“การออมเงิน” คือพื้นฐานที่สำคัญที่จะช่วยต่อยอดไปสู่การสร้างความมั่งคั่งให้เราได้ เพราะฉะนั้น ถ้าใครอยากมีความมั่งคั่งก็ต้องรู้จักหมั่นเก็บออมอย่างสม่ำเสมอ แต่การจะสร้างความมั่งคั่งได้นั้นต้องอาศัยเวลา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะสามารถออมเงินอย่างสม่ำเสมอได้ในระยะยาวถ้าเราไม่มี “วินัยการออม” ที่มากพอ ซึ่งเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยสร้างวินัยการออมในระยะยาวให้เราได้ก็คือ “ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์” นั่นเอง
ประโยชน์ของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์คืออะไร?
นอกเหนือจากจะช่วยให้เรามีวินัยในการออม ด้วยการจ่ายเบี้ยอย่างสม่ำเสมอแล้ว ประกันสะสมทรัพย์ยังช่วยให้เราอุ่นใจว่าเราจะได้เงินก้อนใหญ่กลับคืนมาแน่ๆ ในอนาคต แบบที่ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะผันผวนหรือขาดทุนไหมเหมือนการลงทุน แถมยังมีความคุ้มครองชีวิต เป็นเงินก้อนใหญ่ให้คนข้างหลังถ้าเราจากไปกะทันหันอีกด้วย
แต่ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ในปัจจุบัน ก็มีให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบที่ออมสั้น หรือออมยาว หรือแบบที่เน้นผลตอบแทน หรือเน้นความคุ้มครอง ซึ่งวันนี้ ผมก็มีแบบประกันชีวิตตัวหนึ่งที่จะขอยกมา “รีวิว” เป็นตัวอย่างให้ได้ดูกัน นั่นก็คือ ประกันชีวิต “เกนเฟิสต์ สตาร์ทอัพ” ที่ธนาคารกรุงเทพ ประกันสะสมทรัพย์ที่จ่ายเบี้ยเริ่มต้นไม่แพง เริ่มต้นแค่เดือนละ 1,000 บาท เลือกจ่ายรายเดือนได้ไม่ต่างจากรายปี สำหรับคนทำงานรุ่นใหม่โดยเฉพาะนั่นเองครับ
แกะกล่องรีวิว "Gain 1st StartUp"
ก่อนอื่น เราจะมาดูกันว่า แบบประกันตัวนี้ มีเงื่อนไขการทำประกันอย่างไร และรายละเอียดแบบประกัน รวมถึงผลประโยชน์ที่ได้มีอะไรบ้าง กันดีกว่าครับ
เงื่อนไขการทำประกัน
- สมัครทำได้สำหรับคนที่มีอายุ ตั้งแต่ แรกเกิด จนถึง 65 ปี
- จำนวนเงินเอาประกันภัย หรือทุนประกัน ขั้นต่ำ 50,000 บาท
- ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
- สามารถเลือกจ่ายเบี้ยได้ทั้งแบบรายปี และรายเดือน (ไม่คิดดอกเบี้ยเพิ่มจากแบบรายปี)
จากเงื่อนไขก็จะเห็นว่า ข้อดีคือ เริ่มต้นทำง่าย เพราะเงินเอาประกันภัยเริ่มต้นต่ำ จึงไม่ต้องตรวจสุขภาพ และยังเลือกจ่ายรายเดือนได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่ม จึงเหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน รายได้ไม่สูงนัก ที่ต้องการออมสม่ำเสมอทุกเดือน เป็นพิเศษ (แต่คนวัยอื่นๆก็ทำได้นะ)
รายละเอียดแบบประกัน
- ประเภทประกันชีวิต : สะสมทรัพย์ (ได้รับเงินทั้งตอนมีชีวิตอยู่ และตอนเสียชีวิต)
- ระยะเวลาคุ้มครองชีวิต หรือระยะเวลาของสัญญา : 20 ปี
- ระยะเวลาจ่ายเบี้ย : 10 ปี
ด้วยความที่เป็นประกันชีวิตประเภทสะสมทรัพย์ จึงเหมาะกับคนที่ต้องการทำเพื่อเน้นการออมเงิน มากกว่าเน้นความคุ้มครองชีวิต (เพราะความคุ้มครองจะไม่สูงเท่าแบบที่เน้นความคุ้มครองชีวิต เช่น แบบตลอดชีพ หรือแบบชั่วระยะเวลา แต่จะมีผลตอบแทนที่สูงกว่า) ส่วนระยะเวลาจ่ายเบี้ย 10 ปี และระยะเวลาคุ้มครอง 20 ปี แม้อาจจะมองว่านาน แต่นั้นก็คือข้อดีที่ทำให้เราสามารถออมเงินได้อย่างต่อเนื่อง (เพราะยังไงเรามีรายได้ ก็ต้องออมอยู่แล้ว) ทำให้เราแน่ใจว่าจะมีเงินเก็บหลักแสนหรือหลักล้านได้ในอนาคต แถมยังได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่จ่ายเบี้ยอีกด้วย
ผลประโยชน์ของแบบประกัน
ผลประโยชน์กรณียังมีชีวิต (เงินที่เราจะได้รับระหว่างสัญญา) :
(*เงินคืน คือ เงินที่บริษัทสัญญาว่าจะจ่ายเป็นผลตอบแทนให้เป็นจำนวนที่แน่นอน / จำนวนเงินเอาประกันภัย คือ วงเงินที่เราเลือกทำประกันชีวิต)
- ได้รับเงินคืน 4.8% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-10
- ได้รับเงินคืน 6.4% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 11-20
- ได้รับเงินคืน ซึ่งเป็นเงินครบสัญญา 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เมื่อสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 20 (ครบสัญญา)
(รวมผลตอบแทนตลอดสัญญา เท่ากับ 312% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย)
ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต (เงินที่คนข้างหลังจะได้เมื่อเราเสียชีวิต)
- ได้รับเงินชดเชย 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ในปีกรมธรรม์ที่ 1-4
- ได้รับเงินชดเชย 150% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ในปีกรมธรรม์ที่ 5-7
- ได้รับเงินชดเชย 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ในปีกรมธรรม์ที่ 8-20
อัตราค่าเบี้ยประกัน
รายปี 240 บาท ต่อจำนวนเงินประกันภัย 1,000 บาท ทั้งเพศชายและหญิง ทุกช่วงอายุ (ส่วนรายเดือนก็แค่เอาไปหาร 12) เมื่อคูณกับจำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำ 50,000 บาท ก็เท่ากับว่า เบี้ยเริ่มต้นคือปีละ 12,000 บาท หรือเดือนละ 1,000 บาทเท่านั้น
ด้วยค่าเบี้ยที่คงที่ ไม่ว่าจะเพศไหน อายุเท่าไหร่ ก็จ่ายในอัตราที่เท่ากัน (ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกทำที่จำนวนเงินเอาประกันภัย หรือทุนประกัน ที่เท่าไหร่) ทำให้ไม่ต้องกังวลว่า ถ้าตอนนี้เราอายุค่อนข้างมากแล้ว จะจ่ายเบี้ยแพงขึ้นหรือไม่ เพราะยังไงก็จ่ายเท่ากับคนอายุน้อยแน่นอน อีกทั้งเริ่มต้นแค่เดือนละ 1,000 บาท ก็ถือว่าไม่สูงสำหรับคนที่อยากจะเริ่มออมเงิน
===========================================
ตัวอย่างของผลประโยชน์ที่จะได้ ถ้าเลือกทำประกันที่เงื่อนไขต่ำสุด
ด้วยการจ่ายเบี้ยเดือนละ 1,000 บาท
สรุปผล
จากข้อมูลทั้งหมด ก็พอจะสรุปได้ว่า ประกันชีวิต “เกนเฟิสต์ สตาร์ทอัพ” นั้น มีจุดเด่นอย่างแรกเลยอยู่ที่เงื่อนไขการชำระเบี้ย ที่สามารถแบ่งชำระเป็นรายเดือนได้ โดยที่ไม่มีการคิดดอกเบี้ยเพิ่ม ทำให้ค่าเบี้ยรวมต่อปี ไม่ต่างจากจ่ายเป็นรายปี จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างวินัยการออม โดยการให้หักจากเงินเดือนไปออมทุกเดือนอัตโนมัติ (ถ้าใครมีบัตรเครดิต หรือบัญชีเงินฝากของธ.กรุงเทพ ก็สามารถสมัครใช้บริการ Bualuang Direct Debit ในการหักบัญชีเพื่อออมอัตโนมัติได้เลย)
อีกทั้งยังมีเบี้ยเริ่มต้นเพียงแค่เดือนละ 1,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่สูงมาก ทำให้แม้แต่คนอายุน้อยที่เพิ่งเริ่มมีรายได้ก็สามารถออมได้อย่างไม่ลำบาก และเมื่อตั้งแต่สิ้นปีแรกเป็นต้นไป ก็จะได้เงินคืนมาส่วนหนึ่งทุกปี ก็ยิ่งเท่ากับว่าเราจ่ายเบี้ยน้อยลงไปอีก ข้อดีอีกข้อก็คือ มีอัตราค่าเบี้ยประกันคงที่ ไม่ว่