สวัสดีครับ กลับมาพบกับผม “ยอดมนุษย์กองทุน” คนดีคนเดิมกันเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาแบบเฉยๆนะครับ เพราะผมจะมาสรุปเนื้อหาดีๆ จากรายการกองทุนไหนดี SELECTED LTF-RMF SEASON 4 ประจำปี 2019 กับกองทุน LTF ที่น่าสนใจจากทาง บลจ.กรุงศรี ทั้งสองตัวที่เรียกว่าเด็ดโดนใจ อย่าง KFLTF50(กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาว SET50) และ KFLTFDIV (กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล) กันครับผม

ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่า ทั้งสองกองทุนนี้แตกต่างกันอย่างไร และมีอะไรที่นักลงทุนทุกคนควรรู้บ้างครับ

1. ความเสี่ยงของกองทุนอยู่ในระดับ 6

เนื่องจากเป็นข้อกำหนดของ LTF ที่จะต้องลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65% ของสินทรัพย์สุทธิทั้งหมดของกองทุน นั่นแปลว่า LTF จะมีความเสี่ยงสูงแน่นอนครับ โดยทั้งสองกองทุนนั้น มีความเสี่ยงที่เท่ากันอยู่ในระดับ 6 เหมือนกันครับผม แต่อย่างที่เคยบอกไปครับว่า แม้ว่าจะมีความเสี่ยง แต่ด้วยระยะการเวลาลงทุนที่ยาวนานตามกฎหมายกำหนด (7 ปีปฏิทิน) มีผลทำให้ลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้ และมีโอกาสลุ้นได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าครับ

2. ความแตกต่างของกองทุนทั้งสองกองทุน คือ Active Style และ Passive Style

ผมขออธิบายเบื้องต้นก่อนนะครับว่า Active Fund คือ กองทุนที่ผู้จัดการกองทุนพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้ผลตอบแทนของกองทุนนั้นชนะค่ามาตรฐาน (Benchmark) หรือ พยายามที่จะทำผลกำไรให้มากที่สุด โดยการเลือกสินทรัพย์และสัดส่วนที่เหมาะสม ส่วน Passive Fund เป็นการลงทุนที่เน้นลงทุนให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง เช่น ดัชนี SET50 (หุ้นใหญ่ 50 ตัวแรกของตลาด) โดยจะลงทุนให้เหมือนกับดัชนีตลาดเพื่อสร้างผลตอบแทนให้เทียบเคียงกับผลตอบแทนของดัชนีนั่นเองครับ

กองทุน KFLTF50 นั้นมีจุดเด่นตรงที่ค่าธรรมเนียมถูกกว่า และได้หุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัวแรกซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ตลาดในปัจจุบันที่ผันผวน   จะเห็นว่าในช่วงปีที่ผ่านมากองทุนหุ้นหลายกองทุนที่เป็น Active Fund นี่ถือว่าผลตอบแทนแพ้ตลาดเนื่องจากช่วงนี้มีความผันผวนมาก  การเลือกลงทุนกับ Passive Fund ในช่วงตลาดลดต่ำลงกว่า1,600 จุด นับว่าน่าสนใจหากนักลงทุนมองว่าในอนาคตตลาดจะมีการปรับขึ้นได้ตามระยะเวลาการถือครอง นอกจากนี้กองทุนประเภทนี้ยังมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าอีกด้วย

ส่วนกองทุน KFLTFDIV เป็นกองทุนแบบ Active Fund ที่จะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งมองว่ามีความผันผวนต่ำในภาวะตลาดแบบนี้ และถ้ามีโอกาสก็จะสามารถจ่ายปันผลให้กับนักลงทุนอย่างสม่ำเสมอนั่นเองครับ จากข้อมูลการจ่ายปันผล KFLTFDIV สามารถจ่ายปันผลมาได้ทุกปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุนรวมทั้งหมด 15 ครั้งแล้วครับ โดยจ่ายมาทั้งหมดจำนวน 11.29 บาท

3. Investment Process

เนื่องจากกองทุน KFLTF50 เป็นกองทุนที่ลงทุนตามดัชนีของตลาดหรือ Passive Fund จึงไม่มีกระบวนการลงทุน หรือ (Investment Process) ในการคัดเลือกหุ้นเพื่อลงทุนแต่อย่างใดครับ ดังนั้นสำหรับข้อนี้ เราจะมาเจาะลึกที่ Investment Process ของกองทุน KFLTFDIV กันครับผม

สิ่งที่ทาง บลจ. กรุงศรี ให้ความสำคัญคือการทำ Company visit หรือเยี่ยมชมบริษัท เพื่อให้รู้จักกับกิจการที่จะเลือกลงทุนมากเพียงพอ โดยทั้งเรื่องของคุณภาพ วิสัยทัศน์ผู้บริหาร Business Model ธรรมาภิบาล ต่างๆ นอกจากนั้นยังดูเรื่องตัวแปรเชิงปริมาณ มีโอกาสเติบโตไหม มี Cashflow อย่างไร และมาเปรียบเทียบกับระดับราคาของหุ้น และทางบลจ.จะให้คะแนนและคัดเลือกเข้ามาในพอร์ตการลงทุน (Universe) ประมาณ 90-100 ตัวจากหุ้นทั้งหมดในตลาด โดยทางบลจ.จะใช้หุ้นเหล่านี้ในการเลือกลงทุนของกองทุนทั้งหมดที่มี ไม่ใช่เฉพาะแค่กองทุน LTF เท่านั้น 

หลังจากนั้นแต่ละกองทุนก็จะเลือกหุ้นตามนโยบายมาลงทุน อย่างกองทุน KFLTFDIV นั้น จะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และทาง บลจ.จะมีการพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุน ถ้าหุ้นขึ้นมาเต็มมูลค่า หรือ พื้นฐานหุ้นเปลี่ยนแปลงไป หรือ เจอหุ้นที่ดีกว่า ในการลงทุนครับ

4. หุ้น 5 อันดับแรก

ปัจจุบัน หุ้นอันดับใหญ่ 5 ตัวของกองทุนนี้จะมีทั้งหุ้นใหญ่ที่มั่นคงสูง หุ้นระดับกลางที่จ่ายปันผลได้ดี ดูจากรายชื่อแล้วก็เห็นว่าเป็นแบบนั้นจริงๆด้วยล่ะครับผม ฮ่าๆ

5. ลงทุนแบบไหนดี ระหว่าง Active Fund หรือ Passive Fund

สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะเริ่มสงสัยว่า แล้วเราควรลงทุนกองทุนไหนดี ระหว่าง Active และ Passive ใช่ไหมครับ คำตอบที่ทาง บลจ.กรุงศรี ให้มา คือ ถ้านักลงทุนมองว่าตอนนี้ดัชนีของตลาดหุ้นที่ 1,600 จุดนั้นเหมาะสมแล้ว อยากได้ผลตอบแทนในระดับดัชนี ไม่ได้สนใจกับโอกาสที่จะรับผลตอบแทนเพิ่มจากการบริหารคัดเลือกหุ้นของผู้จัดการลงทุน และไม่ได้อยากได้เงินปันผล แล้วก็มองว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีตามนี้ก็พอเพียงพอแล้ว กองทุน Passive อย่าง KFLTF50 จะเป็นคำตอบสำหรับกรณีนี้ครับ

แต่ถ้าอยากได้กองทุนที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี เชื่อมั่นในฝีมือการเลือกหุ้นของผู้จัดการกองทุน และต้องการเงินปันผลมาเป็นระยะๆ ในระหว่างการลงทุน อันนี้อาจจะมองมาที่ KFLTFDIV ก็ได้ครับ

หรือถ้าหากรักพี่เสียดายน้อง อยากจะซื้อทั้งสองกองทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันครับผม

เอาล่ะครับ ผมขอสรุปอีกทีสำหรับกองทุนทั้งสองกองทุนนี้นะครับ โดยทั้งสองกองทุนมีความแตกต่างกัน ในเรื่องของนโยบายการลงทุน นั่นคือ KFLTFDIV จะเป็นกองทุนแบบ Active ที่จ่ายเงินปันผล ส่วน KFLTF50 จะเป็นกองทุน Passive ที่ไม่มีการจ่ายเงินปันผล  ซึ่งต้องถามตัวเองว่า อยากจะลงทุนโดยให้ผู้จัดการกองทุนคัดเลือกหุ้นให้ หรือ ลงทุนตามดัชนีของตลาดไปเพราะพอใจกับผลตอบแทนตามตลาดอยู่แล้วนั่นเองครับ และการลงทุนในทั้งสองกองทุนนี้ก็สามารถลดหย่อนภาษีได้เหมือนกันครับผม

และทั้งหมดนี้ คือเนื้อหาสำคัญที่สรุปจากรายการกองทุนไหนดี SELECTED LTF RMF SEASON 4 ประจำปี 2019 ครับ ผมขอเตือนอีกสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในกองทุนรวม นั่นคือ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และ ศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุน LTF RMF ก่อนตัดสินใจลงทุน และถ้าหากไม่ได้ลงทุนตามเงื่อนไข อาจไม่ได้รับสิทธิประโยชน์นะครับผม

สำหรับคนที่อยากดูรีวิวกองทุน KFLTF50และ KFLTFDIV แบบเวอร์ชั่นวีดีโอ สามารถคลิกชมด้านล่างเลยครับ

https://www.facebook.com/plugins/video.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Faommoneyth%2Fvideos%2F2155685971406094%2F&show_text=0&width=560

บทความนี้เป็น advertorial