สวัสดีครับ กลับมาพบกับผมหมอนัท คลินิกกองทุน กันอีกครั้งแล้วนะครับ วันนี้ผมจะมาอธิบายถึงวิธีการจัดพอร์ตการลงทุน โดยใช้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างกองทุนหุ้นมาปรับพอร์ตให้ดูสมดุลมากขึ้น แต่การลงทุนในกองทุนหุ้นที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ จะเป็นการลงทุนก็เพื่อลดความผันผวนในพอร์ตลง แต่ว่ายังคงได้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ หรือ อาจจะมากกว่าเดิมก็เป็นไปได้ครับ เป็นอย่างไรกันบ้าง ฟังแล้วน่าสนใจใช่ไหมละครับ แต่จะเป็นกองทุนหุ้นกลุ่มไหนนั้น ต้องมาติดตามกันครับ

โดยหลักการในการจัดพอร์ตการลงทุนระยะยาว นักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะเน้นการลงทุนที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง เพื่อให้ความผันผวนของพอร์ตการลงทุนที่เกิดขึ้นในระยะยาว ๆ แล้วลดลง และได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอมากขึ้น

ในหลายครั้ง เป้าหมายของนักลงทุนนั้น อาจจะไม่ใช่เพื่อกระจายความเสี่ยง แต่จะทำเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้สูงมากขึ้น แน่นอนว่าบางครั้งก็มีความจำเป็นที่จะต้องนำสินทรัพย์เสี่ยงสูงมากเข้ามาเพิ่มเติมลงในพอร์ตการลงทุนของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงทำให้มีโอกาสที่จะทำให้ความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนนั้นสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะถ้าเรามีการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีความผันผวนสูงอยู่แล้วในพอร์ตการลงทุนครับ

ดังนั้น ถ้าใครคิดว่าการเพิ่มกองทุนหุ้นลงไปในพอร์ตเยอะ ๆ จะช่วยให้เรากระจายความเสี่ยงแล้วละก็ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เราเข้าใจผิดกันครับ ซึ่งการเพิ่มการลงทุนในกองทุนหุ้นหลาย ๆ กอง ก็อาจจะไม่ช่วยให้เราได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าความเสี่ยงที่ลงทุนไปนั่นเองครับ เพราะว่าบางครั้งการกระจายความเสี่ยงเพื่อลดความผันผวน กับ การลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนนั้น เราจะไม่ได้มันมาพร้อม ๆ กันเสมอไปครับ

แต่มีสินทรัพย์นึงที่น่าสนใจมาก ๆ นั่นก็คือ “กองทุนหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน” ครับ ที่มีความแหวกแนวกว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นอื่น ๆ อยู่ค่อนข้างมาก งั้นเรามาดูรายละเอียดกันนะครับ

ก่อนอื่น เรามารู้จักกันสักเล็กน้อยกว่า กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานนั้น มีอะไรบ้างครับ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นธุรกิจที่ผูกขาด เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของพวกเราครับ เช่น ทางด่วน รถไฟฟ้า สนามบิน ท่าเรือ ถนน ท่อนำก๊าซ การขนส่งสาธารณะ รวมถึง ท่อนำน้ำมัน ฯลฯ

ซึ่งกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานดี ส่วนใหญ่จะมีผลตอบแทนในระยะยาวที่ดี รายได้จากการลงทุนหลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานไปแล้วนั้น คาดการณ์ได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าบำรุงรักษา  อัตราการทำกำไรของธุรกิจ ด้วยสิ่งเหล่านี้จึงทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ ไม่ได้มีความผันผวนไปตามหุ้นในอุตสาหกรรมอื่น ๆ หรือ ไม่ได้วิ่งไปตามตลาดหุ้นเท่าไหร่นัก แต่ราคาหุ้นของกลุ่มนี้มักจะวิ่งตามรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นของกิจการอย่างแท้จริง

ยิ่งในช่วงไหนที่มีการขยายการลงทุนไปยังต่างจังหวัด หรือเมืองต่าง ๆ ซึ่งในอนาคต การพัฒนาเมืองต่าง ๆ ในชนบทก็มีความสำคัญมากขึ้น รวมถึงธุรกิจพลังงานที่ต้องส่งกระแสไฟฟ้าไปตามบ้าน หรือ ตามจุดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคตที่จะมีรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ทุกที่

จะเห็นได้ว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนของหุ้นในกลุ่มนี้ระยะยาวได้ผลตอบแทนที่มากกว่าผลตอบแทนจากหุ้นทั่วโลกอยู่เหมือนกัน และความผันผวนเองก็น้อยกว่าอีกด้วย

ซึ่งถ้าเราเอาหุ้นในกลุ่มนี้เข้ามาอยู่ในพอร์ตการลงทุน จะทำให้ความเสี่ยงโดยรวมลดลงครับ แต่ในทางกลับกัน ผลตอบแทนไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำ

เห็นไหมละครับว่า การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นนั้น เราสามารถทำให้ความเสี่ยงลดลงได้ แถมผลตอบแทนยังมีโอกาสที่จะได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วยครับ เพียงแค่กระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นในกลุ่มที่มีความแน่นอนสูงในเรื่องของรายได้ครับ

ส่วนกองทุนที่ผมจะนำมาพูดถึงให้ฟังก็คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอินฟราสตรัคเจอร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ SCB Global Infrastructure RMF เราจะเรียกย่อ ๆ ว่า SCBRMGIF ครับ

ซึ่งกองทุนนี้จะลงทุนใน Master Fund ที่ชื่อว่า Deutsche Invest I Global Infrastructure นักลงทุนเองสามารถหาข้อมูลได้อย่างง่าย ๆ โดยพิมพ์รหัสกองทุน LU1217772315ลงไปใน Google เราก็จะเห็นข้อมูลของกองทุนขึ้นมาทันทีครับ หรือว่าจะพิมพ์ DWGIDHP LX Equityแล้วตามด้วย Bloomberg ก็จะได้ติดตามผลตอบแทนจาก master fund ได้ง่ายมากขึ้นครับ และกองทุนนี้ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี คืออยู่ที่ประมาณ 10-11% ต่อปี (จากผลตอบแทนย้อนหลัง 3-5 ปี)

โดยกองทุนจะทำการเลือกสินทรัพย์ในแบบผสมผสานครับ โดยเลือกจากสภาพตลาดการเงิน และสภาพเศรษฐกิจในแต่ละประเทศเป็นหลัก เพื่อกำหนดว่าจะลงทุนในอุตสาหกรรมแบบไหนดี เช่น อาจจะเป็นกลุ่มท่อส่งกระแสไฟ หรือ เสาสัญญาณมือถือ หรือจะผสมกันในกลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากแต่ละประเทศเองก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน

จากนั้น ก็จะใช้วิธีการเลือกหุ้นรายตัว โดยจะดูหุ้นที่พื้นฐานบริษัทมีความแข็งแรง งบการเงินดี บริษัทมีความน่าเชื่อถือ มีระบบการจัดการที่ทำให้ต้นทุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สมเหตุสมผล และรายละเอียดปลีกย่อยมากมายของบริษัท ก่อนที่จะทำการประเมินมูลค่าของกระแสเงินสดที่จะได้รับในอนาคต จากรายได้ที่จะเก็บได้ในแต่ละปี รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการดูแลระบบโครงสร้างพื้นฐานนั้น ๆ

และ จุดเด่นของกองทุนหลักที่ต่างจากกองทุนอื่น ๆ และผมคิดว่าน่าสนใจมาก ๆ ก็คือ กลยุทธ์การลงทุนที่เรียกว่า pure-play คือเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นของบริษัทที่มีรายได้หลักมากกว่า 70% จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น ทำให้พอร์ตนี้แม้จะลงทุนในหุ้น ก็สามารถสะท้อนลักษ