ในช่วงหลังเราจะเห็นได้ว่าสังคมไทยนั้นก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งหลายคนก็เป็นโสด มีทั้งแบบตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นคาน ซึ่งหลายคนก็ทำนายชีวิตของตัวเองได้เลยว่าจะต้องใช้ชีวิตแบบไม่ได้มีลูกหลานดูแลแน่ๆ

หากมาดูจากสถิติที่ทาง CIA ได้ทำข้อมูลไว้ในปี 2016 ประชากรไทยในวัย 35 - 45 ทั้งชายและหญิงเป็นกลุ่มที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงสร้างของประชากร ซึ่งเมื่อผ่านไป ประมาณ 10-20 ปี โครงสร้างอายุจะถูกยกขึ้นไปบริเวณตำแหน่งสูงขึ้น และพวกเราก็จะแก่ไปด้วยกันนะครับ ฮาๆ

www.cia.gov

นี่ล่ะมันถึงทำให้ผมมองว่าเราควรจะต้องให้ความสำคัญกับการออมตั้งแต่วันนี้ และคำถามที่เรามักจะเจอก็คือ 

1. เราควรมีเงินออมอย่างน้อยเท่าไหร่เพื่อใช้ในวัยเกษียณ

2. มนุษย์เงินเดือนจะมีวิธีเก็บออมกันอย่างไร?

มาดูคำตอบและวิธีการในแต่ละข้อกันนะครับ :

ข้อที่ 1 หากเราจะวางแผนเก็บเงินออมเพื่อใช้ในยามเกษียณนั้น แน่นอนว่าเราจะต้องมีตัวเลขในใจซักตัวเลขหนึ่งว่าเท่าไหร่น่ะมันถึงจะพอ? 1 ล้านไหม? 5 ล้านพอไหม? หรือต้องในระดับ 10 ล้าน?

วิธีคิดทำได้ง่ายๆเช่น คำนวณค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน เช่น เราใช้จ่ายอยู่ที่เดือนละ 20,000 บาท หากเราต้องมีชีวิตอยู่ตั้งแต่อายุ 60 - 80 ปี (กินเวลาไป 20 ปี หรือ 240 เดือน) นั่นหมายความว่าอย่างน้อยเราจะต้องเก็บเงินในวันนี้ให้ได้ 4,800,000 บาท แต่ต้องไม่ลืมว่าโลกเรานั้นมีเงินเฟ้อและของในแต่ละปีจะแพงขึ้นเรื่อยๆด้วยนะครับ อีก 30 ปีข้างหน้าอาจจะหมายถึงตัวเลข 6-10 ล้านบาทก็ได้

ซึ่งหากใครมี Lifestyle ที่หรูหรากว่านี้ก็ต้องเตรียมเงินเอาไว้ใช้มากกว่าด้วยเช่นกัน ตรงนี้อยู่ที่การกำหนดของตัวเรานะครับ ซึ่งเมื่อเราทราบแล้วว่ามันต้องเตรียมตัว ทางออกของเราก็มีอยู่ 3 ทาง ได้แก่

  • ยื่นเวลาเกษียณอายุออกไป ทำงานตอนแก่ด้วย
  • ลดภาระการใช้เงินของเราลงในยามเกษียณ
  • เก็บเงินเพิ่มและหาผลตอบแทนเพิ่มในปัจจุบัน

ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะมาสู่คำถามข้อที่ 2 ที่ผมกำลังจะพูดถึงต่อนั่นก็คือ เราจะมีวิธีการออมกันอย่างไร? สมัยนี้ยุค 4.0 แล้ว การออมก็ต้องมีการพัฒนาไปอีกก้าวเช่นกัน

การออมแบบมนุษย์เงินเดือน

สำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้ว สิ่งที่เราได้เปรียบมากกว่าหลายๆอาชีพคือ เรามีกระแสเงินสดเข้ามาในกระเป๋าทุกเดือนๆอย่างสม่ำเสมอ และยังมีสวัสดิการและเครื่องมือทางการเงินการลงทุนอีกหลายๆอย่างที่ช่วยเราวางแผนได้

อย่างแรกสุดเลยก็คือการกำหนดเงินออม ลองวางเป้าหมายดูนะครับว่าเราจะต้องออมเงินให้ได้เท่าไหร่ อย่างตัวอย่างในรูปนี้นะครับ ผมลองกำหนดว่าถ้าราอายุ 30 ปี และจะเกษียณอายุตอนอายุ 60 ปี หากออมเงินเดือนละ 10,000 บาท โดยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปี เป็นเวลา 360 เดือน (30 ปี) จะได้เงินเท่าไหร่?

ตัวเลขที่ได้มาคือประมาณ 8.3 ล้านบาท ซึ่งน่าจะมีโอกาสเพียงพอจากสมมติฐานที่เรากำหนดนะครับ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเราอาจจะปรับได้โดยการออมที่มากขึ้นหรือการเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุน (แต่ต้องอยู่ในความเหมาะสมของชีวิตเรานะครับ เสี่ยงมากไปถ้าพลาดก็พัง)

http://www.fncalculator.com

เครื่องมือในการเก็บออมของมนุษย์เงินเดือนเพื่อใช้ในอยามเกษียณมีอะไรบ้าง?

พอเราเห็นตัวเลขแบบนี้แล้ว การฝากเงินในธนาคารก็คงไม่ใช่คำตอบของเราชาวมนุษย์เงินเดือนแล้วใช่ไหมครับเพราะอัตราดอกเบี้ยนั้นไม่ได้สร้างความมั่งคั่งได้เหมือนในอดีต เครื่องมือที่มนุษย์เงินเดือนมีก็เยอะมาก ได้แก่

  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ : บริษัทไหนที่มีโครงการแบบนี้ สามารถให้เขาหักจากรายได้ในแต่ละเดือนไปลงทุนให้นะครับ
  • LTF RMF : เป็นการลงทุนในกองทุนรวมระยะยาวที่ได้สิทธิในการลดหย่อนภาษี แต่การลงทุนมีความเสี่ยงเช่นกันนะครับ ลองจัดพอร์ตกันดีๆและทำตามเงื่อนไขและข้อกำหนดครับ
  • ประกันบำนาญ : สำหรับคนที่ไม่ชอบรับความเสี่ยงมากจนเกินไปกับหุ้นหรือกองทุนรวม เราก็ลองนำประกันบำนาญมาวางแผนร่วมด้วยในยามเกษียณได้
  • กองทุนรวมทั่วไป : เป็นเครื่องมือการลงทุนที่จะมีผู้จัดการกองทุนรวมบริหารพอร์ตการลงทุนตามนโยบายที่กำหนดนะครับ แต่ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้แบบ LTF RMF ครับ
  • หุ้น : เป็นการลงทุนในบริษัทและกิจการต่างๆ มีความเสี่ยงสูงกว่าทรัพย์สินอื่นๆ (ขาดทุนได้เยอะ) แต่ถ้าสร้างผลตอบแทนได้มากหากเราเลือกหุ้นที่ดี มีการเติบโตในระยะยาว
  • ทรัพย์สินทางเลือกอื่นๆ : หากเรามีความรู้และความเข้าใจในเรื่องทรัพย์สินที่สามารถต่อยอดความมั่งคั่งให้เราได้ก็สามารถนำเงินมาลงทุนได้เช่นกันครับ เช่น อสังหาริมทรัพย์ ลงทุนในที่ดิน บ้านและคอนโดเอาไว้ขายหรือ เก็บค่าเช่า 

จะเห็นได้ว่าเครื่องมือเรามีเยอะมาก แต่ๆๆๆๆ ก่อนที่จะนำเงินออมของเราไป ลงทุน หรือ ออมหุ้น ออมกองทุน ทั้งหลายทั้งปวง ต้องไม่ลืมว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยงด้วยนะครับ หากเราไม่เข้าใจและลงเงินไป อาจจะขาดทุนเสียหายและทำให้แผนการออมในยามเกษียณบรรลุเป้าหมายได้ครับ

อย่าลืมการออมอย่างสม่ำเสมอด้วย DCA

อย่างที่ผมบอกล่ะ ข้อดีของมนุษย์เงินเดือนคือมีเงินเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ลองจัดเงินในแต่ละเดือนมาลงทุนในทรัพย์สินที่เราได้มีการจัดพอร์ตการลงทุนและวางแผนไว้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้หลักการ Dollar Cost Average หรือ DCA เพื่อทยอยซื้อในทรัพย์สินเป้าหมายในแต่ละเดือนตามวันเวลาที่เรากำหนดโดยไม่สนใจราคาขึ้นลงระหว่างวัน แต่ต้องไปทรัพย์สินที่มีอนาคตในระยะยาวนะครับ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นหลักการคร่าวๆที่อยากจะนำเสนอนะครับ มนุษย์เงินเดือนทุกคนสามารถวางแผนเกษียณได้ด้วยการวางแผนเกษียณให้กับตัวเอง คำนวณดูว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ และเงินในปัจจุบันนี้จะต้องออมอย่างไร ออมหุ้น ออมกองทุนรวม ตามแผนที่เราวางไว้เท่าไหร่เพื่อให้ได้อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจนไปถึงเป้าหมายของเรานะครับ

ขอให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนนะครับ