สายฝนโปรยลงมาอีกแล้ว ลองมองดูเม็ดฝนที่เกาะพราวบนกระจกรถ, หน้าต่างบีทีเอส, หรือบริเวณผิวลื่นๆ ของร่มสิ มันให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำปนเปลี่ยวเหงาไม่น้อย ยิ่งถ้าได้เพลง เป็นเพราะฝน กับเบียะ… (น้ำเก๊กฮวย)  อ๊ะ! เดี๋ยวๆๆ นี่มันเกี่ยวกับเรื่องการเงินยังไงเนี่ย!?

 

Money Ideas ขอบอกค่ะ ว่าสองเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกัน! ยังไงน่ะเหรอคะ ก็…

 

ทั้งฝนและเงินทำให้เรา ‘เศร้า’ ได้น่ะสิคะ :’(

 

 

ช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคมอย่างนี้คงเป็นฤดูที่ใครหลายคนทั้งรักและทั้งยี๊ในเวลาเดียวกัน รักเพราะสายฝนช่วยปัดไล่ความร้อนระอุของเดือนเมษายนให้ทุเลาลง และเกลียดที่บางทีมันก็นำมาบรรยากาศเหงาๆ มาให้ทำให้หัวใจห่อเหี่ยวและเศร้าสร้อย

 

และยิ่งไปกว่านั้น! สายฝนยังทำให้เราต้องเสีย ‘เงิน’ โดยใช่เหตุด้วยค่ะ!!

 

หากคุณยังคิดไม่ออกว่าฤดูฝนทำร้ายเรามากมายแค่ไหน Money Ideas ขออนุญาติยกมือขึ้นสูงเหนือหัว ออกตัวเป็น volunteer นำเพื่อนๆ ไปรีเช็ครอยแผลที่สายฝนฝากไว้กับกระเป๋าตังค์ของเราให้ค่ะ

พร้อมแนะนำวิธีป้องกันง่ายๆ ให้กับเพื่อนๆ เพื่อจะได้ก้าวผ่านหน้าฤดูกาลอันโหดร้ายนี้ได้โดยไม่เลอะคราบมาสคาร่า มาเริ่มกันเลย!

 

 

 

1. ฝนตกคราใด ได้ร่มใหม่ตลอดเลยจ้ะ

 

อุ๊ย! ต้องมีคนสะดุ้งกันบ้างแหละ ออกบ้านทีไร เงยหน้ามองฟ้า ก็เห็นท้องฟ้าโปร่ง แจ่มใสดีนี่นา แต่ไหงพอตกบ่ายตกเย็นปุ๊บ มาแล้วจ้ะ สายฝนที่รัก จะรอให้กลับถึงบ้านก่อนก็ไม่ได้ เล่นเทลงมาหนักอย่างกับลงโทษที่เธอลืมพกร่มติดตัวมาแน่ะ เลยต้องแวะเข้าร้านค้าเพื่อซื้อร่มสักคันมาใช้แก้ขัด (ความไดโซะต่างๆ) เธออาจจะคิดว่าการลงทุนซื้อร่มในครั้งนี้มันคุ้มค่าเพราะร่มราคาไม่กี่บาทเอ๊งงง! แต่เธอลองนึกดีๆ นะ กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องเสียเงินกับการซื้อร่มฉุกเฉินแบบนี้ ถ้าคิดเป็นเงิน เธอเสียเงินไปกับมันเท่าไหร่แล้ว!

 

นี่ยังไม่รวมเสื้อกันฝนอีกนะ!!!

 

ถ้าเธอจะรวบรวมร่มและเสื้อกันฝนเพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์วัตถุกันฝนในอนาคตล่ะก็ เราจะไม่ว่าอะไรเลย! แต่ส่วนใหญ่ซื้อแล้วมักเอาทิ้งไว้ที่บ้านให้รกเกะกะเฉยๆ น่ะสิ

 

วิธีป้องกันไม่ให้เงินในกระเป๋าหลุดลอยไปเพราะที่กันฝนรายวันพวกนี้ นั่นคือการมั่นตรวจเช็คสภาพอากาศ ซึ่งเดี๋ยวนี้เราสามารถตรวจเช็คได้ง่ายขึ้นผ่านโทรศัพท์มือถือ ไม่ต้องนั่งจดจ่ออยู่หน้าจอทีวีรอ รายการฝนฝ้าอากาศ อีกต่อไปแล้ว แค่ทุกเช้าคุณยอมเสียเวลาเช็คซักนิด ถ้าสมมติมีเค้าว่าฝนจะตก (แอปพลิเคชั่นแจ้งว่ามีโอกาสที่ฝนจะตก 30-70 เปอร์เซ็นต์) ละก็ เธอควรหยิบร่มพับติดตัวไปด้วยก่อนออกจากบ้าน กันไว้ดีกว่าแก้ จะได้ไม่ต้องเสียเงินจุ๊บจิ๊บ

 

 

 

2. กลับตัวก็ไม่ได้ ให้นั่ง (แท็กซี่) ต่อไปก็ไปไม่ถึง

 

เหตุการณ์ที่มักเกิดขึ้นควบคู่กับฤดูฝนที่มาถึงคือ... รถติดค่ะ! (น้ำตาตกในเล็กน้อยตอนได้ยิน) แค่วันธรรมดา ท้องฟ้าแจ่มใส การจารจรในกรุงเทพฯ ก็แย่มากพออยู่แล้ว ยิ่งฝนตก...คุณเอ้ยยย! อย่าให้ said ทั้งเศร้าทั้งหงุดหงิดค่ะ

 

ใครก็ตามที่ใช้บริการรถแท็กซี่ในช่วงเวลาฝนตก คงหงุดหงิดไม่น้อยที่รถแทบไม่เคลื่อนที่เลย แต่ตัวเลขบนจอมิเตอร์ดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมเสียเงินค่าแท็กซี่กลับบ้าน (หรือไปยังสถานที่นัดหมายอื่นๆ) ไม่ถึงร้อยบาท ไม่ก็ร้อยต้นๆ กลายเป็นว่าพอฝนตก ค่าแท็กซี่อัพเป็น 250+ บาทเลยจ้าาา! แถมบางครั้งยังทำให้เราไปถึงที่นัดหมายสายอีกต่างหาก!!

 

วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เราเสียเงินค่าแท็กซี่ในราคาเกินเหตุคือการเช็คเส้นทางบน Google Maps ให้ดีซะก่อนว่าถนนเส้นไหนมีแนวโน้มรถติดน้อยที่สุด ให้เราเลือกไปเส้นทางนั้นค่ะ ส่วนอีกวิธีที่จะช่วยประหยัดเงินและลดเวลาเดินทางได้มากขึ้นคือการเลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะอย่าง BTS และ MRT แทน รับรองไม่มีภาวะรถไฟฟ้า (บนดิน-ใต้ดิน) ติดแน่นอนค่ะ!

 

 

 

3. ฝนเอยทำไมจึงตก จำเป็นต้องตกเพราะว่ารถเพิ่งล้าง

 

เลื่อนรถเข้าไปในคาร์แคร์แบบสวยๆ กะให้เขาล้างรถให้เงาวิ้ง ขัดแว๊กซ์ให้เงาวับ แต่ขับรถออกมาได้ไม่กี่ร้อยเมตร ฝนตกจ้าาา! ดั่งนรกชังสวรรค์แกล้ง ที่ล้างให้เงาวับเมื่อกี้คืออะร๊ายยย เจ็บปวดจริงๆ ค่ะ สายฝนทำกับเราได้เจ็บปวดจริงจริ๊งงง

 

ทางแก้ที่ดีที่สุดของการล้างรถในหน้าฝนคือเลือกวันดีๆ ค่ะ ปรึกษากรมอุตุจากแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์ก็ได้ค่ะว่าช่วงไหนพายุไม่เข้า แต่ถ้าหากรถของคุณสภาพไม่ไหวแล้ว จำเป็นต้องล้างแบบสุดๆ คุณอาจจะลองหาเวลาว่างออกแรงเพื่อล้างรถที่รักด้วยตัวเองดูค่ะ ประหยัดเงิน แถมได้ดูแลเค้า (รถของคุณ) ด้วยตัวเองอีกด้วย

 

 

 

4. คาเฟ่เรียกหาในวันฝนตก

 

อ้าาา ออกมาข้างนอก แล้วฝนดันตก จะกลับบ้านก็กลับไม่ได้ งั้นขอแวะเข้าคาเฟ่สักแห่งเพื่อหลบฝนสักชั่วโมงสองชั่วโมง สั่งกาแฟ ไม่ก็โกโก้ร้อนมาดื่มสักแก้ว กับครัวซองสักชิ้น... อุ๊ย ฝนยังไม่หยุดตก งั้นสั่งวาฟเฟิลร้อนๆ มากินต่อแล้วกัน เอ๊ะ เครื่องดื่มก็หมดแล้วนี่ ‘พี่คะ! ขอชาร้อนเพิ่มแก้วหนึ่งค่ะ’

 

เราไม่ได้ห้ามนะหากคุณจะเข้าไปร้านคาเฟ่เพื่อดื่มด่ำกับขนมนมเนยพร้อมกับมองดูเม็ดฝนที่ไหลลู่ตรงกระจกหน้าร้านน่ะ เพราะมันช่างเป็นบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกฟินจริงๆ แต่!!! ไม่ควรทำบ่อยค่ะ กิจกรรมนี้นานๆ ทำทีจะดีต่อใจมากค่ะ แต่ถ้าทำบ่อยๆ ล่ะก็ ไม่ดีต่อกระเป๋าตังค์ของคุณแน่ๆ

 

วิธีป้องกันน่ะเหรอ หักห้ามใจค่ะ อาจจะเลือกเครื่องดื่มอุ่นๆ สักแก้วเพื่อปรับอุณหภูมิของร่างกายระหว่างรอให้ฝนหยุดตก แต่อย่าให้ความหอมหวานของชิฟฟ่อนและเครปเค้กทำร้ายเราได้ค่ะ หากจะกิน ก็ควรกินอย่างพอเหมาะเพื่อเซฟเงินในกระเป๋า แถมยังไม่อ้วนแผละด้วยนะ!

 

 

 

5. กลางคืน... ฝนตก... ความเหงาก็เริ่มแทรกซึม

 

หลายค