สวัสดีครับทุกคน กลับมาพบกับผม กัปตันแมนูไลฟ์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการลงทุนต่างประเทศกันอีกครั้งนะครับ  เวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน เผลอแป๊บเดียวก็จะหมดไปอีกปีหนึ่งแล้ว แต่ผมยังจะมีอะไรดีๆ เกี่ยวกับเรื่องการลงทุนมาฝากกันต่อไปอีก มาติดตามกันต่อได้ที่นี่เลยครับ..

จากบทความครั้งที่แล้ว ผมเกริ่นให้ทุกท่านได้พอมองเห็นภาพรวมของการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงวิธีการเลือกลงทุนแบบคร่าว ๆ กันไปบ้างแล้ว คราวนี้ ผมจะมารีวิวเจาะเป็นรายภูมิภาคและแนะนำกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจให้เลือกลงทุนกันดูบ้าง

อยากรู้ว่าที่ไหน..คงไม่ต้องเดาให้ยุ่งยากกันเลยครับ (กรุณาย้อนกลับไปอ่านที่หัวข้อ)...“เอเชีย” ของเรานั่นเอง !!

ครับ วันนี้ผมขอนำเสนอมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจในภูมิภาคเอเชียกัน เห็นเรียบๆ ใกล้ๆ อย่างนี้ แต่ประเทศที่น่าสนใจเพียบนะครับ เพราะฉะนั้น เรามาดูกันว่าอะไรที่น่าสนใจ และทำไมต้อง “เอเชีย” ด้วย...

จากการคาดการณ์โดยนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า ในปี พ.ศ. 2570  ประเทศจีนจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก (ปัจจุบันใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา*) และประเทศอินเดียจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกในปี พ.ศ. 2571 นอกจากนี้ การรวมตัวของ AEC ก็จะช่วยทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เรียกได้ว่า ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอชียจะขยับเขยื้อนได้มากกว่าทางตะวันตกเลยทีเดียว

(*ที่มา : CEIC รวบรวมโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ เดือนสิงหาคม 2558)

นอกจากจะมีประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และมีการขยายตัวด้านประชากรเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ก็ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ผมมองว่าการลงทุนในภูมิภาคเอเชียนั้นน่าสนใจไม่แพ้ภูมิภาคอื่นเลย แต่ในที่นี้ผมจะขอยกเหตุผลหลักง่ายๆ มาอธิบายให้ฟังสัก 2-3 ข้อก็แล้วกันนะครับ

1. ภูมิภาคเอเชียนับเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและยังมีปริมาณการค้าระหว่างประเทศในกลุ่มเอเชียด้วยกันเองเติบโตอย่างมีนัยสำคัญด้วย ประเทศเกาหลีใต้เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด หากลองย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20-30 ปีก่อนหน้านี้ จากประเทศเกษตรกรรมในอดีตที่มีรายได้ต่อหัวของประชากรอยู่ในเกณฑ์ต่ำ จนมาถึงในปัจจุบันเกาหลีใต้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการส่งออกสินค้าในหลายผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก อย่างที่บ้านเรารู้จักกันดีก็คงไม่พ้นแบรนด์อย่าง Samsung ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี และยังติดอันดับ 7 ของแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในปี 2557 โดยเติบโตจากปี 2556 อยู่ที่ +15% คิดเป็นมูลค่า 45,462 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ที่มา : www.interbrand.com) และนอกจากนี้ ประเทศเกาหลีใต้ยังมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเอกชนในเกาหลีใต้ล้วนได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลในการทำธุรกิจต่างๆ เป็นอย่างมาก ส่งผลให้ในปัจจุบันรายได้ต่อหัวของประชากรของชาวเกาหลีใต้จึงไม่ได้อยู่ในอันดับประเทศยากจนอีกต่อไป และยังจะมีโอกาสจะพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกในอนาคตอันใกล้นี้

2. แม้ว่าโครงสร้างประชากรของประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้นมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ และจากข้อมูลการสำรวจประชากรโลกโดย U.S. Census Bureau พบว่าประเทศจีน และอินเดีย ยังคงอยู่ในอันดับ 1 และ 2 ของประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก (Countries and Areas Ranked by Population:2015) ซึ่งพอเราเจาะข้อมูลแยกสัดส่วนตามอายุพบว่าโครงสร้างประชากรของประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียส่วนมากยังคงมีสัดส่วนระหว่างวัยทำงาน (19-60 ปี) กับวัยที่อยู่ภาวะพึ่งพิง (วัยเด็ก 0-19 ปี) อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่อยู่ในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะทางแถบกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีโครงสร้างประชากรในวัยเด็กและวัยทำงานลดน้อยลงมาก ทั้งนี้ โครงสร้างประชากรในช่วงอายุเหล่านี้นับว่าเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญของประเทศและถือเป็นแรงงานหลักที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคตนั่นเอง

Screen Shot 2558-12-11 at 12.02.58

(ที่มา : www.census.gov)

3. ประเทศในกลุ่มเอเชียหลายๆ ประเทศ เช่น จีน อินเดีย เกาหลี หรือแม้แต่ประเทศไทยเราเองยังคงมีโครงการที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องต่อไปอีก ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานที่ว่านั้นมีความสำคัญต่อการรองรับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตเป็นอย่างมาก สังเกตุง่ายๆ ครับ หากมีโครงการรถไฟฟ้าไปถึงยังจุดไหน ๆ โครงการบ้านที่อยู่อาศัยหรือคอนโดมิเนียมใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าก็จะเกิดขึ้นตามมาในไม่ช้า ส่งผลให้ราคาประเมินที่ดินก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย พูดได้เลยว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนั้นเป็นการกำเนิดให้มีการลงทุนในลักษณะต่างๆ ตามมาอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว  

เห็นไหมละครับ ประเทศในกลุ่มเอเชียเรามีปัจจัยพื้นฐานดีที่สามารถแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้านี้ แต่นอกจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีแล้ว ผมว่าในส่วนของมูลค่าหุ้นในตลาดของประเทศในกลุ่มเอเชียนั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากราคายังคงถูกและหุ้นหลายตัวมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ในระยะยาว

ในที่นี้ ผมจะขอยกตัวอย่างประเทศจีน ไต้หวัน และฮ่องกง ละกันนะครับ

ไม่น่าเชื่อว่าตลาดหุ้นของประเทศในกลุ่มนี้ยังมี P/E Ratio อยู่ในระดับเพียง 10-12 เท่า เท่านั้นเองครับ เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในภูมิภาค ขณะที่ ROE (Return on Equity) หรืออัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น  ซึ่งเป็นตัวบอกถึงความสามารถของบริษัทในการนำเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นไปทำให้เกิดกำไรได้ในอัตราผลตอบแทนเท่าไหร่นี้เองก็ยังอยู่ในระดับ 10 กว่า% กันเกือบทั้งภูมิภาค ซึ่งเจ้า ROE นี้เค้าว่ายิ่งสูงก็ยิ่งดี ซึ่งพอมาดูเทียบกับตลาดในกลุ่มยุโรปที่มี P/E Ratio ประมาณ 12-13 เท่า  แต่ ROE ของตลาดกลุ่มนี้  ก็ยังต่ำกว่า 10% อยู่ ส่วนตลาดอเมริกาเอง ถึงแม้  ROE จะสูง แต่ P/E Ratio นี่ก็ข&