สวัสดีครับทุกคน ผมกัปตันแมนูไลฟ์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการลงทุนต่
เนื่องจากหลายสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนแบบนี้ แต่หลัก ๆ ก็คงเป็นภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังคลุมเครือว่าจะไปทางไหน
ดังนั้น ระหว่างที่เรารอความชัดเจนจากเศรษฐกิจที่ยังฝุ่นตลบแบบนี้ ผมแนะนำว่าให้เราลองมองไปยังต่างประเทศบ้างก็น่าสนใจนะครับ เพื่อหาโอกาสการลงทุนในการเพิ่มผลตอบแทน หรือจะลองกระจายความเสี่ยงเพื่อให้พอร์ตการลงทุนของเราไม่ได้ผันผวนมากไปตามเศรษฐกิจไทยที่เป็นอยู่ในขณะนี้
โดยในช่วงที่ผ่านมา การลงทุนในกองทุนต่างประเทศ หรือ FIF( Foreign Investment Fund) เองก็เป็นที่นิยมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเติบโตของสินทรัพย์กองทุนแบบ FIF นั้น มีการเติบโตขึ้นทุก ๆ ปี แสดงว่าคนไทยเองก็เริ่มที่จะลงทุนกับ FIF กันมากขึ้นนั่นเอง และตอนนี้ก็มีสัดส่วนสินทรัพย์ของ FIF ประมาณ 22%* ของกองทุนทั้งหมดในประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่ใหญ่พอสมควร
(*ที่มา: สมาคมบริษัทจัดการลงทุน หรือ AIMC )
แต่ก่อนจะไปลงทุนยังต่างประเทศ เรามาดูภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมของโลกใบนี้กันก่อนดีกว่าว่าที่ไหนน่าลงทุนกันบ้าง ดีหรือไม่ดีอย่างไร จะได้ทราบว่าจะรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นไหวหรือไม่ และไม่ต้องหนีเสือปะจระเข้ คือแทนที่จะได้กำไรจากการลงทุน กลายเป็นว่าขาดทุนหนักกว่าเดิมก็ไม่ไหว ใช่ไหมครับ
ก่อนอื่นเรามารู้จักความแตกต่างของตลาดหุ้นต่างประเทศในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (Developed Market : DM) กับ กลุ่มประเทศระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market : EM) กันครับ ว่าแต่ละกลุ่มนั้นมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร และแบบไหนที่น่าลงทุนในช่วงนี้ครับ
Emerging markets (EM) คือกลุ่มประเทศที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็ว แน่นอนครับว่ามีเป้าหมายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มรายได้ต่อหัว เพื่อให้มีความเจริญก้าวหน้า ให้ทัดเทียมกับตลาดในกลุ่มที่พัฒนาแล้ว
โดยทั่วไปมีการแบ่งกลุ่มตลาดเกิดใหม่ออกเป็น 4 กลุ่มตามภูมิภาค คือ
- ตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย เช่น จีน อินเดีย ไทย เกาหลีใต้ ไต้หวัน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เป็นต้น
- ตลาดเกิดใหม่ในยุโรปตะวันออก เช่น สาธารณรัฐเชก ฮังการี โปแลนด์ รัสเซีย ตุรกี
- ตลาดเกิดใหม่ในละตินอเมริกา เช่น บราซิล ชิลี อาร์เจนตินา เม็กซิโก โคลัมเบีย เปรู เวเนซูเอลา
- ตลาดเกิดใหม่ในตะวันออกกลาง/แอฟริกา เช่น อิสราเอล จอร์แดน โมร็อคโค อียิปต์ ไนจีเรีย ลิเบีย แอฟริกาใต้
ทั้งนี้ ในกลุ่มประเทศ EM เองก็มีการรวมตัวกันเพื่อประโยชน์ทางการค้าและสร้างอำนาจการต่อรองได้มากขึ้น ได้แก่ กลุ่ม BRICS เป็นอักษรย่อใช้เรียกชื่อกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วอันประกอบด้วย บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) โดยสี่ประเทศแรกมีพื้นที่รวมกันก็มากกว่าหนึ่งในสี่ของโลกแล้วครับ เท่ากับว่ามีจำนวนประชากรรวมกันมากกว่า 40% ของประชากรโลก (ร้องว้าวกันเลยทีเดียวมั้ยละครับ)
ซึ่งจุดที่น่าสนใจ รวมถึงข้อดีของการลงทุนในตลาด EM คือ
1. ตลาดมีศักยภาพในการเติบโตสูง ถ้านึกภาพไม่ออก มองภาพไม่ชัดลองดูที่ เกาหลีใต้ก็ได้ครับ ลองคิดถึงเมื่อ 10-20 ปีที่แล้วสิครับ ที่คนเกาหลียังต้องเดินทางมาดูงานในประเทศไทย แล้วลองเทียบกับในปัจจุบันดู จะเห็นว่ามีการพัฒนาไปมากกว่าแต่ก่อนเยอะ เช่นมีการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ผลิตสินค้าส่งออก เช่น แผงวงจรต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งผลิตและขาย smart phone ตีตลาดสู้กับ Iphone ได้อย่างไม่น้อยหน้าเลยทีเดียว ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ก็น่าสนใจสำหรับนักลงทุนด้วย เช่น ตลาดหุ้นไทยเองก็ทำผลตอบแทนได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเลยนะครับ
2. โครงสร้างประชากรยังเป็นคนหนุ่มสาวมากกว่าตลาดในกลุ่ม DM ทำให้เป็นฐานการผลิตสินค้าต่าง ๆ และมีแรงงานค่อนข้างถูก ส่งผลให้เกิดการลงทุนทางตรงมากกว่าตลาด DM ที่มีค่าแรงสูงรวมทั้งมีแนวโน้มการบริโภคที่สูง เช่น จีน และอินเดีย เป็นต้น
3. ประเทศในกลุ่มเอเชียหลายๆ ประเทศ เช่น จีน อินเดีย เกาหลี ฯลฯ หรือแม้กระทั่งไทยเองก็มีโครงการที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานที่ว่านั้นมีความสำคัญต่อการรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตมาก ๆ เลยครับ
พูดถึงข้อดีแล้ว ข้อเสียก็มีเช่นกันครับ ได้แก่
1. ความผันผวนของตลาดหุ้น และการลงทุนมีค่อนข้างสูงครับ เพราะว่าพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศ ถ้าหากมีการบริหารเงินในประเทศไม่ดี เวลามี Fund Flow เข้าหรือออกมาก ๆ อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้เยอะเลยครับ
2. นอกจากนี้ ความมั่นคงของภาคการเงิน และนโยบายตลาดทุนเองก็สำคัญ ซึ่ง EM จะมีความผันผวนมากกว่า เพราะตลาดยังมีการพัฒนาสินค้าทางการเงินที่ไม่หลากหลายเมื่อเทียบกับ DM ทำให้มีเครื่องมือเพื่อใช้ในการป้องกันความเสี่ยงได้จำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของค่าเงิน
แต่ถ้าพูดถึงการลงทุนในช่วงนี้ กลุ่มที่มีการเติบโตสูงสุดก็ยังคงเป็น EM โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียครับ นักธุรกิจและนักลงทุนบางคนถึงกับบอกว่า อนาคตของโลกนี้คือ “เอเชีย”
จากข้อมูลที่ผมเล่ามาในตอนต้น ๆ ดูเหมือนตลาด EM นั้นจะน่าสนใจไม่ใช่น้อย แต่ตลาดในกลุ่ม DM ก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่ไม่น่ามองข้ามไปเช่นกัน คราวนี้ เรามาลองดูตลาด DM กันครับว่ามีความแตกต่างจากตลาด EM อย่างไรกันบ้าง
ตลาดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือ Developed Market (DM) เรียกว่า เป็นตลาดคนละขั้วกับ EM เลยก็ว่าได้ครับ เนื่องจาก