของยกตัวอย่างนะครับ ถ้าเราเป็นคนที่ใช้เงินเก่ง เก็บออมไม่ค่อยได้ เราอาจจะเริ่มจากการตั้งเป้าหมายการเก็บเงินกันก่อนว่า แต่ละเดือนจะเก็บเงินได้เท่าไหร่ เช่น เราอยากจะเก็บเงินล้านแรก โดยเก็บเงินทุกเดือน เดือนละ 10% ของรายได้ พอเงินเดือนออกก็หักเงินจำนวนนี้แยกบัญชีเก็บเอาไว้ นอกจากนี้เราอาจจะมาดูว่าเราใช้เงินเก่งหรือเปล่า โดยการจดบัญชีว่าวัน ๆ เราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง และลองดูว่าค่าใช้จ่ายไหนลดได้จะได้เก็บเงินได้มากขึ้นด้วย แน่นอนครับว่าเราจะต้องทำอย่างมีวินัยด้วยความมั่นใจและทุกอย่างจะประสบความสำเร็จครับ

3. Growth Mindset บริหารความเสี่ยงรอบตัว

อัศวินมีเพื่อนจำนวนมากที่คิดว่าการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก ชิลๆกันเถอะ เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด และหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันมันก็คงเกิดไปนานแล้ว แน่นอนครับว่าเพื่อนๆทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าความเสี่ยงล้วนอยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ สุขภาพ หรือ ชีวิต หากความเสี่ยงต่างๆ เกิดขึ้นมาก็เกิดความวุ่นวายที่ต้องมาหาวิธีแก้ไขกันที่หลังเพราะไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงเอาไว้ก่อน

สำหรับคนที่มี Growth Mindset นั้น เขาจะคิดอยู่เสมอๆว่าในแต่ละวันที่เราใช้ชีวิตอยู่ มีปัจจัยอะไรบ้างที่อาจนำมาสู่ความเสี่ยงในชีวิตได้ คนเหล่านี้จะมีการตั้งสมมติฐานและวิเคราะห์ว่าผลกระทบที่ตามมาจากความเสี่ยงในแต่ละรูปแบบจะสร้างผลกระทบอะไรในชีวิตบ้าง

ตัวอย่างเช่น หากเราเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวเป็นหลัก เราจะคิดเสมอว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่อยู่ขึ้นมา สมาชิกในครอบครัวอาจจะเผชิญกับความลำบากอย่างแน่นอนทั้งเรื่องของคุณภาพชีวิตและการศึกษาของลูกเช่นกันเราจึงควรเริ่มหาทางบริหารความเสี่ยงจากสิ่งที่คาดการณ์ไว้ ด้วยการเตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน หรือมีการทำประกันในด้านต่างๆ เพื่อครอบคลุมและปกปิดความเสี่ยงให้ทุกคนในครอบครัวสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอุ่นใจเพราะมีการบริหารและป้องกันความเสี่ยงไว้เรียบร้อยแล้ว

4. Growth mindset เรื่องการวางแผนอนาคต

เวลาที่เราพูดถึงเป้าหมายชีวิตของเราในอนาคตอีก 20-30 ปีข้างหน้า หลายๆคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวและยังมาไม่ถึง ยังไม่ต้องไปรีบคิดอะไร เช่น เวลาที่เราคุยเรื่องแผนเกษียณ บางคนอาจจะคิดว่าเอาไว้ใกล้ถึงเวลาแล้วค่อยเตรียมพร้อมก็ได้ อัศวินกลัวว่าถ้าเราไม่เตรียมตัวเลยและรอจนถึงเวลานั้นแบบนี้อาจจะเสี่ยงไปหน่อยนะครับ

แน่นอนว่าสำหรับคนที่มีแนวคิดแบบ Growth Mindset จะมองเรื่องนี้แตกต่างกันไปเลย โดยคนที่มีแนวคิดนี้มักตั้งเป้าหมายในอนาคตอยู่เสมอ โดยมีการแบ่งแผนออกเป็น ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ว่าในแต่ละช่วงจะต้องทำอะไรบ้าง มีเป้าหมายอย่างไร ต้องใช้เงินแค่ไหนและต้องมีทักษะอะไรเพื่อต่อยอดให้ชีวิตไปถึงเป้าหมายได้ตามที่ต้องการ 

ซึ่งเราสามารถเวลาแผนได้ด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่สำคัญในอนาคตก่อน เช่น เราจะเก็บเงินไว้ใช้ในเกษียณจำนวนเท่าไหร่ จะเก็บเงินซื้อบ้าน ซื้อรถ พาไปคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวเท่าไหร่บ้าง พอเราได้เป้าหมายแล้วก็วางแผนการเก็บเงินในแต่ละเดือนเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย

เราสามารถออมให้มากขึ้นและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นในแต่ละวัน เพื่อทำให้เราเก็บเงินตามเป้าหมายเร็วขึ้น นอกจากนี้เราอาจจะศึกษาการลงทุนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุนรวม เพื่อหาผลตอบแทนที่มากขึ้นตามความเสี่ยงที่เรารับได้ แล้วเราก็ออมเงินและลงทุนเรื่อย ๆ ตามแผนอย่างมีวินัย หากทำได้แบบนี้แล้ว รับรองว่าทุกคนทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอนครับ

เพื่อน ๆ จะเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า Growth Mindset ช่วยให้คนที่ประสบความสำเร็จมีมุมมองที่แตกต่างกับคนทั่วไปอย่างไร อัศวินเองก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญในเรื่องวิธีคิดเหมือนกันนะครับ เราต้องเชื่อเสมอว่าเราทำได้ และหมั่นพัฒนาวิธีคิดและทักษะต่างๆเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อชีวิตให้ดีขึ้น เพราะเมื่อเราเป็นคนหนึ่งที่มี Growth mindsetแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องเงินก็มีโอกาสประสบความสำเร็จในฉบับของตัวเองได้กันทั้งนั้นครับ

สุดท้ายเมื่อวิธีคิดเปลี่ยนชีวิตเราก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน มาสร้างหลักประกันและความมั่งคั่งให้กับตัวเองตั้งแต่วันนี้ กับ LifePlus+ Saver แบบประกันสะสมทรัพย์ สำหรับก้าวเริ่มต้นของวัยเริ่มทำงาน ให้กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ช่วยดูแลคุณนะครับ สนใจติดต่อสอบถามที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ได้ที่ โทร 1159 หรือทางเว็บไซต์ https://ktaxa.live/lifeplus-saver-cs-331

บทความนี้เป็น Advertorial