ภาคท่องเที่ยวคือแรงขับเคลื่อนสำคัญของประเทศไทย

ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีจุดแข็งเรื่องภาคการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ค่าครองชีพที่ค่อนข้างถูก ทำเลที่ตั้งที่ใกล้กับประเทศที่มีประชากรมาก รวมไปถึงพื้นเพความรักการบริการของคนไทย ภาคธุรกิจท่องเที่ยวจึงเป็นดาวเด่นของเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด เรียกได้ว่าเป็นความหวังที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเราเลยก็ว่าได้

หุ้นโรงแรมจึงเป็นหุ้นยอดนิยมในตลาดหุ้นไทย

แต่ในอดีต หุ้นโรงแรมมีให้นักลงทุนเลือกวิเคราะห์และลงทุนไม่มากนัก อาจจะเรียกได้ว่า หุ้นโรงแรมในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมีลักษณะพิเศษ เช่น หุ้นโรงแรมขนาดใหญ่มักจะประกอบธุรกิจอื่นด้วยในสัดส่วนรายได้และกำไรค่อนข้างสูง หุ้นโรงแรมที่เป็นโรงแรมเป็นหลักก็มีจะมีสภาพคล่องไม่สูง จนทำให้เหลือหุ้นโรงแรมให้เลือกลงทุนจริง ๆ ไม่มากนัก ล่าสุดกำลังมีหุ้นโรงแรมน้องใหม่อีกรายที่กำลังจะเข้าตลาดหุ้น เรียกได้ว่าเป็นโอกาสของนักลงทุนที่จะเพิ่มหุ้นโรงแรมเข้ามาในตะกร้าหุ้นสำหรับศึกษากันได้เลย

SHR คือ ธุรกิจโรงแรมในเครือ สิงห์ เอสเตท

SHR หรือ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) คือ บริษัทผู้เป็นแกนนำในการดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของกลุ่ม สิงห์ เอสเตท ที่เน้นลงทุนในกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทระดับบนในราคาที่เข้าถึงได้ที่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว 5 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส และสหราชอาณาจักร โดยมีห้องพักรวมทั้งสิ้น 4,647 ห้อง ในโรงแรมและรีสอร์ทรวม 39 แห่ง

ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา SHR เป็นบริษัทในธุรกิจโรงแรมที่มีอัตราการเติบโตของการเพิ่มขึ้นของรายได้และจำนวนห้องสูงที่สุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งเทียบเคียงในอุตสาหกรรมที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการเติบโตทั้งในรูปแบบของการเติบโตบนทรัพย์สินของตัวเอง (Organic Growth) และในรูปแบบของการเข้าซื้อกิจการ (Inorganic Growth) 

SHR มีทั้งแบรนด์ของตัวเองและแบรนด์พาทเนอร์

แบรนด์หลักที่เป็นของ SHR เอง ได้แก่ Phi Phi Island Village Beach Resot, Santiburi และ SAii 

ในขณะที่แบรนด์พาทเนอร์ค่อนข้างหลากหลายและมีชื่อเสียงระดับโลก เช่น Hard Rock Hotel , Hilton , Mercure , Holiday Inn , Caf? del Mar , Outrigger และเครือ The Leading Hotels of the World (LHW)

SHR ทำธุรกิจโรงแรมผ่านทั้งหมด 4 แพลตฟอร์ม

1) โรงแรมที่ SHR บริหารจัดการเอง ได้แก่ โรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท และโรงแรม สันติบุรี เกาะสมุย ในประเทศไทย

2) โรงแรมที่ SHR บริหารจัดการเองผ่าน Franchise Agreement กับแบรนด์ระดับโลก ได้แก่ SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton ร่วมกับแบรนด์ Hilton และ Hard Rock Hotel Maldives ร่วมกับแบรนด์ Hardrock ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ และ 29 โรงแรมในสหราชอาณาจักร ร่วมกับแบรนด์ Mercure และ Holiday Inn

3) โรงแรมที่ SHR บริหารผ่านสัญญาบริหารจัดการโรงแรม หรือ Hotel Management Agreement ได้แก่ 6 โรงแรมในกลุ่ม Outrigger 

4) โรงแรมที่ SHR บริหารจัดการด้วยแบรนด์ที่ตัวเองสร้างขึ้นเอง เป็น Platform ที่ 4 ซึ่งเป็น Asset Light Model โดย SHR ได้พัฒนาแบรนด์ “SAii” ขึ้นเป็นแบรนด์แรกและใช้บริหารโรงแรมแรก ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการ Crossroads เฟส 1 โดยมีชื่อว่า “SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton” 

งบการเงินของ SHR (2559 - 2561)ถือว่ามีความน่าสนใจ

รายได้ของ SHR เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 63.1% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2559 – 2561 โดยมีรายได้จากการดำเนินงานจากงบการเงินรวม 968.0 ล้านบาท 1,074.0 ล้านบาท และ 2,575.7 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่กำไรสุทธิในช่วงเวลาเดียวกันเท่ากับ 191.1 ล้านบาท 305.8 ล้านบาท และ 450.1 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้และกำไรที่เติบโตเป็นอย่างมากเกิดจากการรับรู้รายได้จากโรงแรมในกลุ่ม Outrigger ที่ SHR เพิ่งซื้อเข้ามาเมื่อเดือนมิถุนายน 2561

อัตราส่วนทางการเงิน (2559 - 2561)ถือว่าค่อนข้างดูดี

อัตรากำไรขึ้นต้นยืนได้เหนือ 40% อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิ 3 ปีเฉลี่ยเท่ากับ 21.9% ตัวเลขอีกตัวที่น่าสนใจคืออัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่อยู่ในระดับ 1.0 เท่า ณ สิ้นปี 2561 เท่านั้น ระยะเวลาในการหมุนเวียนของเงินสดก็ถือว่าดีที่ระดับ -49.9 วัน -44.0 วัน และ -56.1 วัน บ่งบอกถึงสภาพคล่องและความสามารถในการหมุนเงินที่ดี

SHR กำลังจะเข้าตลาดหุ้น

การนำ SHR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ SHR จะเสนอขายหุ้น IPO เป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 40.0 ของทุนชำระแล้วของ SHR ภายหลังการเพิ่มทุน โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวนไม่เกิน 1,437,456,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.0 บาท 

โดย SHR จะเปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญให้แก่ถือหุ้นของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น ระหว่างวันที่ 28 - 30 ตุลาคม 2562 และแก่ประชาชนทั่วไปในวันที่ 1 - 5 พฤศจิกายน 2562 ทั้งนี้ ภายหลังการ IPO แล้ว SHR จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของสิงห์ เอสเตท เช่นเดิม โดยสิงห์ เอสเตท จะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นใน SHR ในสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 58.8

โดยนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นสามัญ SHR สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย อีก 4 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รวมถึงธนาคารกรุงไทย และธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย  ทั้งนี้ คาดว่าหุ้นสามัญของบริษัทจะสามารถเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ โดยรายละเอียดจะได้มีการแจ้งให้ทราบต่อไป ผู้สนใจลงทุนสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.shotelsresorts.com/

SHR มีแผนจะใช้เงินระดมทุนในหลายอย่าง

โครงการที่จะนำเงินก้อนใหม่ไปใช้ ได้แก่ (1) ปรับปรุงพัฒนาโรงแรมที่ SHR มีอยู่ในปัจจุบัน (2) ใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจทั้งในอนาคต (3) การชำระคืนเงินกู้ยืม และ (4) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการทั่วไป 

SHR ตั้งเป้าหมายการเติบโตภายในปี 2568 โดยขยายขนาดของจำนวนโรงแรมและจำนวนห้องพัก เป็นอย่างน้อย 2 เท่า จากที่มีอยู่ในปัจจุบัน 39 โรงแรม เป็น 80 โรงแรม หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 15 ต่อปีผ่าน Business Platform ทั้ง 4 Platform

บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำซื้อ ถือ หรือขายหลักทรัพย์ เพียงแต่เป็นการนำข้อมูลบริษัทมาอธิบายเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นสำหรับนักลงทุนเท่านั้น หากใครสนใจสามารถอ่านข้อมูลของ SHR เพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th และ www.shotelsresorts.com

ลงทุนศาสตร์

บทความนี้เป็น Advertorial