หลายร้อยเหตุผลที่ทำให้คุณไม่ควรออมเงินอาจจะมาจากภาระส่วนตัวหรือสภาพแวดล้อมภายนอกที่คุณเห็นจากคนรอบข้าง ทำให้คุณไม่คิดที่จะเริ่มออมเงินและมีความสุขอยู่กับการใช้เงินในปัจจุบัน สิ่งต่างๆที่คุณคิดนั้นมันเป็น "เหตุผลหรือเป็นเพียงข้ออ้าง" ที่ทำให้คุณสบายใจกับการใช้เงินกันแน่

เหตุผลที่ 1 "ไม่ควรออมเงิน" เพราะชีวิตคนเรามันสั้นนะ

คิดว่า...

มีชีวิตอีกไม่กี่ปีก็ตาย คุณอาจจะเคยเห็นคนรอบข้างที่ขยันทำงานเก่งมาก อดออมทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวแต่กลับเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน โดยที่ไม่มีโอกาสได้ใช้เงินที่ตัวเองหามาเลยสักบาทเดียว ยังไม่ทันใช้เงินให้มีความสุขก็ตายซะแล้ว ชีวิตคนเรามันสั้น มันไม่แน่นอนแบบนี้จะเก็บเงินไปทำไมให้เสียเวลา สู้มีความสุขกับปัจจุบัน ใช้เงินซื้อความสุขใส่ตัวไม่ดีกว่าหรือ

แต่ว่า...

ชีวิตคนเราล้วนเกิดมาแตกต่างกัน ไม่มีใครคาดการณ์อนาคตได้ถูกต้องไปหมดทุกอย่าง สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนอื่นอาจจะไม่เกิดกับคุณก็ได้ เคยคิดไหมว่าการใช้เงินซื้อความสุขในปัจจุบันจนหมดไม่เหลือเพื่อในอนาคต หากคุณเกิดเป็นผู้โชคดีที่อายุยืนมากกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน บางคนอาจจะโชคดีที่แก่แล้วสุขภาพดีเดินเหินไปไหนเองได้ การใช้ชีวิตประจำวันก็จะไม่ลำบาก แต่ถ้าหากคุณเป็นผู้สูงอายุที่รวมสารพัดโรคตั้งแต่เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ ที่แต่ละเดือนต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาลตัวเองแพงมาก

ลองนึกเล่นๆว่าหากคุณไม่เก็บเงินไว้ถึงตอนนั้นอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ลำพังแค่ป่วยนอนโรงพยาล 2-3 วันขยับตัวไม่ได้ยังเบื่อเลย แต่ก็ยังดีที่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่ถ้าเกิดเป็นโรคชราแล้วนอนอยู่บนเตียงเดือนๆแถมไม่มีเงินใช้ด้วยนี่เหงื่อตกเลยนะจ๊ะ

ใช้เงินซื้อความสุขระยะสั้นได้

แต่อย่าลืมเก็บเงินไว้เผื่อว่าอายุยืนด้วยหละ

เหตุผลที่ 2 "ไม่ควรออมเงิน" เพราะเงินเดือนชนเดือน ไม่มีเหลือออม

คิดว่า...

เงินเดือนที่มีตอนนี้แทบจะใช้ไม่ถึงเดือน ข้าวของเครื่องใช้ก็แพงขึ้น แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาออมได้หละ รอให้เงินเดือนมากขึ้นกว่านี้ น่าจะมีเงินเหลือออมมากขึ้น ตอนนั้นค่อยมาคิดเรื่องออมเงินละกัน

แต่ว่า...

หากเงินจำนวนเล็กน้อยยังดูแลไม่ได้ แล้วเงินจำนวนมากๆหละจะจัดการยังไง หากคุณคิดว่าให้เงินเดือนมากขึ้นแล้วค่อยออมเงิน พอวันนั้นมาถึงก็ต้องมีเรื่องที่ต้องใช้เงิน ทำให้คิดเรื่องออมเงินตอนนี้ไม่ได้ ไว้รอให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นกว่านี้ค่อยออม หากคุณคิดแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆแล้วเงินเดือนเท่าไหร่ดีหละถึงจะเริ่มออม เพราะการออมเงินนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินมากหรือน้อย แต่การออมมันอยู่ที่ “วินัย” ของเรามากกว่า

แม้ว่าเงินเดือนชนเดือนคุณมีเงินออมได้

เพียงแค่เริ่มออมจากเศษเงินตั้งแต่วันนี้

เหตุผลที่ 3 "ไม่ควรออมเงิน" เพราะหนี้ท่วมหัว

คิดว่า...

ชีวิตตอนนี้หาเงินได้เท่าไหร่ก็โป๊ะหนี้ให้หมด อยากเป็นไทเร็วๆ มีหนี้แล้วมันอึดอัดต้องรีบหาเงินเพื่อไปชำระหนี้ให้หมด นี่ก็ผ่อนบ้านมาหลายปีละอีกสิบปีกว่าจะหลุด จะออมเงินไปทำไมสู้เอาเงินมารีบชำระหนี้ให้หมดจะดีกว่านะ

แต่ว่า...

ลองคิดดูว่าหากคุณเสียเวลาหาเงินไปชำระหนี้อย่างเดียว เช่น วันนี้คุณอายุ 30 ปี กู้เงินมาซื้อบ้านที่ต้องชำระภายใน 20 ปี คุณก็จะชำระหนี้หมดตอนอายุ 50 ปี แล้วจึงเริ่มออมเงิน อืมมมม แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ความจริงเราสามารถทำ 2 เรื่องในเวลาเดียวกันได้ทั้งเรื่องการชำระหนี้กับการออมเงิน ซึ่งภายในระยะเวลา 20 ปี คุณจะมีหนี้ลดลงพร้อมกับเงินออมที่นำไปลงทุนก็เติบโตขึ้น

มีหนี้ก็มีเงินออมได้

ทำเป็นคู่ขนาน เมื่อหนี้ลดลง

ก็จะมีเงินออมมากขึ้น

เหตุผลที่ 4 "ไม่ควรออมเงิน" เพราะนำเงินมาหมุนในธุรกิจ

คิดว่า...

เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวและกำลังไปได้ดี มีโอกาสใหม่ๆที่สร้างรายได้เข้ามาตลอดเวลา ลูกค้าเพิ่มขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น อาจจะต้องหาเงินไปลงทุนมากขึ้น เพราะคุณมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น เป็นธุรกิจก็ต้องหาเงินมาหมุน จะให้เอาเงินมาออมไว้เฉยๆแบบนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวได้กำไรช้าและก็ล้าหลังคู่แข่งซิ

แต่ว่า...

หากมีบางช่วงเกิดวิกฤตขายของไม่ได้เลยหละ เงินลงทุนอยู่ในของที่ซื้อเก็บไว้ขาย พอขายไม่ได้ก็ไม่มีเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือซื้อของใหม่เข้าร้าน คราวนี้เงินมันไม่หมุนไปแล้วจะทำยังไง ถ้าคุณมีเงินออมเก็บไว้บ้างก็จะเข้ามาช่วยตอนที่ธุรกิจเกิดการสะดุด วิกฤตหรือขาดสภาพคล่องแบบนี้ได้ เพราะเป็นเงินออมฉุกเฉินเข้ามาสนับสนุนให้ธุรกิจดำเนินการผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปได้

ควรแบ่งเงินจากการขายของบางส่วน

มาเป็นเงินออมเพื่อไว้ใช้ในช่วงที่ขาดสภาพคล่อง