ตอนนี้หลายคนกำลังสนุกแบบหยุดไม่อยู่กับการจับโปรเกม่อนแถมการจับครั้งนี้โปรเกม่อนไม่ได้อยู่บนหน้าจออีกต่อไป แต่เหล่าโปรเกม่อนซ่อนตัวอยู่ตามท้องถนน หลบอยู่ตามศาลพระภูมิ ห้างสรรพสินค้า กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ เกมส์โปรเกม่อนเว่อร์ชั่นใหม่ ใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า AR (Augmented Reality) Technology เราเรียกชื่อเล่นแบบไทยๆ ว่า ‘เทคโนโลยีความจริงส่วนขยาย’ เทคโนโลยีตัวนี้เชื่อมโลกสมมุติกับโลกความจริงเข้าหากัน ลองนึกถึงการเล่นโปเกม่อนของบริษัทเจ้าพ่อเกมส์ญี่ปุ่นอย่าง Nitendo เราจะไล่ล่าจับโปรเกม่อนผ่านหน้าจอเกมส์บอย เราเรียกโลกนี้ว่าโลกสมมุติ แต่เมื่อโลกเปลี่ยน คนเริ่มหันมาเล่นเกมส์มือถือมากขึ้น Nitendo เองที่ไม่เคยคิดทำเกมส์มือถือก็เริ่มต้องปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด เลยจับมือกับ Niantic บริษัทผลิตเกมส์เสมือนจริงที่เป็นเจ้าพ่อเทคโนโลยี AR และนี่คือจุดกำเนิดของ Pokemon Go ที่พวกเราเล่นกัน

Pokemon Go ใช้ GPS ในการเชื่อมต่อกับสถานที่จริง ทำให้เราในฐานะ Pokemon Trainer ไล่ล่าจับโปรเกม่อนตามสถานที่จริงที่เราเดินไปได้เลย แผนที่บนหน้าจอคือสถานที่ที่เราอยู่จริงๆ การจับโปรเกม่อนครั้งนี้เลยน่าตื่นเต้นกว่าเดิม นอกจากนี้เมื่อเราเปิดกล้องมือถือเราจะเห็นภาพโปรเกม่อนอยู่บนสถานที่จริงๆ ละนี่แหละคือสิ่งเร้าใจของผู้เล่น เรารู้สึกเหมือนมีโปรเกม่อนเดินอยู่ตามท้องถนน เรารู้สึกว่าโลกที่เราอยู่มีโปรเกม่อนอยู่จริงๆ โลกเสมือนจริงที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากๆ เกิดขึ้นจาก เทคโนโลยี AR

แต่ก่อนที่ Pokemon Go จะโด่งดัง เหล่าบรรดาเอเจนซี่ไทยก็เคยเอาเทคโนโลยีตัวนี้มาใช้กับโฆษณา แต่แป๊กสนิท เพราะตอนนั้นอินเตอร์เนตยังไม่ค่อยเร็ว กว่าจะโหลดแต่ละทีเชื่องช้าคนไม่อยากรอ หรืออาจเป็นคอนเท้นที่นำมาเล่นที่ยังไม่โดนใจ แถมสมัยนั้นเทคโนโลยีตัวนี้ราคายังสูงอยู่ เทคโนโลยี AR เลยกลายเป็นลูกเมียน้อย คนไม่สนใจ เอเจนซี่ก็ใช้แล้วไม่เวิร์ค นักลงทุนไม่ค่อยสนับสนุนเทคโนโลยีตัวนี้ จนกระทั่ง Pokemon Go ถือกำเนิดขึ้น เกมนี้ได้ปลุกเทคโนโลยีดีๆที่โลกลืมให้ตื่นขึ้นมา คนทั่วโลกได้สัมผัสกับเทคโนโลยีสุดเจ๋งที่ชื่อ AR หุ้นของบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีตัวนี้ขึ้นเอาขึ้นเอา มองเผินๆ Pokemon Go ก็แค่เกมๆหนึ่งที่คนไทยอาจเห่อได้เกิน 2 เดือนก็อาจจะเลิกเล่น และสนใจสิ่งอื่นๆที่อยู่ในกระแสใหม่ แต่ Pokemon Go จุดประกายไอเดียการหยิบเทคโนโลยีอย่าง AR มาใช้ เชื่อว่าหลังจะมีอีกหลายบริษัทตามกระแส Pokemon และหยิบเทคโนโลยี AR มาทำสิ่งว้าวๆ อีกหลายอย่าง Pokemon Go เหมือนกับงานเปิดตัว เทคโนโลยี AR แบบสวยงาม

พอพูดถึง เทคโนโลยี AR แล้ว ขอพ่วงต่อด้วย Internet of Thing เพราะคำศัพท์สองคำนี้คุ้นหูและถูกพูดถึงเยอะไม่แพ้กันเลย แถมยังทำงานแบบเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยได้ด้วย ตัว Internet of Thing เนี่ย เป็นการแปลงร่างเครื่องใช้ สิ่งของต่างๆ ให้เชื่อมเข้าหากันด้วยอินเตอร์เนต พอสิ่งของเชื่อมโยงกับอินเตอร์เนตแล้วพวกเราก็จะทำงานกันง่ายขึ้นเพราะควบคุมอุปกรณ์ต่างๆผ่านโทรศัทพ์มือถือได้เลย นอกจากนั้นยังตั้งโปรแกรมให้เครื่องใช้ต่างๆคิดวิเคราะห์หรือดำเนินการเองได้ด้วย ตัวอย่างเช่น รองเท้าธรรมดาทั่วไปเนี่ยจะถูกเปลี่ยนเป็นด้วย internet of thing กลายเป็นรองเท้าที่ฝังชิปและเก็บข้อมูลสุขภาพของผู้ใส่ได้ เช่น ความเร็วในการวิ่ง อัตราการเต้นของหัวใจ ความดัน อุณหภูมิร่างกาย ทีนี้ข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งจัดเก็บในมือถือ พอเราไปหาหมอ ก็เอาข้อมูลด้านสุขภาพที่เราเก็บในแต่ละวันให้หมอวิเคราะห์ควบคุมได้เลย

หรือ ห้างสรรพสินค้าของยุโรป ที่มีไอเดียเจ๋งจับ internet of thing กับ AR มาชนกัน กลายเป็นห้องลองเสื้อผ้าดิจิตอล คือ คนลองเสื้อไม่ต้องยุ่งยากหยิบเสื้อมาลอง ถอดเข้าถอดออกอีกต่อไปแล้ว เพราะเราสามารถลองเสื้อผ้าคอมพิวเตอร์ได้เลย เพียงแค่เปิดกล้องและเลือก เราจะเห็นตัวเองในหน้าจอพร้อมกับชุดต่างๆว่าสีเข้ากันมั้ย เข้ากับตัวเองหรือเปล่านอกจากนั้นรูปต่างๆที่เราลองชุดยังถูกเชื่อมต่อและจัดเก็บลงโทรศัพท์มือถือเพื่อช่วยให้เพื่อนช่วยเลือกได้อีก สำหรับ Trend ของ Internet of thing จะมาจับกับ Pokemon คือ พวก wearable device ก่อนหน้านี้เราจะเห็น apple watch หรือ Nike wristbrand ซึ่งไม่ได้ดังหรือปังสักเท่าไหร่ แต่คราวนี้ถ้า Niantic ทำตัว werable ที่เป็นสายรัดข้อมือPokeball เครื่องนี้อาจจับจังหวะการเต้นของหัวใจ ใช้ในการจับ Pokemon ระหว่างเดินออกกำลังกาย หรือใช้เตือนเวลาเจอ Pokemon อุปกรณ์ที่ประสานเทคโนโลยี AR กับ Internet of Thing ตัวนี้มีแต่คนอยากได้แน่นอน

ความท้าทายของเรื่อง Internet of thing มีอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพราะข้อมูลทุกอย่างจะเชื่อมโยงกัน นั่นหมายความว่าจะมีฐานข้อมูลที่ใหญ่มาก และหากข้อมูลดังกล่าวถูกแฮคก็จบข่าว โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เช่น ข้อมูลด้านสุขภาพ ด้านการเงิน ข้อมูลทางธุรกิจ ในส่วนนี้ Blockchain เป็นตัวเสริมที่ทำให้ Internet of thing น่าเชื่อถือขึ้น ด้วยความปลอดภัยและยากแก่การแฮคของระบบ Blockchain ทำให้การเก็บข้อมูลทุกอย่างหรือการส่งผ่านข้อมูลเกิดขึ้นได้แบบไร้ความกังวล

เราว่าเทคโนโลยี AR ก็คงเหมือนกับ Blockchain นั่นแหละ เป็นเทคโนโลยีเจ๋งๆ ที่เข้าใจยากสักนิด คนรู้จักแบบลึกซึ้งมีไม่เยอะ คนไม่ค่อยรู้ว่าความเจ๋งของมันคืออะไร เลยมองข้าม คิดว่าล้ำเกินไป คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ถ้ามีบริษัท Fintech หยิบเทคโนโลยี Blockchain ไปปั้นให้เกิดสินค้าหรือบริการเจ๋งๆ แบบที่ Pokemon Go หยิบเทคโนโลยี AR มาใช้ได้ เราว่า Blockchain เองก็มีดีและดังเป็นพลุแตกได้เช่นเดียวกัน

ว่าแล้วก็หยิบมือถือไปจับโปรเกม่อนต่อดีกว่า :)