ถ้าคุณเป็นเศรษฐีแสนล้าน การจะใช้เงินซื้อเรือยอชต์ไว้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจยามว่าง หรือจะมีคนมาคอยรับใช้ แม่บ้านมาคอยทำความสะอาดบ้านให้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร เพราะเงินมันเหลือเฟืออยู่แล้ว
แต่สำหรับ มาร์ค คิวบาน (Mark Cuban) นักธุรกิจและนักลงทุนจากรายการ Shark Tank ที่มีมูลค่าทางทรัพย์สินมากกว่า 5,100 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 180,000 ล้านบาท กลับบอกว่าเขาไม่ได้ต้องการของพวกนั้นเลย
“ผมพยายามจะเป็นคนเดิม ไม่ว่าตัวเองจะจน กลางๆ หรือรวย นั่นแหละ”
คิวบานพูดเอาไว้ในรายการพอดแคสต์ “The Really Good Podcast” (สามารถดูได้ในลิงก์อ้างอิงนะครับสนุกมาก) แล้วเสริมว่า “เรื่องการซื้อเรือยอชต์อะไรพวกนั้น มันแค่ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำ”
แต่แน่นอนครับว่าถึงแม้คิวบานจะไม่ได้ใช้เงินไปกับเรือยอชต์หรือแม่บ้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ใช้เงินเพื่อซื้อของที่ตัวเองอยากได้จริงๆ แม้ป้ายราคามันจะแพงแค่ไหนก็ตามถ้ารู้สึกว่ามันสำคัญกับตัวเอง
อย่างการซื้อแมนชั่นราคา 13 ล้านเหรียญ (455 ล้านบาท) ในเมืองดัลลัส หรือเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวราคา 40 ล้านเหรียญ (1400 ล้านบาท) ในปี 1999 ไม่นานหลังจากที่เขาเริ่มกลายเป็นเศรษฐีหมื่นล้าน และปีต่อมาก็ซื้อทีมบาสเกตบอล NBA “Dallas Mavericks” ด้วยเงินกว่า 285 ล้านเหรียญ (10,000 ล้านบาท) อีกด้วย
เหตุผลที่เขาเลือกที่จะไม่ใช้เงินสำหรับบริการบางอย่างหรือสินค้าบางอย่าง เช่นแม่บ้าน คนรับใช้ หรือเรือยอชต์ เพราะเขาให้ความสำคัญกับเรื่องความต้องการความเป็นส่วนตัวในชีวิตมากกว่า โดยปกติแล้วครอบครัวของเขาจะทำงานบ้านกันเอง ซักผ้า ทำอาหารต่างๆ โดยไม่ได้รู้สึกว่ามันลำบากอะไร
“ผมชอบความเป็นส่วนตัว” คิวบานบอก “ผมเคยเจอคนที่จ้างให้คนทำทุกอย่างให้ และนั่นก็แบบว่า...ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย”
นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่เขาพยายามจะทำอยู่เสมอแม้มีเงินมากแค่ไหนแล้วก็ตามคือการคบหากับเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ที่เติบโตมาด้วยกัน โดยไม่เห็นเรื่องของความจำเป็นในการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบ
“เพื่อนส่วนใหญ่ของผมก็เป็นกลุ่มเดิมๆ ที่ผมย้ายมาดัลลัสด้วย หรือเพื่อนในเมืองอินเดียนาที่เคยรู้จักกันที่โรงเรียน เราก็คุยเรื่องบ้าบอคอแตกและทำเรื่องงี่เง่าอะไรไป ก็แค่นั้นแหละ มันเป็นเรื่องที่ดีนะ”
ที่จริงแล้วก่อนหน้ารายการพอดแคสต์นี้ คิวบานเคยให้สัมภาษณ์กับรายการ “Sunday Morning” ไว้ว่าเขาพยายามทำตัวเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองแม้จะร่ำรวยมากขึ้นแค่ไหนก็ตาม และสำหรับเขาแล้ว แม้จะมีเงินเพียงแค่ 1% ของที่มีอยู่ในตอนนี้ เขาก็มีความสุขอยู่ดี ไม่ต่างกันเลย
หลังจากการสัมภาษณ์นั้นจบ เพื่อนของเขาก็ออกมาให้ความเห็นว่า “คิวบานก็เยอะหน่อย แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก เขาก็ยังเป็นคนเดิมนั่นแหละ”
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคิวบานถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะจากการศึกษาของ พอล พิฟ (Paul Piff) รองศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์ไวน์ บอกว่ายิ่งคุณรู้สึกว่าตัวเอง ‘รวย’ มากขึ้น มั่งคั่งมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งทำให้พฤติกรรมของคุณแย่ลงไปด้วย พิฟสรุปไว้ใน TED Talk ของเขาในปี 2013 ว่า
“เมื่อความมั่งคั่งของคนคนนั้นเพิ่มขึ้น ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและความสามารถในการรับรู้อารมณ์ของคนอื่นๆ ของพวกเขาก็ลดน้อยลงไปด้วย และความรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์พิเศษ สมควรได้รับ และอุดมการณ์แห่งผลประโยชน์ส่วนตนเพิ่มขึ้นไปด้วย”
แต่พิฟก็เสริมว่าเรื่องนี้มีทางแก้อยู่เหมือนกันนั่นก็คือการเผชิญหน้ากับความเป็นจริง การถูกปฏิเสธ หรือถูกพูดด้วยตรงๆ จะช่วยดึงคนเหล่านั้นกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง “การสะกิดเล็กน้อยจะสามารถปรับระดับความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนอื่นและความรู้สึกเท่าเทียมให้กลับมาอีกครั้ง”
พูดอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อเรารวยขึ้นเรื่อยๆ ก็เหมือนตัวลอย รู้สึกว่าตัวเองเก่งกว่า เหนือกว่าคนอื่น มีสิทธิ์พิเศษมากกว่า เหมือนเป็นฟองสบู่ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา สิ่งที่จำเป็นคือคนรอบตัวที่ดี เพื่อน ครอบครัว พ่อแม่พี่น้องที่คอยตักเตือนอย่าให้หลงระเริงกับตัวเลขในบัญชี เพราะสถานการณ์มันจะเลวร้ายมากขึ้นหากคนรอบตัวมีแต่คนอยากได้ผลประโยชน์ อวยยศ โกหก เลียแข้งเลียขา หรือไม่มีใครกล้าพูดเตือนสติ
มีคนบอกว่า เงินไม่ได้เปลี่ยนแปลงคุณ มันแค่ทำให้ตัวตนที่แท้จริงของคุณชัดขึ้นเท่านั้น
ซึ่งหมายความว่า ถ้าโดยพื้นเพ นิสัย ความคิด ความเชื่อ หรือ จริยธรรมของคุณเป็นแบบไหน ตอนที่ไม่มีเงินหรือยากจนมันอาจจะไม่ค่อยชัดเจนมากเท่าไหร่ แต่เมื่อไหร่ที่มีเงิน อำนาจของมันจะขยายตัวตนที่ซ่อนอยู่นั้นให้ออกมาชัดเจนมากยิ่งขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เราทุกคนต้องระวัง
คิวบานตอนนี้มีบ้านอยู่สามหลังและเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ซึ่งสำหรับเครื่องบินเจ็ตเขาบอกว่า “มันเป็นเป้าหมายของผมอยู่แล้ว เพราะสินทรัพย์ที่ผมให้ค่ามากที่สุดก็คือเวลา และสิ่งนี้มันซื้อเวลาผมคืนมาได้” แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว เขาก็ยังพยายามเป็นคนเดิมเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด ใช้เวลากับเพื่อนๆ กลุ่มเดิม ให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัวของตัวเองและครอบครัว แม้จะเป็นเศรษฐีระดับแสนล้านแล้วก็ตาม
“ตอนที่ถังแตกไม่มีเงิน ก็สุดเหวี่ยงมาก ผมรักช่วงชีวิตเหล่านั้น ผมสนุกกับมันมากๆ ด้วย”