สวัสดีครับ เจอกันเหมือนกันเช่นเคยกับ Weekly Outlook สรุปและอัพเดทกลยุทธ์การลงทุนประจำสัปดาห์ กับผม อัศวินกองทุน สำหรับสัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์แรกที่เข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง เรามาดูกันว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2017 จะเริ่มต้นและจัดการลงทุนได้อย่างไร เปลี่ยนแปลงไปแบบไหน ผมขอเริ่มกันที่ภาพรวมตลาดกันก่อนละกันครับผม


[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน]
สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 3-7 กรกฎาคม 2560


ภาพรวมของตลาด

เริ่มต้นจากทางฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการปรับตัวลดลงจากการเลื่อนพิจารณานโยบายการปฏิรูปประกันสุขภาพออกไปก่อน แต่อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มธนาคารนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากธนาคารขนาดใหญ่ 34 แห่งได้ผ่านผลการทดสอบ Stress test ของธนาคารกลางสหรัฐฯเรียบร้อยแล้ว

ส่วนทางฝั่งของตลาดหุ้นยุโรปนั้น มีการปรับตัวลดลงหลังจากผู้ว่าธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษเริ่มส่งสัญญาณเพิ่มความเข้มงวดทางการเงิน ทำให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อผลประกอบการกลุ่มบริษัทที่ทำการส่งออกในระดับหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นที่มาของการปรับตัวลดลงในครั้งนี้ครับ

ในขณะเดียวกันของโลกอีกฝั่งหนึ่ง ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันครับ หลังจากธนาคารกลางอินเดียให้ธนาคารต่างๆ เพิ่มการตั้งสำรองหนี้สูญ เนื่องจากแนวโน้มปริมาณหนี้สูญในระบบเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้อินเดียเองกำลังมีการเปลี่ยนนโยบายการเก็บภาษีเป็นระบบ GST (Goods and Services Tax) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้ต้องจับตาดูกันต่อไปครับ

ทางด้านปู่ SET บ้านเราเองนั้น จะเห็นว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่เกิดความผันผวนมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ครับ ตอนนี้ยังไม่มีแนวโน้มอะไรชัดเจนนัก

มาดูสินทรัพย์ทางเลือกกันบ้าง ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสหรัฐฯประกาศตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลงมากกว่าตลาดคาดการณ์ และรายงานการผลิตน้ำมันที่ลดลง 100,000 บาเรล/วัน

อย่ารอช้า เรามาต่อกันที่กลยุทธ์การลงทุนกันเลยดีกว่าครับผม


กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุน

ตลาดหุ้นเกาหลีและอินเดีย สำหรับสองตลาดนี้ ผมแนะนำว่า “ชะลอการลงทุน” ทั้งคู่ครับ เนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมามากตั้งแต่ต้นปี มีความเสี่ยงถูกเทขายหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการลดขนาดงบดุลที่เร็วกว่าการคาดการณ์ของนักลงทุน แบบนี้แนะนำให้หยุดก่อนจะดีกว่า

ตลาดหุ้นจีน แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นจีนทั้งสองตลาด เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เห็นได้จากตัวเลข PMI และตัวเลขคำสั่งซื้อในเดือนมิถุนายนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้รัฐบาลจีนมีท่าทีผ่อนคลายกับนโยบายการเงินมากขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางจีนทำการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบธนาคารพาณิชย์สูงที่สุดในรอบ 9 เดือน ดูท่าแล้วน่าจะสดใส ใครที่ยังไม่มีจีนหรือมีไม่เต็มพอร์ท ทยอยจัดไปได้เลยครับ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เจ้านี้แน่นอน ผมมองว่าไปต่อครับ ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ กันต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง จากการปรับตัวเลข GDP ของไตรมาส 1 เพิ่มขึ้นเป็น 1.4% และผลประกอบการบริษัทโดยรวมยังมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แบบนี้ต้องจัดกันครับผม

ตลาดหุ้นยุโรป ช่วงนี้เหมาะในการทยอยซื้อสะสมหุ้นยุโรปจากการคลายความกังวลในทางการเมือง โดยล่าสุดธนาคารกลางยุโรปได้มีการปรับประมาณการตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจหรือ GDP เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจยุโรปที่ชี้ถึงการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมและบริการครับ ลองดูกันต่อไปครับผม

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ยังได้อยู่ครับ ท่องไว้ ฮ่าๆ แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่น หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดที่ออกมาดี รวมถึงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินเยนญี่ปุ่นอ่อนตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยทางบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นครับผม

สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้ : สำหรับประเทศพัฒนาเน้นสะสมตลาดสหรัฐ ยุโรป และ ญี่ปุ่นครับ ส่วนตลาดเกิดใหม่เน้นฝั่งเอเชียเน้นแค่จีนที่เดียวพอครับ


กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นจากการรายงานการขยายตัว GDP สูงกว่าคาด และจาก Economic Surprise Index ที่ต่ำมากของสหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในระยะถัดไป ผมแนะนำว่าให้ระมัดระวังในการเพิ่มอายุการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศหน่อยนะครับ ช่วงนี้

พันธบัตรรัฐบาลไทย : อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นตามผลตอบแทนของตราสารหนี้สหรัฐฯและเยอรมันนี ทั้งนี้ ยังคาดว่าความผันผวนของตราสารหนี้โลกยังส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวของไทยอยู่ครับ ยังไงก็ระมัดระวังการลงทุนไว้ด้วยนะครับ

สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้ : เหมือนเดิมครับ กับสถานการณ์แบบนี้ผมแนะนำให้นักลงทุนเน้นกระจายการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนใน เงินฝาก ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ตราสารหนี้ภาคเอกชน ภาครัฐ สถาบันการเงิน และให้ผลตอบแทนที่ดีแทนครับ


กลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก

ทองคำ : ผมแนะนำให้สะสมทองคำในพอร์ตไว้บ้าง (สำหรับคนที่ยังไม่มี) เพื่อการกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดหุ้น เนื่องจากตลาดหุ้นหลักๆของโลกปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นโลกโดยรวมอยู่ในระดับสูง ทำให้ความเสี่ยงขาลงมีมากหากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบครับ ดังนั้นสะสมไว้ส่วนหนึ่งน่าจะดีกว่า

น้ำมัน : ทยอยซื้อสะสมน้ำมันไปเรื่อยๆครับ ตามตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลงมากกว่าตลาดคาดการณ์ และมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้นในช่วงหน้าร้อน (Driving season) น่าจะทำให้เรามีโอกาสเพิ่มผลตอบแทนในส่วนนี้ครับ

สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้ : ขอแนะนำให้ทยอยสะสมทองคำ และลงทุนในน้ำมันต่อไปครับผม

<

Related Story