วันนี้ผมลองเอากราฟดัชนี SET Index ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาดูว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้นี้เป็นอย่างไร (บทความเขียนในเดือน พฤศจิกายน 2560 นะครับ เผื่อใครมาอ่านย้อนหลัง) และกราฟนี้ก็นำมาจาก Application ชื่อว่า AVA เผื่อใครจะลองเล่นดูนะครับ

จะเห็นได้ว่าในปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคมนั้นกราฟของ SET Index มันเป็นช่วงนิ่งๆ ขึ้นลงในกรอบของมัน ไม่ได้ไปไหน จะขึ้นก็ไม่ขึ้น จะลงก็ไม่ลง ถ้าเปรียบกับช่วงชีวิตของคนเรานั้นก็ไม่ต่างกับการที่ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรต่อดี นักลงทุนไม่น้อยก็คงนั่งตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะไปต่อหรือจะถอดใจดี

แต่พอมาถึงช่วงสิงหาคมเป็นต้นไป ดัชนีตลาดหลักทรัพย์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเลยและก็ทะลุ 1,700 จุดจนได้ ก็เปรียบเหมือนช่วงที่กราฟชีวิตของเรากำลังขึ้นและมีความสุขกันนะครับ

พอเห็นข้อมูลย้อนหลังเป็นแบบนี้ เราก็คงจะกลับมานั่งทบทวนกันว่า เออ… ในช่วงต้นปีเราตัดสินใจอย่างไรกันนะ บางคนอาจจะมองว่าตอนต้นปีนั้นดัชนีหลักทรัพย์เมื่อเทียบกับ P/E ที่ลดลงแล้วก็อาจจะเป็นจังหวะในการซื้อได้ แต่ถ้าราคาไม่ไปไหนก็รอหน่อยแล้วกันเพราะยิ่ง P/E ลดก็จะรู้สึกว่าเกิดความปลอดภัยในการลงทุนมากขึ้นเข้าไปอีก การตัดสินใจของแต่ละคนนั้นก็ต่างกัน บางคนซื้อไปเลย บางคนรอคอย บางคนเห็นนิ่งๆ ก็ขายหุ้นทิ้งเก็บเงินสดไว้ รอดูจังหวะอีกที 

นี่ล่ะการลงทุนมันคือเรื่องของความเสี่ยง จังหวะที่มันเดินไปเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ผลประกอบการไม่รู้จะออกมาดีหรือไม่ และราคาหุ้นในขณะที่เรากำลังตัดสินใจว่าจะซื้อด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม มันจะเป็นไปในทิศทางที่คิดหรือเปล่า ในกรณีดัชนีตลาดหลักทรัพย์หรือราคาหุ้นนิ่งมานาน แต่ใครจะรู้ว่าท้ายสุดแล้วในปลายปีขึ้นกลับขึ้นซะงั้น ซึ่งถ้าเราลงทุนในดัชนีไม่ว่าจะเวลาใดก็ตามในช่วงที่ผ่านมา ปลายปีเนี่ยกำไรกันทุกคนอยู่แล้ว

สำหรับคนที่ยังไม่ได้มีประสบการณ์ในการลงทุนมาก ผมก็เลยอยากจะเสนอว่า มันจะดีกว่าไหมถ้าเราลงทุนด้วยการออมหุ้นแบบ DCA ที่จะเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก โดยการแบ่งซื้อรายเดือนทีละครั้งตามเงินออมที่เรามี โดยปกติแล้วราคาหุ้นที่ขึ้นลงมักจะทำให้เราเกิดอารมณ์ในการลงทุนได้ หุ้นขึ้นก็กลัวไม่ได้ซื้อ หุ้นลงแล้วกลัวไม่ได้ขาย แต่พอขายไปแล้วหุ้นกลับขึ้นไปอีก แต่ DCA จะช่วยในการสะสมหุ้นในทุกช่วงราคาตามระบบขิงมัน จึงทำให้เราอารมณ์นิ่งขึ้นในการลงทุน ไม่หวั่นไหวต่อราคาที่ขึ้นๆ ลงๆ ได้

ผมแชร์กราฟชีวิตและความรู้สึกของผมให้ฟังนะครับ ของผมจะรู้สึกอย่างงี้

  • ช่วงที่หุ้นไม่ขึ้นไม่ลงช่วงต้นปี: ผมก็ทะยอยซื้อหุ้นได้เรื่อยๆ อารมณ์ของเราจะเป็นแนวๆ ว่า ไม่ขึ้นก็ดีเนอะ เก็บหุ้นราคาเดิมได้อยู่ และมันก็ไม่ลงเนอะ ขาดทุนก็ไม่มาก อย่างน้อยหุ้นบางตัวเราก็ได้เงินปันผลมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารละนะ
  • ช่วงที่หุ้นขึ้นในปลายปี: ตอนนั้นผมจะรู้สึกว่า โอ้ววว ดีใจจังหุ้นขึ้นแล้ว ที่ซื้อมานั้นกำไรรัวๆ และผมก็ยังซื้อต่อไป โดยอาจจะเสียดายไปบ้างที่เงินจำนวนเท่าเดิมจะซื้อหุ้นได้น้อยลงเพราะราคาหุ้นมันขึ้นไปแล้ว แต่เอาหน่ะ ซื้อได้น้อยแต่ราคาขึ้นความมั่งคั่งก็ขึ้น ก็โอเค

ถ้าถามผมว่าในอนาคตมีโอกาสพบช่วงจังหวะกราฟหุ้นลงไหม แน่นอนครับมันก็เกิดได้อยู่แล้ว ชีวิตของคนเราก็เหมือนหุ้นละครับ มีช่วงหุ้นขึ้นและช่วงหุ้นลง มีช่วงดีใจและช่วงเสียใจ เราทยอยซื้อไปเรื่อยๆ ช่วงที่หุ้นลงก็เป็นจังหวะที่สร้างโอกาสให้เราได้ซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลงได้ ก็เป็นแง่ดีเช่นกันไม่ใช่หรอออออ

อย่างไรก็ตามนะครับในการศึกษาเรื่องหุ้น ราคามันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เราก็ต้องศึกษาพื้นฐานให้ดีว่าหุ้นแบบไหนที่เราควรจะลงทุนและสามารถซื้อแบบ DCA ได้ ในเรื่องเดียวกันของกราฟชีวิตของเรานั้นในช่วงที่เรากำลังดีใจก็อย่าลืมเตือนตัวเองนะว่ามันไม่ได้ดีใจไปได้ตลอดหรอก แต่ในช่วงเสียใจมันก็จะไม่ทำให้ชีวิตเราต้องแย่ตลอดไปเช่นกัน ก็ต้องจัดการกับตัวเองให้ดี พัฒนาตัวเองตลอดเวลา ทั้งในแง่ความรู้ความสามารถ การใช้ชีวิต รวมถึงการเงินและการลงทุนด้วยครับ