"เจาะลึก 8 เทคนิคขายภาพ Vector ให้มีรายได้หลักแสนต่อเดือน!!!"


ทุกวันนี้ใครหลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า การทำงานหรือประกอบอาชีพเพียงอาชีพเดียวอาจจะไม่เพียงพอกับค่าดำรงชีพในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร, ค่าน้ำ, ค่าไฟ หรือค่าเดินทางต่างๆ ทำให้หลายๆคนเริ่มมองหาอาชีพที่ 2 หรือพยายามตามหาสิ่งที่เรียกว่า Passive Income เพื่อที่จะช่วยผ่อนแรงและเป็นสร้างหนทางสู่ความสำเร็จในชีวิตของตนเอง

แล้วเกี่ยวอะไรกับ Photo Stock?

หากเราถ่ายรูปเพื่อส่งขายก็ไม่เห็นจะต่างกับการทำอาชีพเสริมอื่นๆเลย แถมบางทียังต้องเสียเวลาออกไปถ่ายรูปอีกต่างหาก แต่ที่จริงแล้ว หากเราศึกษาจริงๆการถ่ายรูปแล้วนำไปขายตามเว็บไซต์ต่างๆสามารถสร้างรายได้ในแบบที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว เพราะการถ่ายรูปขายนั้นเพียงแค่เราลงรูปภาพเพียงครั้งเดียวก็สามารถขายได้ไปตลอด (ขึ้นกับความนิยมของรูปภาพด้วย)

แต่จากสถิติพบว่าภาพถ่ายที่ถูกอัพโหลดเพื่อขายบนเว็บไซต์เหล่านี้มีจำนวนมาก หลายแสนภาพต่อสัปดาห์ และชาติที่ส่งภาพมากเป็นอันดับ 1 คือประเทศไทยเสียด้วย!!! แสดงให้เห็นว่าตลาดของการทำ Photo Stock เติบโตขึ้นอย่างมาก เท่ากับมีคู่แข่งในตลาดเยอะมากเช่นกัน

และเมื่อคลื่นลูกเก่ากำลังเคลื่อนไป หลายคนก็เริ่มกลับมาให้ความสนใจกับอาชีพที่มีความใกล้เคียงกันแต่ก็สามารถสร้างรายได้ไม่น้อยกว่าการทำ Photo Stock นั่นก็คืออาชีพ Vector Creator ซึ่งหากทำงานจนเป็นที่นิยมก็สามารถสร้างรายได้หลักแสนต่อเดือนได้เลยทีเดียว!!!

แล้วการเป็น Vector Creator ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง? เราทำรูปภาพไม่เก่งแล้วจะทำได้มั้ย? Money Ideas รวมทุกเทคนิคทำยังไงให้เป็น Vector Creator ได้ในแบบเข้าใจได้ง่ายเลยทีเดียว

1. เริ่มต้นเดี๋ยวนี้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่จุดไหนก็ตาม
แน่นอนว่าหากเราต้องการเป็น Vector Creator สิ่งแรกที่เราต้องทำไม่ใช่แค่การอ่านหนังสือเพื่อศึกษาหาความรู้เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือการเริ่มต้นลงมือทำเดี๋ยวนี้! จำไว้เสมอว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณตัดสินใจลงมือทำแล้ว หากไม่มีความรู้ด้านโปรแกรม ลองค้นคว้าจาก Internet ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรือแม้แต่ใน Youtube เมื่อเริ่มต้นทำสิ่งที่คุณจะได้ศึกษาและเรียนรู้ทุกขั้นตอนผ่านผลงานของคุณ เพราะฉะนั้น เริ่มต้นเลยตั้งแต่ตอนนี้!!!


2. จัดเวลาให้ดี
ข้อนี้แนะนำสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นการทำ Vector เป็นอาชีพเสริม เพราะกาทำงานทุกอย่างควรบริหารจัดการทั้งเวลาในการคิดและออกแบบงาน, การออกแบบและสร้าง Vector, การคิด Keyword เพื่อใช้ในการค้นหา และอื่นๆ ดังนั้นการแบ่งเวลาจะช่วยผ่อนแรงของคุณไปได้อย่างมาก

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือความสม่ำเสมอในการส่งผลงาน ยิ่งเราส่งผลงานอย่างสม่ำเสมอและรักษามาตรฐานของผลงาน ก็ยิ่งทำให้ผลงานของเราถูกค้นเจอเสมอๆ และเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้กับตัวเองด้วย


3. ศึกษากฎเกณฑ์ของการสมัคร
แน่นอนว่าแต่ละเว็บไซต์จะมีกฎการสมัครเพื่อใช้ในการลงรูปภาพไม่เหมือนกัน บางเว็บไซต์จะใช้การส่งรูปภาพเพื่อทดสอบก่อน หรือบางเว็บไซต์ก็สามารถวางขายภาพได้เลยแต่ลูกค้าสามารถขอคืนเงินที่ซื้อได้หากรู้สึกว่าภาพไม่เหมาะกับงานนั้นๆ


นอกจากนี้การส่งผลงานต่างๆ แต่ละเว็บไซต์มีรายละเอียดหรือข้อห้ามแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนวางขายรูปควรศึกษารายละเอียดต่างๆ เช่นขนาดภาพที่จะลง, ประเภทของไฟล์ภาพ, การรับเงินค่าผลงาน และอื่นๆ ก็มีผลกับงานของเราเช่นกัน


4. ไอเดีย ไอเดีย ไอเดีย!!!
ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปภาพขายหรือการทำ Vector เองต่างมีจุดร่วมที่สำคัญมากก็คือ การสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเองเท่านั้น ไม่ควรคัดลอกหรือดัดแปลงจากผลงานของคนอื่น แน่นอนว่าเราอาจจะได้แรงบันดาลใจจากหลายๆที่ แต่การทำผลงานด้วยตนเองแต่เริ่มแรกย่อมมีความเป็น ‘ตัวตน’ ของเจ้าของผลงานมากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าจะเริ่มทำอะไรก็ตาม แม้กระทั่งการจัดวาง Layout ของผลงานก็ตาม การจัดวาง Layout แบบทั่วไปย่อมได้รับความนิยมน้อยกว่า ดังนั้นไอเดียคือสิ่งสำคัญที่สุด


5. รู้จักลูกค้า
การขายของสิ่งสำคุณคือรู้ว่าเราต้องการขายใคร แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้บนโลกออนไลน์คือสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างยาก แต่สิ่งที่สามารถช่วยเราได้คือ การเรียนรู้ว่าเว็บไซต์ที่เรานำภาพไปวางขายนั้น กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่คือใคร เพราะนั่นช่วยให้เราสามารถเตรียมผลงานหรือจัดโปรโมชั่นต่างๆให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ อย่าลืมว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่เลือกซื้อ Vector นั้นมักซื้อเพื่อใช้เป็นส่วนประอบของการทำภาพใหญ่อีกที ไม่เน้นภาพที่ทำเป็นแบบสำเร็จรูปมากนัก

6. อย่าลืมเรียนรู้ด้านการตลาด
สำหรับข้อนี้เราขอเสนอแนะวิธีการที่ช่วยทำให้ภาพของคุณสามารถขายได้ดียิ่งขึ้น โดยเมื่อเราขายรูปภาพไม่ว่าจะที่เว็บไซต์ใดก็ตาม สิ่งสำคัญรองลงมาคือการใส่ Keyword เพื่อให้ภาพของเราถูกค้นหาได้ง่ายและพบได้เร็วที่สุด เพราะหากภาพของเรามี Keyword ที่เกี่ยวข้องหรือสามารถหาได้เจอง่ายเท่าไหร่ โอกาสที่จะขายภาพได้ก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย เช่น หากเราทำไอคอนเกี่ยวกับกาแฟ นอกจากจะใส่ Keyword คำว่า Coffee แล้วอาจจะเพิ่มเติมด้วยชนิดของกาแฟ เช่น Latte, Mocha, Cappucino, Espresso หรือคำว่า Beverage แม้แต่คำว่า Cup เองก็สามารถนำมาใช้ได้หากสิ่งเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับผลงานของคุณ คำแนะนำคือการคิด Keyword ให้กว้างเข้าไว้และครอบคลุมผลงานของคุณเอง นอกจากนี้ Keyword ยังจะคิดให้นอกกรอบคือนอกจากคิดเป็นรูปธรรม และบางครั้งยังต้องคิดให้เป็นแบบนามธรรมด้วย เช่น รูปบ้านก็สามารถคิดคำว่า House, Home, หรือ Village ก็ได้แต่ลองเพิ่มคำเช่น Family, Loan, หรือแม้แต่ Sale ก็ทำให้ Keyword ครอบคลุมมากขึ้น


อีกเรื่องที่สำคัญคือการตั้งราคาให้เหมาะสมกับปริมาณและคุณภาพ แน่นอนว่าระหว่างภาพ 1 เซ็ตมี 20 รูปกับภาพ 1 เซ็ตมี 50 รูป โอกาสในการขายก็ย่อมแตกต่างกันอย่างมาก


7. ภาษาอังกฤษก็จำเป็นนะ
นั่นเพราะการลงรายละเอียดข้อมูลต่างๆ หรือแม้แต่การใส่ Keyword ต่างก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ยังมี Creator อีกจำนวนมากที่อาจจะยังไม่คล่องภาษาอังกฤษ ทำให้พลาดโอกาสดีๆที่จะได้ร่วมงานกับบริษัทดังๆ โดยเริ่มต้นจากการขายผลงานผ่านเว็บไ