จากกองทุนที่เปิดใหม่ในเดือนนี้ เราจะเห็นได้ว่ากองทุนส่วนใหญ่ จะเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่กำหนดระยะเวลาครับ ซึ่งโดยปกติจะออกมาเป็นประจำทุกอาทิตย์อยู่แล้วครับ แต่เราจะเห็นได้ว่ามีกองทุน ทริกเกอร์อยู่ค่อนข้างมากเช่นกันครับ เนื่องจากว่าช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างเยอะครับ กองทุนเหล่านี้ก็ใช้จังหวะนี้แหละครับ ในการเปิดกองทุน เพราะส่วนใหญ่แล้วคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้น และแค่มีการปรับฐานเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะขึ้นต่อครับ

หลายท่านที่ยังไม่รู้ว่า กองทุน Trigger Fund หรือ Target Fund คืออะไร ในบทความนี้ผมจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลยครับ รวมถึงผลของกองทุนเหล่านี้ที่จะกระทบตลาดด้วยครับ

โดยกองทุนเหล่านี้ จะเป็นกองทุนที่กำหนด เป้าหมายการลงทุนไว้ด้วยครับ เช่น จะลงทุนในหุ้น หรือตราสารหนี้ ในระยะเวลาลงทุน 6 เดือน เป็นต้น แต่จุดที่สำคัญคือ จะกำหนดเป้าหมายของกำไรไว้ด้วยครับ เช่น 8 % เมื่อกองทุนสามารถทำผลตอบแทนได้ในระยะเวลาที่กำหนดก็จะประกาศ จ่ายเงินต้นพร้อมกำไรให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนครับ ซึ่งรูปแบบกองทุนแบบนี้จะเป็นกองทุนปิดครับ ในช่วงหลัง ๆ เราจะพบกันได้ค่อนข้างบ่อยครับ

แต่อย่าเข้าใจผิดนะครับว่า เป็นการการันตีผลตอบแทน กองทุนเหล่านี้บอกเป้าหมายแต่ไม่ได้บอกว่า จะได้รับกำไรแน่นอนนะครับ เพราะ นักลงทุนส่วนใหญ่จะมองที่ผลตอบแทน ไม่ได้มองที่ความเสี่ยง ซึ่งกองทุนเหล่านี้ อาจจะเกิดการขาดทุนได้เช่นเดียวกันครับ และเมื่อถึงระยะเวลาดังกล่าว ก็จะถูกขายหน่วยลงทุนคืนในราคาที่ขาดทุนครับ หรืออาจจะแปลงสภาพกองทุนเป็นกองทุนเปิดไปเลย เพื่อที่จะให้นักลงทุนสามารถขายหน่วยลงทุนได้เอง หรือจะรอจนกว่าจะได้ต้นทุนคืนมาครับ ดังนั้นการลงทุนในรูปแบบนี้ให้พึงระลึกไว้เสมอนะครับว่ากองทุนแบบนี้ได้ จำกัดกำไรของการลงทุนไว้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ขาดทุนนะครับ แถมขาดทุนได้ไม่จำกัดเหมือนกำไรนะครับ

จุดน่าสังเกตอีกประการของกองทุนแบบนี้ก็คือ เป็นกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนต้องรีบทำผลตอบแทนให้ได้ดี และเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ หรือตามระยะเวลาที่กองทุนกำหนด ดังนั้นมีโอกาสที่ผู้จัดการจะใช้วิธีบริหารกองทุนแบบกล้าได้กล้าเสีย ไม่กระจายความเสี่ยงมานัก เพื่อผลตอบแทนที่ดีครับ และต้องจับจังหวะการลงทุนที่ถูกทางด้วย ดังนั้นการลงทุนแบบนี้ จะต้องมีผู้จัดการกองทุนที่เก่งกาจพอสมควร แต่ผมบอกได้เลยว่า ไม่มีผู้จัดการกองทุนคนไหนที่ทำผลตอบแทนที่ดีได้ตลอดเวลาครับ และถ้าลองศึกษาข้อมูลลงไปอีกซักเล็กน้อย เราจะพบว่ากองทุนรูปแบบนี้ก็ไม่ค่อยประสบผลเท่าใดนัก ลองดูข้อมูลนี้ครับ

“Trigger Fund ที่ออกกันมาเป็นสถิติใหม่กันเลยทีเดียวกว่า 90 กองทุน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 63,000 ล้านบาท โดยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Trigger Fund ที่ลงทุนในหุ้นไทยกว่า 80% แต่ต้องยอมรับว่ากองทุนส่วนใหญ่กว่า 70% นั้นไม่สามารถทำผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายทำให้ขาดทุนกันมากมาย (ติดลบเฉลี่ย 10-15%) ขณะที่เหลืออีก 30% คือกองทุนที่สามารถทำผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย (ประมาณ 8-10%) ส่วนใหญ่จะเปิดตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีและปิดได้ภายในครึ่งปีแรกของปี”

http://www.morningstarthailand.com/th/news/120297/2556.aspx#sthash.7B8BMdAk.dpuf

แต่อย่างไรก็ตามกองทุน Trigger ที่น่าสนใจและทำผลตอบแทนได้ดีอยู่ก็มีเช่นกันครับ แต่กองทุน Trigger เหล่านี้มักจะเป็นกองทุนที่ออกมาในช่วงตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นชัดเจน ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาก่อนหน้านี้อย่างรุนแรง เรียกได้ว่าอาศัยจังหวะในการทำกำไรนั่นเองครับ

แต่ประเด็นที่ผมจะพูดถึงในวันนี้ คงไม่ได้เป็นการแนะนำให้ลงทุนกับกองทุนใด ๆ นะครับ แต่ประเด็นที่น่าสนใจในตอนนี้ก็คือ

ในเมื่อกองทุน Trigger ที่ออกมามีค่อนข้างเยอะ ทำให้ผมคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นน่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกรอบ และก็เป็นแรงหนุนให้ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นในช่วงนี้ครับ และที่สำคัญในทางกลับกัน ถ้าตลาดปรับตัวลดลง ถึงแนวรับก็จะมีกองทุนเหล่านี้ออกมาขายกันมากขึ้น ก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นอาจจะปรับตัวลงไม่เยอะครับ เรียกได้ว่ากองทุนเหล่านี้ ช่วยกันพยุงตลาดหุ้นในช่วงนี้ก็ว่าได้ครับ

รวมถึงช่วงนี้มีการประกาศผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ออกมาด้วยอีกแรง และนักลงทุนจะเริ่มมองข้ามไปยังปี 2558 ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ดีอีกด้วย และมีแนวโน้มว่า กำไรและผลประกอบการจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผลคาดการณ์ว่าด้วย 3 ปัจจัยนี้จะทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงดีต่อไปสักพักครับ

คราวนี้เรามาดูกองทุนที่น่าสนใจ ที่พวกเราน่าจะลองลงทุนกันดูครับ

เนื่องจากแนวโน้มของประเทศเรากำลังพัฒนาไปในหลาย ๆ ด้านครับ วันก่อนผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาเกี่ยวกับธุรกิจที่น่าลงทุนในปีนี้มาครับ ลองดูกันนะครับว่า

ธุรกิจแบบไหนที่น่าสนใจครับ

ดังนั้นถ้ากองทุนไหนที่เข้าไปถือหุ้นในธุรกิจเหล่านี้ผมคาดกว่าน่าจะมีการปรับตัวสูงได้มากนะครับ

โดยเฉพาะ อุตสาหกรรม Healthcare ทั้งนอกบ้าน ในบ้านเราครับ

สรุป สาระของวันนี้คือ

1. กองทุน ทริกเกอร์ น่าจะมีส่วนในช่วยให้ตลาดหุ้น ปรับตัวลงมาไม่มากอย่างที่คิดครับ

2. ตลาดหุ้นบ้านเราน่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก

3. กองทุนที่น่าสนใจคือกองทุนที่มี ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้ครับ

ขอให้โชคดีในการลงทุนกับกองทุนรวม ครับ ^_^