สมัยก่อนคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวก็จะยึดหลักของการทำงานหนักเพื่อจะทำให้ได้เงินเยอะๆ ลูกๆจะได้สบาย เรื่องการไปพักผ่อนก็มีบ้างตามโอกาสที่เหมาะสม ถ้าสรุปง่ายๆ คือ คนสมัยก่อนเน้นหาเงินก่อน เรื่องเที่ยวไว้ทีหลังถ้าได้ก็ดี

แต่เดี๋ยวนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ยุคใหม่ก็จะมีแนวคิดเรื่องสมดุลย์ชีวิตมากขึ้น คือ ต้องทำงานที่มีรายได้ที่ดีด้วย แต่ก็ต้องมีเวลารีแลกซ์พักผ่อนกับครอบครัวได้บ่อยๆ ด้วย ทำให้หัวหน้าครอบครัวในยุคนี้จึงต้องศึกษาหาความรู้มากกว่าสมัยก่อน เช่น จะทำยังไงให้ธุรกิจเติบโต หรือมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องเอาเวลาของตัวเองไปใช้ทั้งหมด ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการหาความรู้เรื่องการลงทุนให้เงินทำงานให้เราด้วย

พ่อแม่ยุคใหม่จึงมีรูปแบบของการที่จะทำงานหรือทำธุรกิจไปด้วย แล้วก็เอาเงินไปลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยไปด้วยเพราะเดี๋ยวนี้จะพึ่งพาการได้รับดอกเบี้ยจากธนาคารเหมือนสมัยก่อนก็คงไม่ได้อีกแล้ว เลยทำให้ต้องมองหาวิธีการเพิ่มรายได้ จึงอาจมีการลงทุนกับกิจการอื่นๆบ้าง เช่น เปิดธุรกิจเฟรนไชส์บ้าง ร้านกาแฟ ร้านอาหารบ้าง ซึ่งอาจต้องมีเงินลงทุนสูง และต้องมีเวลาไปติดตามและบริหารด้วย ทำให้บางคนอาจไม่ได้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิต

ดังนั้นจึงเริ่มเห็นคนในยุคนี้หันมาสนใจในการลงทุนในสินค้าการเงิน

ที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง และไม่ต้องเสียเวลาติดตามมากเกินไป

เช่น เอาเงินมาลงทุนในหุ้นบ้าง ทองคำบ้าง กองทุนรวมบ้าง แต่การลงทุนเหล่านี้ก็ต้องมีความรู้และต้องยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนด้วย ซึ่งหลายๆคนก็อาจจะไปลงทุนประเภทที่เห็นเป็นสินทรัพย์จริงๆเลย เช่น การซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร หรือ การซื้อคอนโดมาแล้วปล่อยเช่า หรือเก็งกำไรตอนขายต่อ เป็นต้น

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า การลงทุนซื้อคอนโดมาปล่อยเช่าก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แต่ก่อนที่จะลงทุนกับคอนโดเราก็ควรต้องศึกษาข้อดี ข้อเสียก่อนว่าเราเหมาะสมกับการลงทุนประเภทนี้หรือไม่ ซึ่งผมเลยอยากสรุปข้อดี ข้อเสียของการลงทุนกับคอนโดได้ดังนี้

ข้อดีของการลงทุนกับการซื้อคอนโด

1.มีโอกาสสร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนี่อง จากค่าเช่าที่ผู้เช่าจ่ายทุกๆเดือน

2.มีการจัดการดูแลง่ายไม่ซับซ้อน เพราะเมื่อมีคนมาเช่าแล้วก็ เจ้าของก็แทบไม่ต้องทำอะไรมาก แค่รอรับค่าเช่าทุกๆเดือน

3.มีโอกาสได้กำไรจากการขายต่อ ถ้าทำเลดีและเป็นที่ต้องการสูง หรืออาจเก็บไว้เป็นสินทรัพย์เพื่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานได้อีกด้วย

ข้อควรระวังในการลงทุนคอนโด

1.อาจจะกลายเป็นรายจ่ายอย่างต่อเนื่อง หากไม่สามารถหาผู้เช่าได้ เพราะต้องเสียค่าส่วนกลางแทน

2.เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำมากๆ คือ ถ้าต้องการเปลี่ยนเป็นเงินสด ก็อาจทำไม่ได้ง่ายๆ บางทีอาจต้องยอมขายในราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นก็ได้

และเหตุที่ว่าราคาคอนโดที่ทำเลดีๆ นั้น มีแนวโน้มที่จะราคาสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ใจกลางเมืองเช่น สาทรหรือสีลมแบบที่ติดรถไฟฟ้า หลายแห่งราคาก็ไม่ต่ำกว่าตารางเมตรละ 200,000 บาท แล้ว ดังนั้นจะซื้อคอนโดสักห้องนึงเอาแค่ 1 ห้องนอน สัก 40 ตารางเมตร ก็ราคาเกือบ 10 ล้านบาทแล้ว

ดังนั้นจึงทำให้การจะลงทุนซื้อคอนโดทำเลดีๆในเมืองเพื่อปล่อยเช่า

จึงทำได้ยากขึ้นกับคนที่อาจจะมีรายได้ไม่สูงมาก

บางครอบครัวยุคใหม่หลายๆ คนจึงเริ่มเปลี่ยนไปมองทำเลอื่นๆ เช่น การไปซื้อบ้านพักหรือคอนโดต่างจังหวัด เพื่อเอาไว้เป็นที่พักผ่อนของครอบครัวช่วงวันหยุด และหากในอนาคตราคาที่ดินสูงขึ้น ก็สามารถขายต่อทำไรหรือเอาไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานต่อได้ แต่ปัญหาที่ตามมาบ่อยๆ เสมอ ก็คือ พอปีนึงเราไปใช้พักผ่อนแค่  20-30 วัน ก็กลายเป็นว่าเวลาที่เหลือกลายเป็นรายจ่าย เช่น ต้องเสียค่าดูแลส่วนกลาง ค่าทำความสะอาดเวลาจะไปพัก ซึ่งพอบ้านหรือห้องที่ไม่มีคนอื่นนานๆ ก็จะดูเก่าและทรุดโทรมเร็ว สุดท้ายก็ต้องมาเสียค่า Renovate ใหม่อีก แถมปัญหาคือถ้าทำเลไม่ดีก็ขายยาก อาจจะต้องขายขาดทุนก็ได้

ดังนั้นถ้าวันนี้เราสามารถลงทุนซื้อคอนโดหรือบ้านแล้วสามารถใช้เป็นที่พักให้เราสามารถเอาไว้พักผ่อนกับครอบครัวได้ ไม่ต้องเสียเวลาหรือมีค่าใช้จ่ายในการดูแลมาก ถ้ามีคนดูแลให้ยิ่งดี แถมได้ทำเลดีที่ไม่แพงเกินไป และมีแนวโน้มเติบโต รวมถึงถ้าสามารถสร้างเป็นรายได้ให้เราแบบต่อเนื่องได้ก็น่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆครับ

ซึ่งตัวผมเองที่เพิ่งมีครอบครัวเหมือนกันก็มองๆหา โอกาสในการลงทุนที่จะตอบโจทย์ให้กับตัวผมเองและครอบครัวทั้งเรื่องการเงิน เรื่องผลตอบแทน และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่อยากมีที่พักผ่อนที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ก็ไปเจอว่าโครงการ "BluPhere Pattaya" นั้นมันตอบโจทย์ได้แทบจะครบทุกอย่างเลยทีเดียว

ดังนี้เลยครับ

1.การมีโอกาสได้ผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องระยะยาว

เพราะ "BluPhere Pattaya" โครงการฯ จะเข้ามาบริหารการจัดการในเรื่องการปล่อยเช่าแทนเจ้าของห้อง แถมมีการรับประกันผลตอบแทน 7 % ต่อปีนาน 5 ปีซึ่งทำให้เราปิดเสียโอกาสที่จะกลายเป็นห้องว่างๆ ที่ไม่มีผลตอบแทนอีกด้วย สรุปคือมีผลตอบแทนชัดเจนและแน่นอน

2.ได้ที่พักผ่อนตากอากาศที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ แถมได้รับการบริการระดับโรงแรม

เพราะจากกรุงเทพไปพัทยา เราขับรถเพียงชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว แถมมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนมีครอบครัว เช่