จากที่ผมได้ยินข่าวที่น้อง ๆ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้มีโอกาสไปแข่งขันการประกวดวงโย ฯ ระดับโลก

แต่เนื่องจากว่างบประมาณไม่พอ และต้องการเงินด่วน  (อย่างกับโฆษณาบัตรกดเงินสด)

จึงทำการขอยืมเงินจากผู้ใหญ่ใจดีไปแข่ง (และที่สำคัญได้เงินด้วย o_0 ……….แหม ผมน่าจะไปขอบ้าง คือจริง ๆ ผมก็อยากได้เงินไปแต่งเมียนะครับคุณตัน  T-T)

สุดท้ายก็เลยกลายเป็น มหากาพย์ดราม่าให้กับ จ่าพิชิต คนดัง ได้มีงานพิมพ์ดราม่าอีกครั้ง

หลังจากบ่นว่า “ไม่มีดร่าม่ามัน ส์ ๆ เบย” มาหลายวันแล้ว

รวมถึงยังมีเซเลปอีกหลายคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ทั้งเรื่องภาษีบ้าง บางรายก็ออกมาแฉให้ฉาวโฉ่ว ฯลฯ

แน่นอนว่า ผมเองก็ขอแจมด้วยละกัน (ฮ่า ๆ) แต่จะขอเสนอแนวทางที่จะช่วยเหลือละกันนะครัชชช

 

เผอิญว่าช่วงก่อนหน้านี่ ว่าผมได้อ่านบทความที่น่าสนใจ

ในบทความนั้นพูดถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาสังคม

ส่วนรายละเอียดสามารถติดตามได้ที่ http://thaipublica.org/2013/12/social-impact-bond-structure/

แต่ถ้ามันยาวไป เลยไม่อ่าน ก็ให้ลองชมคลิปนี้ดูก็ได้นะครับ http://www.youtube.com/watch?v=E6GrQtCh83w

 

 

ทำให้ผมคิดว่า ถ้าเรานำผลิตภัณฑ์ทางการเงินเหล่านี้มาช่วยสังคมไทยที่มีความแตกต่างทางรายได้มาก ๆ

ผมเชื่อว่าจะเป็นการช่วยกระจายความมั่งคั่งจากคนรวย ไปสู่คนที่ไร้โอกาสได้ดีเลยทีเดียว

 

 

ดังนั้นวันนี้ผมจะขอพูดถึง “กองทุนเพื่อสังคม” ละกันนะครับ (กริ่นอย่างนานอะ)

กองทุนเพื่อสังคม คืออะไร? ทำได้อย่างไร ? และทำไมผมถึงเสนอวิธีการนี้

แน่นอนครับว่า ผมเขียนเรื่องกองทุน ก็ย่อมที่จะต้องโยงเรื่องเข้าสู่กองทุน (เดี๋ยวไม่มีงานทำ…..กระซิก ๆ….)

 

 

กองทุนที่ผมกำลังจะพูดถึงอยู่นั้น จริง ๆ แล้วก็เป็นเหมือนกองทุนทั่วไปนี่แหละครับ

ที่นักลงทุนเอาเงินมารวมกันแล้วก็มอบให้กับผู้จัดการกองทุนเป็นผู้นำไปลงทุน

เมื่อเกิดผลกำไรก็นำมาให้แบ่งกันตามสัดส่วนเงินลงทุนของผู้ลงทุนนั้นเอง

แน่นอนว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายให้กับผู้จัดการกองทุนด้วย(แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น)

 

 

คราวนี้ให้ผู้อ่านลองนึกภาพดูนะครับ ถ้ามีการตั้งกองทุนขึ้นมา โดยมีเป้าหมายที่จะทำกำไร

แต่ก็แบ่งกำไรบางส่วนเหล่านั้นมาแบ่งให้กับองค์กรอิสระที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม

หรือ เป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เรียนดี หรือแม้แต่สงเคราะห์คนพิการ

ก็สามารถที่จะทำได้เช่นกัน ผมขอยกตัวอย่างนะครับ เช่น

 

กองทุนมีสินทรัพย์ 100ล้านบาท

จากการลงเงินของนักลงทุนใจดี สมมติว่า 1ปี ผ่านไปกองทุนสามารถทำผลตอบแทนได้ 8 %

คือ 8 ล้านบาท ก็นำเงิน 8 ล้านนั้นมาแบ่งเป็น 2ก้อน ก้อนแรกคืนกำไรให้กับนักลงทุน 4 ล้านบาท

อีกก้อน 4 ล้านบาท ก็สามารถนำไปทำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมได้

 

 

 

ดังนั้น นักลงทุนเองก็ได้ผลตอบแทน + ได้บุญ  ส่วนคนที่ไร้โอกาสก็ได้โอกาสพัฒนาชีวิต

เท่านี้เงินจากผู้ร่ำรวยในประเทศ ก็จะกระจายสู่สังคมไทย

โดยที่ผู้ใหญ่ใจดีหลาย ๆ ท่านไม่ต้องให้ยืมเงินและไม่ต้องลุ้นว่าจะได้เงินคืนหรือไม่ (เอิ้ก ๆ)

ผมว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินเข้าช่วยเหลือสังคมไทย

อ่ะ!!! สุดท้านนี้แน่นอนครับว่า เรามาเริ่มจากการช่วยกันลงเงินใน “กองทุนเพื่อสังคม”

ส่งน้อง ๆ ไปประกวดวงโย ฯ ในปีหน้ากันดีกว่านะครับ (อุ๊ปส์……)