grayman P bank interview -01

 

สวัสดีครับ ขอต้อนรับสู่คอลัมน์ คุยแบบไม่โง่  บทสัมภาษณ์กูรู คนดัง คนที่มีชีวิตพัง เอ้ย!! ชีวิตดี๊ดี แบบที่ไม่มีใครเหมือน รับประกันความเสียวแซบแลบแปล้บตามสไตล์พี่เกรย์แมนแห่งออมมันนี่อีกแล้วครับ

 

เน้นย้ำกันอีกทีนะครับว่า คอลัมน์สัมภาษณ์ดีๆ มีคุณภาพ แบบนี้ต้องรีบติดตามกันน่ะครับ เพราะคุณจะรู้สึกร้อนอย่างแน่นอน สงสัยใช่ไหมว่าทำไม ก็เพราะมันฮอต!!! ไงครับ (ผ่างงงงง) และที่สำคัญอย่าลืมแชร์บทความดีๆแบบนี้ให้ชาวบ้านชาวช่องเค้ารู้ว่า คนที่อ่านคอลัมน์นี้ทุกท่านสามารถที่จะฉลาดได้ง่ายๆ เพียงแค่กดแชร์ให้โลกรู้ แต่เรารู้อยู่แก่ใจว่าเรายังโง่เหมือนเดิมครับ จำไว้ท์

 

การสัมภาษณ์ครั้งที่สองของผม บอกตรงๆว่าตื่นเต้นมากครับ เพราะผมกำลังจะได้สัมภาษณ์คนดังอีกคนหนึ่ง ขอบอกก่อนเลยครับว่า ผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของแฟนเพจที่บอกไปแล้วใครๆก็ต้องร้องอ๋อ … เพราะเค้าคือ พี่แบงค์ ชยนนท์ รักกาญจนันท์ กูรูด้านการลงทุนและเศรษฐกิจชื่อดังของประเทศไทยและโลกโซเชี่ยลลลล ทั้งกระทู้แนะนำในพันทิป แถมยังเป็นเจ้าของเพจสินธร (Sinthorn) ที่มีคนกด Like เหยียบแสนคน และวันนี้พี่เขาได้ตกหลุมเสน่ห์พี่เกรย์มาเป็นกูรูคนใหม่ของออมมันนี่แล้วครับท่าน!!!!!!!!!!!!!!!!!

 

สำหรับคนๆนี้ ถ้าใครพูดถึงเรื่องฟัน.. ต้องนึกถึงพี่เค้าครับ แต่เดี๋ยวๆๆๆ “ฟัน” ที่ว่าย่อมาจาก ฟันโฟลว์ (FundFlow) หรือ กระแสเงินทุนที่สามารถเคลื่อนย้ายเข้าออกได้อย่างอิสระ ปกติเราจะหมายถึงเงินทุนของต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยยังไงล่ะครับ อย่ามาคิดลึกลามกว่าฟันอย่างอื่นนะครับ ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ (ผ่างงงงงงงง)

 

พี่แบงค์ที่เคารพของเรา มีนามปากกาว่า Mr.Messenger ครับ ตอนแรกอ่านแล้วคิดว่าพี่เค้าคงได้แรงบันดาลใจจากการส่งเอกสาร วันนี้เราจะมาถามพี่เค้าว่าวิธีการส่งเอกสารทางไปรษณีย์ยังไงไม่ให้ของแตกหัก เผื่อว่าไปรษณีย์ไทยจะได้เอาไปเป็นเยี่ยงอย่าง (ฮ่าๆๆๆ ทำไมชีวิตกูไร้สาระจังวะ #ขำปนสมเพช)

 

อย่าเสียเวลา.. เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ สวัสดีครับพี่แมส เอ้ย พี่แบงค์ช่วยเล่าให้หน่อยสิครับว่า ทำไมพี่ถึงมีคนส่งเอกสารเป็นไอดอล

Mr. Messenger : สวัสดีครับ ผม แบงค์ ชยนนท์ รักกาญจนันท์ ครับ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีตำแหน่งเป็น หัวหน้าที่ปรึกษาทางด้านการลงทุน ซึ่งหน้าที่หลักๆ ของผม คือ ให้คำปรึกษาลูกค้าเงินฝากของธนาคารที่ต้องการลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่มากกว่า โดยสำหรับส่วนที่พี่รับผิดชอบนั้น จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ีมีเงินฝากมากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้นครับ

 

หุ้ยยย ทำไมพี่แบ่งชนชั้นจังครับ แล้วคนธรรมดาแบบผมจะไปอยู่ไหนเนี้ย

Mr. Messenger : เอ่อ.. น้องครับมันคือหน้าที่ของพี่ครับ ถ้าพี่ไม่ทำก็ไม่มีเงินเลี้ยงลูกน่ะครับ หรือเราจะมาช่วยเลี้ยงลูกพี่ครับ (อึ้งแพพส์) ต่อเลยนะครับ ส่วนผลิตภัณฑ์ที่พี่มีหน้าที่แนะนำก็จะเป็นพวกกองทุนรวมต่างๆ นำมาบริหารจัดการเป็น Portfolio ให้กับลูกค้าครับ 

(เกร็ดที่คนโง่ๆอย่างคุณไม่รู้ : การจัด Portfolio คือการบริหารความเสี่ยงโดยกระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้ผลการลงทุนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้)

 

เอางี้พี่ ต้นกำเนิดของพี่แมสเซนเจอร์ มันเริ่มมาจากไหน ยังไง บอกตรงๆตอนแรกผมนึกว่าพี่จะเปิดนวดแผนโบราณเสียอีก (นั่นมัน มาสสาจ)

Mr. Messenger : พี่เริ่มต้นมาจากพันทิป (pantip.com) ครับ ในตอนแรกที่เล่นพันทิป เราก็เริ่มต้นจากการแชร์ข่าวสาร คือ อ่านข่าวจากแหล่งอื่นๆ และนำมาแชร์ต่อๆไป ทีนี้พอเล่นไปซักพักนึงเราก็รู้สึกว่าเอ๊ะ… เราเป็น “คนนำสาร” หรือเปล่า เพราะเราเอาข่าวที่อื่น เช่น จากต่างประเทศ ไปตั้งกระทู้ พอคิดได้แบบนี้มันเลยเป็นที่มาของนามปากกาที่ชื่อว่า Mr. Messenger  

 

ทำไมพี่มอง Mr. Messenger เป็นแค่คนส่งเอกสารหรือครับ  ก็แค่กอปปี้ข่าวชาวบ้านมาแปะๆๆๆ นี่มันขยะอินเตอร์เน็ชัดๆ ทำไมไม่คิดจะทำอะไรให้ก้าวหน้ากว่านี้บ้าง

Mr. Messenger : (เพี๊ยะะะ กายหยาบของพี่แบงค์ได้ตบกบาลผมไปหนึ่งที) อย่างที่บอกครับ ว่าตอนที่พี่เริ่มต้นไม่ได้เหมือนกับตอนนี้ ตอนนั้นหน้าที่ของพี่คือ เอาข่าวจากที่อื่นมาแปะให้คนอืนๆ มันก็เหมือนกับการวิ่งส่งเอกสารเฉย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วไง เรามีการเติบโตขึ้น มีการพัฒนาขึ้น ตอนนี้พี่ใช้วิธีการวิเคราะห์เอง แต่นามปากกายังเป็นชื่อเดิมอยู่ครับ

 

เอางี้ดีกว่า พูดมาก็ดีเรื่องการพัฒนาการเติบโต ทีนี้ผมอยากรู้ว่าเป้าหมายชีวิตของพี่คืออะไร

Mr. Messenger : พี่แบ่งเป้าหมายออกเป็น 2 ฝั่งคือ  (โห้ววววววว ดีมาก ยัง!!!!)

  1. ด้านการเงิน พี่อยากจะมีอิสรภาพการเงิน (financial freedom) เหมือนกับทุกคน ตอนนี้พี่ก็มีตัวเลขในใจที่อยากจะเกษียณอยู่ที่เงินเท่าไหร่  
  2. อีกเป้าหมายหนึ่งคือ เป้าหมายทางธรรม พี่สนใจทางด้านพุทธศาสนา เพราะพี่รู้สึกว่าถ้ามีเป้าหมายทางด้านการเงินอย่างเดียว มันจะพุ่งไปสู่ความโลภครับ (แล้วที่พี่ทำอยู่นี้ไม่ได้เรียกว่าเห็นแก่เงินหรือครับ  #อุ๊ปส์แมวพิมพ์) ตอนนี้พี่มีเป้าหมายเรื่องการปฎิบัติธรรม ถึงขั้นที่อยากเลยก็แบบว่ามุ่งไปสู่ขั้นบรรลุโสดาบันให้ได้ในชาตินี้ (อืม.. พี่มาไกลแล้วครับ ขนาดผมแซวพี่ยังไม่โกรธ หัวใจพี่แม่มน่ากราบ)

 

คำถามต่อมาครับพี่ อย่าพูดเรื่องธรรมมะมาก ผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆ ผมอยากรู้ว่า.. ทำไมชอบชวนคนมาลงทุน ไม่รู้หรือเล่นหุ้นแล้วเจ๊ง

Mr. Messenger :  ถ้าน้องใช้คำว่า “เล่นหุ้น” พี่บอกเลยครับว่า ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่คน 20% สามารถทำกำไรได้เท่านั้น และอีก 80% ที่เหลือเจ๊ง ที่พี่กล้าพูดแบบนี้เพราะพี่เคยเป็น 80% ที่เจ๊งมาก่อน (เห็นด้วยพี่ ผมก็บอกลูกเพจเสมอน่ะ โง่หนึ่งครั้งเรียกว่าทดลอง โง่ครั้งที่สองเรียกว่าผิดพลาด ถ้าโง่ครั้งที่สามนี้เรียกว่าไอ้ฟายยยยยย)  

 

วันนี้พี่สามารถพูดได้ว่า พี่เป็นคนที่อยู่ในกลุ่ม 20% ที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น เพราะเมื่อเร