"รายได้ของเรามีจำกัด แต่ความต้องการของเรามีไม่จำกัด"

การตัดสินใจก่อนจ่ายเงินแต่ละครั้งก็ต้องเลือกแล้วเลือกอีกเพื่อซื้อของให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป โดยเฉพาะของชิ้นใหญ่ราคาแพง เช่น รถยนต์กับบ้าน คิดไม่ตกเลยว่าควรจะผ่อนหรือเช่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเวลาไหนควรผ่อนหรือเวลาไหนควรเช่า จะมีวิธีคิดอย่างไรบ้าง (ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตกับความพร้อมทางการเงินของแต่ละคนด้วย)

 

คำนิยามของการผ่อนและเช่า

==> การผ่อน ด้วยการกู้ยืมทำให้เรากลายเป็นเจ้าของและมีอำนาจที่จะทำอะไรกับสินทรัพย์นั้นๆก็ได้ ซึ่งการกู้ยืมเงินมาซื้อนั้นก็จะมีการวางเงินดาวน์ และมีการผ่อนชำระเป็นงวดๆ โดยที่เราจะต้องจ่ายค่าประกันภัยและค่าบำรุงรักษาเอง

 

==> การเช่า ทำให้เราไม่มีความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์นั้นๆ เราจ่ายแต่เพียงค่าเช่าซึ่งได้รวมค่าใช้จ่ายทางด้านต่างๆไว้หมดแล้ว

 

5 วิธีที่รู้ว่าควร "ผ่อนหรือเช่า"

(กำหนดให้ปัจจัยอื่นๆคงที่)

 5 วิธีที่รู้ว่าควร "ผ่อนหรือเช่า"

 

 

1. อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ==> ควรผ่อน มากกว่า การเช่า

ยิ่งมีเงินเฟ้อสูงขึ้นอำนาจซื้อของเรายิ่งลดต่ำลง หมายความว่า เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น ราคาของจะแพงขึ้น เราจะใช้เงินจำนวนมากขึ้นเพื่อซื้อของแบบเดิมในราคาที่แพงขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้เราควรเลือกที่จะผ่อน(หรือซื้อเงินสด) คุ้มค่ากว่าการเช่า เพราะผู้ประกอบการที่ให้เช่าก็จะปรับค่าเช่าให้สูงขึ้นด้วย ดูตัวอย่างค่าเช่าหอพักที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนเช่าต้องจ่ายเงินค่าเช่าในราคาที่สูงขึ้นตามเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

 

2. อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ==> ควรเช่า มากกว่า การผ่อน

ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้นทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นด้วย ส่งผลถึงการผ่อนชำระต่อเดือนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะคนที่ซื้อบ้านหรือรถยนต์จะทำให้มีภาระทางด้านดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เราควรชะลอการซื้อออกไปก่อนโดยรอให้ดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวลดลงมาก่อนค่อยตัดสินใจซื้อ ซึ่งระหว่างนั้นอาจจะใช้วิธีการเช่าสินทรัพย์แทนไปก่อน

 

3. อัตราดอกเบี้ยต่ำ ==> ควรผ่อน มากกว่า การเช่า

อัตราดอกเบี้ยต่ำนั้นทำให้ผู้กู้มีต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำลง ส่งผลถึงจำนวนเงินที่ผ่อนชำระต่อเดือนที่ต่่ำด้วย  ดังนั้น เราควรเลือกที่จะเป็นเจ้าของสินทรัพย์ด้วยการซื้อหรือผ่อนแทนการเช่า

 

4. มูลค่าซากมีราคาสูง ==> ควรผ่อน มากกว่า การเช่า

มูลค่าซาก คือ จำนวนเงินที่คาดว่าจะได้รับเมื่อสินทรัพย์นั้นหมดอายุการใช้งาน ดังนั้น ถ้าสินทรัพย์นั้นมีราคาขายต่อในราคาที่สูงขึ้นก็ควรผ่อน(หรือซื้อ) มากกว่าการเช่า เพราะการผ่อนและการเช่ามันแตกต่างที่ความเป็นเจ้าของ ถ้าเราเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่ขายต่อมีมูลค่าขายต่อที่สูงย่อมดีกว่าการเช่า

ตัวอย่าง การเลือกว่าจะผ่อนหรือเช่าบ้าน ถ้าเราผ่อนบ้านก็จะเป็นเจ้าของและสามารถนำบ้านนั้นไปทำธุรกรรมอื่นๆเพื่อต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้ หรือถ้าขายต่อก็จะมีมูลค่าที่สูงขึ้นด้วย แต่ถ้าเลือกการเช่าบ้านไปตลอดชีวิตเราก็จะไม่มีทรัพย์สินเป็นของตนเอง

 

5. ค่าปรับเมื่อมีการชำรุดเสียหาย ==> ควรผ่อน มากกว่า การเช่า

การซื้อทำให้เราเป็นเจ้าของ ตลอดระยะเวลาที่เราเป็นเจ้าของอาจจะมีหรือไม่มีการจ่ายค่าซ่อมบำรุงก็ได้ แต่ไม่มีค่าปรับในกรณีที่สินทรัพย์เกิดความเสียหาย แต่ถ้าเป็นการเช่านั้น ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงต่างๆจะรวมไปกับค่าเข่าและถ้าของที่เช่าเกิดความเสียหายก็จะต้องเสียค่าปรับเพิ่มด้วย

 

แต่ว่า...

การเลือกว่าจะใช้วิธีผ่อนหรือเช่านั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละบุคคล ไม่จำเป็นว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ 1 ใน 5 วิธีข้างต้นแล้วจะต้องทำแบบคำแนะนำเป๊ะๆ เช่น ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยถูกเราควรผ่อนมากกว่าการเช่า แต่ถ้าเราทำงานที่ต้องย้ายที่ทำงานทุก 3 เดือนเพราะต้องพบลูกค้าที่ต่างจังหวัดบ่อยๆ ควรเลือกที่จะเช่าบ้านแทนการผ่อนบ้านน่าจะดีกว่า แต่ถ้าให้ดีที่สุดบริษัทมีที่พักฟรีก็น่าจะดี อิอิ