คนเราทุกวันนี้ชอบดราม่ากันจัง ดราม่าในทีวีไม่พอ ดราม่ายันชีวิตตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องเงิน! ขอเริ่มต้นด้วยคำถามนี้ก่อนเลยดีกว่า...

ทุกวันนี้ที่เราทำมาหากินกันอยู่เนี่ย อยากได้อะไรตอบแทนมั้ยคะ หรืออยากทำฟรีๆ?

หลายคนตอบแบบไม่ต้องคิดว่า... อยากสิเธอ ถามได้

แล้วทำไม...พอเราได้เงินมาแล้ว เราถึงเอาไปให้คนอื่นก่อนตัวเองล่ะคะ???

เอ้า..งงๆๆ ไม่ต้องงงค่ะ คนส่วนใหญ่ทำแบบนั้นอยู่ทุกวี่ทุกวัน

ดราม่าเรื่องเงินมันเริ่มด้วยการเอา “ภาระ” หรือค่าใช้จ่ายมากำหนดชีวิต มีทั้งภาระจำเป็นจริงๆ กับไลฟ์สไตล์หรือความจำเป็นปลอมๆ ที่เราตีกรอบขึ้นมาเอง

เป็นมั้ยคะ..ก่อนวันเงินเดือนออก ค่าใช้จ่ายมายืนเท้าสะเอว กระดิกมือรออยู่ก่อนแล้ว พอก้มหน้าจ่ายบิลทั้งหลายทั้งปวง เงยหน้ามาอีกที เฮ้ย เงินหมด!!

คิดง่ายๆ ถ้าผ่อนบ้านผ่อนรถรวมกันแล้วเกิน 50% ของรายได้นี่ก็อยู่ยากแล้วนะ ไหนจะค่าน้ำมัน ค่ากิน ค่าผ่อนมือถือใหม่ ค่าน้ำไฟโทรศัพท์มือถือเน็ท รวมแล้วไม่ปาไป 70-80%?

ไหนจะต้องให้พ่อแม่บุพการีลูกเต้า กินเที่ยวช้อปชิมที่ต้องมีไว้แชร์บนโลกโซเชี่ยลอีก ที่ว่าๆ มาเนี่ย เราบอกว่าจำเป็นทั้งนั้น และมันก็เป็นการมอบเงินให้คนอื่นทั้งนั้น

ถ้าเธอใช้ชีวิตแบบที่ว่ามา.. แค่ใช้ให้พอไม่ต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตยังยากเลย แล้วจะเอาที่ไหนไปเหลือเก็บลงทุนเพื่อตัวเอง? พูด!!

เนี่ยแหละ คือดราม่า คือวงจรอุบาทว์ค่ะ

เราตั้งโจทย์ชีวิตกันแบบนี้หรือไม่ ลองคิดดู

เงินที่บอกว่าจำเป็นต้องใช้   ►   วิ่งไปหาเงิน   ►   เอามาจ่าย   ►   แล้วไม่เหลืออะไร

มันเสี่ยงจะทำให้ลำบากในบั้นปลายนะ นี่เธอกำลังใช้ชีวิตแบบรักตัวเองอยู่รึเปล่า?

ถ้าเธอไม่โฟกัสโดยเริ่มที่ “ให้” ตัวเองก่อน สุดท้าย..จะมีแต่ความทุกข์กังวลใจแถมหน้าเหี่ยวก่อนวัยอันควร (ซึ่งนั่นก็ต้องใช้เงินในการรักษาอีก) คนเราถ้าไม่มีเงิน มีแต่หนี้ นอนหลับสบายมั้ย ความมั่นใจร่อยหรอมั้ย ถามใจตัวเธอดู

โอเค มาดามฟินนี่ หล่อนเริ่มทำให้คนเครียดปวดหัวตึ้บๆกันละ งั้นจะให้ทำยังไง?? 

เนื่องในโอกาสเป็นบทความเปิดตัว มีอะไรจะให้เธอ...

"คาถามออกจากดราม่าเรื่องเงิน"

อันนี้เค้าใช้กันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายทุกเชื้อชาติ ยัดใส่มือให้ เอาไปเลยค่ะ...

“หามากกว่าใช้ ได้มาแล้วเก็บออม ลงทุนแบบมีสติปัญญา”

ธรรมดาไปใช่มั้ย?

แล้วทำได้มั้ยล่ะ?

ถ้ายังทำไม่ได้จงลองทำให้ได้

ทำตามลำดับไปนะคะ ท่องวนไปค่ะ!

ทำอันแรกให้ได้ก่อน อย่าไปริข้ามขั้น เดี๋ยวจะเจ็บแถมจนหนักกว่าเดิม

"หามากกว่าใช้"

ขยันสิ สร้างสรรค์การหาเงินใหม่ๆ ภาระยิ่งเยอะยิ่งต้องสู้ ในขณะเดียวกันก็ลดการใช้จ่ายให้ตัวเบา โดยเฉพาะพวกรายจ่ายประจำทุกเดือน อันไหนตัดได้จงตัด

บ้านกับรถที่บอกว่ามีเพื่อความมั่นคง ถ้ามันเกินกำลัง ผ่อนแล้วชีวิตหนักเกิ๊น นั่นคือเรากำลังสร้างภาพ ลองนั่งลงคิดแบบซื่อสัตย์เราไหวที่ตรงไหน หลายคนแต่ก่อนอยู่บ้านเช่าบ้านหลังเล็กรถไม่มี แต่ชีวิตดี๊ดีไม่ต้องนอนฝันถึงหนี้แบบทุกวันนี้ก็มีเยอะแยะนะคะ #เอาที่ไหว

ปัญหาคือจะถอยหลังตอนนี้มันอาย อันนี้คือโรคร้ายชนิดหนึ่งชื่อ จมไม่ลง

กินอยู่ให้มันตามกำลัง ถ้าเราโพสต์รูปกินดีอยู่ดีน้อยลง เพื่อนไม่มาถามเราหรอก ว่าเธอไม่มีเงินเหรอ แต่ถ้าเพื่อนถาม ให้มองแรงๆ แล้วไม่ต้องพูดอะไร เพื่อนควรจะเงียบไปเอง

กดมันลงเถอะ... พวกค่าใช้จ่าย อย่าให้มันมากดดันชีวิตเรา!

"ได้มาแล้วเก็บออม"

ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกมั้ยคะ?

เก็บก่อนใช้เลยค่ะ 10%ตามหลักมาตรฐานสากล แล้วแกล้งความจำเสื่อมว่ามี ทบทวนนานๆทียังได้ เริ่มห้าบาทสิบบาทก็เงิน เริ่มเก็บแล้วค่อยๆ เพิ่มเติมไป อย่ามาตั้งเป้าใหญ่แล้วทำไม่ได้ มันไม่โอเค

"ลงทุนแบบมีสติปัญญา"

ความเสี่ยงจัดการได้ด้วยความรู้ ถ้าไม่รู้ไม่ต้องไปเอา และอย่าโลภ

กองทุน หุ้น อสังหา ธุรกิจ เอาให้ถูกจริตถูกปัญญาที่มี ไม่รู้แล้วอยากรู้ก็ไปเรียน

ซื้อประกันให้ช่วยแยกแยะด้วย นี่ลงทุนหรือคุ้มครองความเสี่ยง อะไรยังไง ถ้าคนขายดูลำบากไม่อยากอธิบาย ซื้อกับคนอื่นค่ะ เราเป็นเจ้าของเงิน เรามีอำนาจ กี่บาทก็เงินเราหามา

สรุปนะคะ วิธีคิดเรื่องเงินแบบไม่ก่อดราม่าให้ชีวิต  ...เป็นแบบนี้

มีรายได้   ►   แบ่งเก็บออม   ►   เหลือลงทุน   ►   ส่วนที่เหลือนั่นแหละเอาไว้ใช้จ่าย

คือมันเริ่มจากต้องจ่ายให้ตัวเองก่อน หารายได้เท่าที่อยากได้ แบ่งไปออม แบ่งไปลงทุน แล้วค่อยไปใช้ ถ้าส่วนที่เหลือมันไม่พอใช้ ให้ไปหารายได้เพิ่มแล้วลดรายจ่ายไปด้วย คนที่เกิดจนแต่ตายรวยส่วนใหญ่เค้าใช้สูตรนี้กัน

การตัดเงินออมและการลงทุน คือการตัดอนาคตตัวเอง

วันนี้อินโทรเบาเบาเท่านี้ก่อนนะเธอ 

อยากให้เห็นภาพคร่าวๆ ว่าดราม่าเรื่องเงินมันเริ่มที่ตัวเราเนี่ยแหละ ตั้งหลักดีๆ ค่อยๆ ทำตามคาถาที่ว่า ไม่ต้องซับซ้อนคอมพลิเคตเต็ดเหมือนสเตตัสในเฟสบุ๊คก็ออกจากดราม่านี้ได้ แค่ตัดสินใจแล้วเอาจริง

ถ้ารักตัวเองจริง ต้องจ่ายตัวเองก่อน

โอเคนะ

มาดามฟินนี่