สวัสดีครับ เพื่อนๆ แฟนเพจพี่ต้าร์และ aomMONEY ทุกท่าน วันนี้มีหุ้น IPO น้องใหม่ที่กำลังจะเข้าระดมทุนมาเล่าให้ฟังอีกแล้ว บริษัทนี้ชื่อว่า บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ซึ่งขอบอกเลยว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญธุรกิจคอนเทนต์ในระดับสากลเลยทีเดียว โดยการเข้าระดมทุนของบริษัทฯ จะเข้าในตลาด mai ครับสำหรับตัวอย่างผลงานที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีคือ การผลิตรายการสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทั้งในส่วนของพระราชประวัติและพระอัจริยภาพ โดยร่วมกับทางบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง History Channel และ National Geographic นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศที่ได้รับความนิยมอีกหลายเรื่อง อย่างเรื่องสีดาราม ศึกรักมหาลงกา และหนุมาน สงครามมหาเทพ ซีรีส์อินเดียยอดฮิตที่ได้รับการตอบรับดีเลยทีเดียวครับ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำเข้าภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศ โดยจะนำมาตัดต่อ แปล พากย์เสียงภาษาไทย และจำหน่ายแก่สื่อในช่องทางต่างๆ เพื่อนำมาฉายให้พวกเรารับชมและติดตามกัน เช่น ซีรีส์เกาหลี ซีรีส์อินเดีย ภาพยนตร์ Hollywood และการ์ตูนจาก Marvel ผ่านทางช่อง JKN DRAMAX เรียกได้ว่าบริษัทฯ มีคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบที่พร้อมรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้ชมแทบทุกกลุ่มเลยครับ
พอจะคุ้นหน้าคุ้นตากับสิ่งที่บริษัทฯ ทำอยู่ไปบ้างแล้ว ทีนี้ เรามาเจาะข้อมูลในเรื่องของธุรกิจกันดีกว่า ในส่วนของการ Review พี่ต้าร์ขอแบ่งออกเป็น 4 ส่วนดังนี้นะครับ
ข้อมูลธุรกิจของบริษัทฯ
โครงสร้างรายได้
รายละเอียดของการระดมทุน
ความเสี่ยงที่เราควรทราบในธุรกิจนี้
เริ่มกันที่...
1. ข้อมูลธุรกิจของบริษัทฯ
บริษัทฯ มีการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้ครับ
ให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์
บริษัทฯ ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่น่าสนใจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อนำมาตัดต่อ แปลภาษา และพากย์ จนกลายเป็นคอนเทนต์สำเร็จรูป แล้วจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ให้กับผู้ประกอบธุรกิจสื่อทีวี และผู้ประกอบธุรกิจ Video on Demand โดยเป็นลักษณะธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) ตัวอย่างที่เราเห็นได้ชัด เช่น การซื้อซีรีส์เกาหลีและอินเดีย มาฉายในประเทศไทย หรือการนำลิขสิทธิ์สารคดีเฉลิมพระเกียรติไปเผยแพร่ในสื่อต่างประเทศนั่นเองครับ
ทางบริษัทฯ คัดเลือกและจัดทำคอนเทนต์ประเภทต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการวิเคราะห์เรตติ้งความนิยมของผู้ชม ทั้งในส่วนสารคดี รายการบันเทิง รายการตลก ตลอดจนภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศสำหรับผู้ชมในแต่ละเพศแต่ละวัย ตั้งแต่ซีรีส์เอเชียที่เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น แม่บ้าน หรือเพศทางเลือก ไปจนถึงการ์ตูนสำหรับกลุ่มเด็กและเยาวชน จึงสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจสื่อในช่องทางต่างๆ อีกด้วย
ธุรกิจให้บริการเวลาเพื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าและผลิตภัณฑ์ทางสถานีโทรทัศน์
JKN มีช่องทีวีเป็นของตัวเอง โดยเป็นการดำเนินงานผ่านบริษัทย่อย JKN Channel (JKN Dramax) ในระบบเคเบิล ดาวเทียม และซื้อเวลาจากสถานีโทรทัศน์ระบบดิจิตอล ซึ่งการให้บริการเวลาโฆษณาก็มีอยู่หลายแบบ เช่น สปอตโฆษณา 15-120 วินาทีในระหว่างรายการ สกู๊ปโฆษณา 2-5 นาที และรายการแนะนำสินค้าและบริการ 25-30 นาที ที่มีผู้ดำเนินรายการคอยแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ต้องการโฆษณา
ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์
บริษัทฯ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าลิขสิทธิ์ เช่น DVD Blu-ray Box set และเสื้อผ้าโครงการต่างๆ ที่ได้รับพระบรมราชาอนุญาต ถ้าใครเคยสังเกตจะเห็นได้ว่าสินค้ากลุ่มนี้จะวางจำหน่ายอยู่ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปหลายแห่งเลย
2. โครงสร้างรายได้
หากเราดูงบการเงินของบริษัทฯ จะเห็นได้ว่า ในส่วนโครงสร้างรายได้นั้น บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา
ในปี 2557 มีรายได้รวม 304.43 ล้านบาท
ในปี 2558 มีรายได้รวม 457.23 ล้านบาท
ในปี 2559 มีรายได้รวม 846.37 ล้านบาท
และมีรายได้งวดหกเดือนของปี 2560 อยู่ที่ 537.24 ล้านบาท
โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งมีสัดส่วนสูงที่สุดตลอดระยะเวลา 3 ปี และถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ เลยครับ โดยล่าสุดในงวดหกเดือนของปี 2560 JKN มีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์คอนเทนต์อยู่ที่ 96.5% รองลงมาคือรายได้จากการให้บริการเวลาโฆษณาอยู่ที่ 3.03% และรายได้จากการขายอยู่ที่ 0.16%
สำหรับกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ นั้น มีแนวโน้มที่ดีกว่าธุรกิจอื่นๆ และยังมีเทรนด์ที่เติบโตได้เรื่อยๆ จากการเพิ่มขึ้นของช่องทางในการเปิดรับสื่อ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เรียกได้ว่าเป็นสัญญาณที่สดใสของธุรกิจ JKN ก็ว่าได้ครับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ส่วนใหญ่เป็นต้นทุนค่าสิทธิและบริการอยู่ที่ประมาณ 40-50% และอีกส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการ แต่บริษัทฯ ก็ยังคงรักษาสัดส่วนค่าใช้จ่ายได้อยู่ในระดับ 10-11% โดยภาพรวมแล้ว กำไรก่อนการหักค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีเงินได้ (EBIT) นั้นสูงอยู่นะครับ คิดเป็น 28.57% ในงวดหกเดือนปี 2560 และกำไรสุทธินั้นอยู่ที่ 15.36% พูดง่ายๆ ก็คือขายของ 100 บาท จะเป็นกำไรให้ผู้ถือหุ้น 15.36 บาท
3. รายละเอียดในการระดมทุน
บริษัทฯ มีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปจำนวนไม่เกิน 140,000,000 ล้านหุ้น เพื่อนำมาใช้ในการลงทุนธุรกิจคอนเทนต์ เป็นเงินหมุนเวียนของบริษัทฯ นำไปลงทุนในบริษัทย่อย รวมถึงการจ่ายชำระหนี้เงินกู้ เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน
เดิมที บริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มครอบครัวจักราจุฑาธิบดิ์อยู่ 97% และบุคคลอื่น 3% หลังจากการระดมทุนแล้ว ทางครอบครัวจักราจุฑาธิบดิ์จะลดสัดส่วนของการถือหุ้นอยู่ที่ 71.85% และประชาชนทั่วไปมีสัดส่วนอยู่ที่ 25.93% ครับ ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ยังเป็นกลุ่มเดิมและสามารถบริหารงานได้อย่างต่อเนื่อง อย่างคุณจักรพงษ์ (คุณแอน) นั้น นอกจากจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 แล้ว ยังเป็น CEO ของบริษัทฯ และมีรายการทีวีของตัวเองทาง JKN Dramax ด้วย คือทั้งถือหุ้นเอง ทำงานในระดับบริหาร และปฏิบัติการด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ปั้นธุรกิจมากับมือเองเลยล่ะ
4. ความเสี่ยงที่เราควรทราบในธุรกิจนี้
การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอนะครับ เรามองเฉพาะในแง่ดีของการลงทุนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองในเรื่องความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ประกอบกันนะครับ ซึ่งผมจะขอแบ่งประเภทความเสี่ยงในแต่ละประเภท ดังนี้
ความเสี่ยงในการได้รับอนุญาตประกอบกิจการ: โดยปกติแล้วการทำรายการทีวีนั้นจะต้องขออนุญาตจากทาง กสทช. ในการดำเนินงาน ซึ่งหากทาง กสทช. ไม่ต่อใบอนุญาตจะเกิดปัญหาในแง่ลบของบริษัทฯ ทันที แต่อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานกำกับและปฏิบัติกฎข้อบังคับตลอดเวลาอยู่แล้วครับ
ความเสี่ยงในการพึ่งพิงลูกค้าน้อยราย: บริษัทฯ มีรายได้หลักจากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่มีลูกค้าน้อยราย ซึ่งหากลูกค้าเกิดปัญหาขึ้นมาในเรื่องการชำระหนี้ ย่อมส่งผลต่อฐานะการเงิน บริษัทฯ จึงมีแนวทางขยายช่องทางในมีลูกค้าหลายกลุ่มมากขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงนี้
ความเสี่ยงในเรื่องลิขสิทธิ์: อันนี้เป็นความเสี่ยงที่ทุกคนทราบกันดีนะครับ ธุรกิจนี้มีโอกาสถูกละเมิดลิขสิทธิ์ค่อนข้างสูง ซึ่งหากถูกละเมิดลิขสิทธ์แล้วอาจทำให้บริษัทฯ สูญเสียรายได้และผลประโยชน์ที่จะได้รับ
ความเสี่ยงในการแข่งขันสื่อโฆษณา: แม้ในปัจจุบันหลายบริษัทยังให้ความสำคัญต่อการลงโฆษณาทางทีวีอยู่ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่นอนครับ ความนิยมอาจจะลดลงจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ทำให้คนมาดูในช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบได้
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นข้อมูลเกี่ยวกับหุ้น JKN ที่เป็นหุ้น IPO น้องใหม่ที่ทำธุรกิจด้านคอนเทนต์ในระดับสากลนะครับ หากใครสนใจก็อยากให้ลองอ่านข้อมูลอย่างละเอียดในข้อมูล Filing ของบริษัทฯ ซึ่งสามารถดาวโหลดอ่านได้ที่เว็บไซต์ของทาง กลต. ครับ หรือที่เว็บไซต์ http://jkn.listedcompany.com/ipo/
ขอให้โชคดีกับการลงทุนทุกท่านนะ
บทความนี้เป็น Advertorial