สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน กลับมาเจอกันอีกครั้งนะครับ กับผมหมอนัทแห่งคลินิกกองทุนคนเดิมครับ หลังจากที่ในปีที่แล้วกองทุนหุ้นต่างประเทศหลาย ๆ ประเทศให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี และกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่เรียกได้ว่าดีมาก ๆๆๆ ซึ่งผมเองยังคงได้รับคำถามเข้ามามากมายว่าจะยังดีต่อเนื่องได้อีกไหม และน่าลงทุนระยะยาวรึเปล่านั้นก็คือ กองทุนที่ลงทุนในประเทศจีนนั่นเองครับ

ดังนั้นในครั้งนี้ผมเองก็จะมาเล่าให้นักลงทุนฟังกันถึงแนวโน้มการลงทุนในกองทุนจีนกันครับ หลังจากที่ผมเองก็เคยให้ความเห็นไว้เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วว่าเป็นกองทุนที่มีแนวโน้มเติบโตได้ รวมถึงเขียนบทความถึงประเทศนี้บ่อยครั้งว่า เป็นหนึ่งในกองทุนที่น่าสะสมในระยะยาวครับ

ทำไมผมถึงคิดแบบนั้น นั่นก็เพราะว่าจีนมีเสน่ห์หลายอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้าน IT ด้านประชากร ด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึง ความมั่นคง และมีเสถียรภาพของรัฐบาลอีกด้วยครับ

จีนนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างที่เราเห็นบทบาทในเวทีโลกเสมอๆ ว่าหากที่ไหนที่มีสหรัฐฯ เข้าไปเจรจาการค้ากับประเทศไหน ก็มักจะมีจีนเขาไปเจรจาการค้าร่วมด้วยเช่นกัน เพื่อถ่วงดุลอำนาจกันในระดับโลกครับ

ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีปัญหาเข้ามามากเหลือเกิน ดังนั้น ไม่แปลกครับ ที่บางท่านจะสงสัยว่า จีน จะดีในระยะยาวจริงเหรอ และการลงทุนในจีนจะทำผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่องจริงหรือ

แม้ว่าในช่วงก่อนประเทศจีนประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ต้องบอกว่าประหลาด เพราะว่าความร้อนแรงเกินไป เงินไหลเข้าประเทศไม่หยุด สภาพคล่องมีมาก และปัญหาเงินกู้นอกระบบ (Shadow Banking) รวมถึงปัญหาฟองสบู่เกิดขึ้นในภาคอสังหาฯ

แต่จีนก็ได้ปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเอาจริงเอาจัง ทำการแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป และทำการ“ลด” หรือ “ปรับ” นโยบายต่างๆ รวมถึงจากที่เคยเน้นการผลิตเพื่อส่งออก มาเป็นเน้น “การบริโภคภายในประเทศ” ให้มากขึ้น เน้นการบริการ เพื่อสร้างพื้นฐานที่ดีใหักับประเทศตนเอง เปิดเสรีด้านการเงิน การลงทุนมากขึ้น(เดี๋ยวนี้มีเอกชนต่างประเทศไปลงทุนโดยตรงได้มากขึ้น) ทำการลดการทุจริตในภาครัฐ (ปราบคอร์รัปชั่นแบบเอาจริงมากเลยนะครับ) ทั้งหมดก็เพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะพุ่งทะยานต่อในอนาคต

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น ที่จะทำให้ตลาดหุ้นผันผวน แต่ผมเชื่อว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้ดีขึ้นในอนาคตครับ ถึงแม้ว่าดูแล้วเศรษฐกิจจีนอาจจะยังไม่ร้อนแรงเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าเศรษฐกิจจีนนั้นก็ยังมีการเติบโตที่สูงอยู่ดี

นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาประเทศของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนมากขึ้น ด้วยมาตรการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ทางการเงิน สร้างความเข้มแข็งให้รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งการสร้างเส้นทางสายไหมใหม่ (One Belt One Road) ถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญของจีน เพื่อความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบาย

โดยเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องที่ระดับ6.5% ในปี2561 (รายงานWorld Economic Outlook, Oct 2017, จัดทำโดยIMF) โดยได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากการลงทุนและการบริโภครวมถึงการค้าระหว่างประเทศที่ขยายตัวดี

เอาเป็นว่าโตมากกว่าฝั่งยุโรป และสหรัฐฯ แน่ๆ ครับ เพราะมีหลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่า หากจีนเติบโตไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่เกิน10 ปี จะมีตลาดการค้าที่ใหญ่พอๆ กับ สหรัฐฯ และภายใน15 ปี จะใหญ่กว่าสหรัฐฯ เกือบเท่าตัวครับ

ดังนั้น ผมว่าในระยะยาวแล้ว จีนยังคงเป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุนครับ แนะนำว่าลงทุนกับจีนเสียแต่วันนี้ วันหน้าไม่ผิดหวังครับ แต่อาจจะต้องเป็นการลงทุนระยะยาวนะครับ เพราะในระยะสั้นเราจะเห็นความผันผวนได้ค่อนข้างมาก

นั่นก็เพราะว่าราคาหุ้นจีนจะเริ่มสูงขึ้น และซื้อขายในระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาว แต่กระนั้นก็ยังถูกกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค โดยเฉพาะหุ้นH-Share ที่ซื้อขายในราคาDiscount มีForward P/E อยู่ที่8.12 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย10 ปีที่10.6 เท่า  (ที่มา:  Bloomberg 11 ม.ค.61)

งั้นถ้าจะลงทุนในหุ้นจีน กองทุนที่น่าสนใจตอนนี้ก็คือ K-CHINA ของ บลจ.กสิกรไทยซึ่งเป็นกองทุนระดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ โดยกองทุน K-CHINA จะลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds- China Focus ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในประเทศจีนและฮ่องกง รวมถึงหลักทรัพย์ของบริษัทต่างประเทศที่มีธุรกิจในประเทศจีนนั่นเองครับ

ส่วนกองทุนนั้นมีความน่าสนใจมากๆ เลยโดยเฉพาะการที่กองทุนเปิดโอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของหุ้นจีนที่จดทะเบียนในประเทศจีน (A-Share) และฮ่องกง (H-Share)  ที่มีแนวโน้มเติบโตจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

และเน้นการลงทุนแบบที่เน้นลงทุนในหุ้นคุณค่า (Value Investing) หรือตามสไตล์ของ Peter Lynch สุดยอดผู้จัดการกองทุนในตำนานของ Fidelity นั่นเองครับ

แน่นอนว่าแนวคิดนี้ส่งต่อมาถึงผู้จัดการกองทุนหลัก ที่เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนชั้นนำของโลก ซึ่งมีความเชี่ยวญชาญและข้อมูลเชิงลึกในหุ้นจีนโดยเฉพาะ และมีประสบการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นจีนที่ยาวนานกว่า 18 ปีเลยทีเดียวครับ

แล้วกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นคุณค่าดียังไง แนวคิดนี้ก็จะมองว่าการพิจารณาคัดเลือกหุ้นจะต้องเน้นวิเคราะห์ไปที่ตัวปัจจัยพื้นฐานของหุ้น เช่น นโยบายของบริษัทเป็นอย่างไร ฐานะของงบการเงินมีความแข็งแกร่งมั้ย รวมถึงดูว่าราคาหุ้นจะต้องไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง ซึ่งกระบวนการแบบนี้ก็คือการคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom up นั่นเอง

อย่างเช่น ตอนนี้หุ้นกลุ่ม IT ของจีนปรับตัวขึ้นสูงและแพงเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง (ขัดกับหลัก Value Investing) ผู้จัดการกองทุนหลักจึงให้น้ำหนักลงทุนกับหุ้นในกลุ่ม IT น้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และไปเพิ่มน้ำหนักกับหุ้นกลุ่มอื่นที่น่าสนใจและมีราคาเหมาะสมมากกว่า

ส่วนผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตามตารางด้านล่างจะเห็นได้ว่า 1 ปีย้อนหลัง กองทุนK-CHINA ให้ผลตอบแทนสูงถึง 37% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปีก็ยังจัดว่าสูงสุดเป็นอันดับ1 ในกลุ่มกองทุนหุ้นจีนทั้งหมดในตลาดด้วย (ข้อมูลจากMorningstar? ณ วันที่29 ธ.ค.60)

นอกจากนี้กองทุน K-CHINA ยังเป็นกองทุนระดับ5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ (Morningstar? Overall Rating ของกลุ่มThailand OE China Equity, ข้อมูล ณ 31 ม.ค. 2561) ซึ่งก็เชื่อมั่นถึงคุณภาพได้เลย เพราะมอร์นิ่งสตาร์เค้าจัดอันดับกองทุนด้วยหลักเกณฑ์สากลที่ใช้กันทั่วโลก ซึ่งต้องพิจารณาทั้งในส่วนผลการดำเนินงานและความเสี่ยงควบคู่กันไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่ากองทุนที่ได้ 5 ดาวนั้นจะมีผลการดำเนินงานที่ปรับด้วยความเสี่ยงแล้วดีกว่านั่นเองครับ

(Review) “ของมันต้องมี” กับกองทุนหุ้นจีนระดับ 5 ดาว

หมายเหตุ : ผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่29 ธันวาคม2560 

โดย บลจ.กสิกรไทย / กองทุนK-CHINA จัดตั้งเมื่อวันที่4 พ.ย.52

จากความเห็นส่วนตัวคิดว่ากองทุนนี้ค่อนข้างที่จะน่าสนใจมาก ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการลงทุนระยะยาวมากกว่า 5-7 ปีขึ้นไปครับ ส่วนระยะสั้นๆ นั้นก็อาจจะมีความผันผวนหน่อย และยังต้องลุ้นกันต่อว่า จีนจะมีนโยบายอย่างไร และมีอะไรมาเสริมให้ตลาดทุน หรือตลาดหุ้นให้แข็งแกร่งขึ้น เพราะว่าถ้าตลาดหุ้นไปได้ดี ก็หมายถึง ประชาชนเองก็น่าจะมีความมั่งคั่งที่ดีด้วยครับ

คราวนี้เรามาดูหุ้นที่น่าสนใจของกองทุนกันนะครับ ว่ามีหุ้นอะไรบ้าง และมีความน่าลงทุนอย่างไรครับ เพื่อที่จะได้ตัดสินใจได้ว่ากองทุนนี้น่าลงทุนหรือไม่อย่างไรครับตัวเด่นๆที่จะขอพูดถึงก็อย่างเช่น New China Life Insurance (NCL)ซึ่งเป็นธุรกิจประกันชีวิต ประกันภัยเจ้าใหญ่ในจีน ซึ่งมองว่าน่าจะอนาคตไกลครับ เพราะประชากรจีนมีจำนวนมาก แล้วอนาคตสังคมผู้สูงวัยที่จะมาถึงทำให้ธุรกิจนี้ยังมีความต้องการอีกมาก 

หรืออย่าง Tencent Holdings นี่ก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนด้าน Internet Communityซึ่งเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมต่างๆ เช่น WeChat, Tenpay หรือโปรแกรมแชทรุ่นเก๋าอย่าง QQ ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมของวัยรุ่นจีนและคนทั่วไปมาถึงทุกวันนี้ และหุ้นอีกตัวที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ นั้นคือAlibaba เว็บอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ของแจ็ก หม่าผู้โด่งดังนั่นเอง

(Review) “ของมันต้องมี” กับกองทุนหุ้นจีนระดับ 5 ดาว


พอจะเห็นภาพคราวๆ แล้วว่าหุ้น 10 ตัวแรกที่กองทุนลงทุนมีอะไรบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหุ้นเด่นๆที่เป็นผู้นำตลาดในแต่ละด้าน การลงทุนระยะยาวกับบริษัทเหล่านี้ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีไปด้วยครับ

ส่วนถ้าไปดูรายละเอียดแยกตาม Sector ก็จะเห็นว่ามีการกระจายลงทุนอยู่หลายกลุ่ม โดยอันดับ 1 คือกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 29% ขณะที่กลุ่มIT ที่บอกว่าผู้จัดการกองทุนให้น้ำหนักน้อยกว่าดัชนีชี้วัดนั้น ก็ยังตามมาเป็นอันดับ 2 ที่สัดส่วน 18% เพราะยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหุ้นกลุ่มนี้ยังมีความน่าสนใจอยู่เยอะทีเดียว ตามมาด้วยกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย

(Review) “ของมันต้องมี” กับกองทุนหุ้นจีนระดับ 5 ดาว

อ่อ เกือบลืมไปครับ กองทุนนี้มีนโยบายการจ่ายปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ด้วยนะครับ ซึ่งผมว่าเหมาะกับกองทุนที่ไปลงทุนในจีนมากๆ เนื่องจากระหว่างทางกองทุนจะทยอยจ่ายเงินกลับมาให้กับเรา ในระยะสั้นที่มีความผันผวนผมเชื่อว่าจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ไม่กังวลต่อความผันผวนมากนัก เหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงใจระหว่างลงทุน ส่งผลให้ลงทุนระยะยาวได้อย่างสบายใจไปด้วยครับ 

   

(Review) “ของมันต้องมี” กับกองทุนหุ้นจีนระดับ 5 ดาว


เป็นอย่างไรกันบ้างครับ น่าจะพอมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า หากเราลงทุนระยะยาวกับกองทุนจีน ที่มีแนวโน้มการเติบโตได้ ก็น่าจะทำให้เราได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวังกันไว้ อย่างไรก็ตามก็อย่าลืมว่าการลงทุนเองก็มีความเสี่ยง แต่อย่างน้อยๆ หากนักลงทุนเข้าใจสิ่งที่กำลังจะลงทุน ก็น่าจะทำให้ความเสี่ยงลดลงไปมากเลยทีเดียวครับ อย่าลืมทำความเข้าใจกองทุนนี้ก่อนลงทุนนะครับ


(Review) “ของมันต้องมี” กับกองทุนหุ้นจีนระดับ 5 ดาว


ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนK-CHINA สามารถดูได้ที่ลิงค์นี้เลยครับ https://goo.gl/vjUqzE 

วันนี้ลาไปก่อน ขอให้โชคดีกับการลงทุนในกองทุนจีน K-CHINA นะครับ^_^ สวัสดีครับ


บทความนี้เป็น Advertorial