มีน้องๆ มาคุยเรื่องการลงทุนแบบ DCA เขาตั้งคำถามกับผมว่า หากเขากำลังลงทุนหุ้นตัวหนึ่งแล้วมันกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นของทั้งราคาและธุรกิจ

สมมติยิ่งเราทยอยซื้อไป ราคาที่เราซื้อในแต่ละครั้งก็จะสูงตาม มันก็ทำให้ค่าเฉลี่ยสูงขึ้นและ % กำไรลดลง ตัวอย่างเช่น

ต้นทุน 10 บาท ราคาตอนนี้ 20 บาท
ถ้าเราซื้อ ที่ 20 บาท ต้นทุนก็จะกลายเป็น 11 บาท
แทนที่จะกำไร 100% ก็จะลดลงเป็น 81.82%

อย่างงี้กำไรลดลงมันก็ไม่ดีเลยหรือเปล่า?

ตามความเห็นผมแล้ว การที่เราซื้อขายหุ้นแล้วได้กำไรเป็น % ที่มาก มันก็ทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจดีและทำให้เรารู้สึกว่าเรามี Margin ที่เยอะมากพอที่จะป้องกันไม่ให้ราคาหุ้นมันลงมาเท่ากับทุน แรกๆ ผมก็แอบรู้สึกแย่นะ ลงทุนแล้ว % ลดเนี่ย ตอนหลังผมเองก็เลยเปลี่ยนวิธีคิดนะครับ

ในมุมอื่นที่เราควรจะมองด้วยผมคิดว่ามี ดังนี้

1. กำไรกินไม่ได้เหมือนจำนวนเงิน

การที่เราจะบรรลุไปถึงเป้าหมายทางการเงินสุดท้ายแล้ว จำนวนเงินเป็นเรื่องสำคัญสุด ถ้าเรามีเป้าหมายเกษียณที่เงิน 10 ล้านบาท ก็ต้องลงทุนให้ได้เป้าหมายนั้นๆ

หากเราซื้อหุ้นไว้ 100 หุ้น หุ้นละ 10 บาท หุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นหุ้นละ 1,100 บาท ได้กำไร 10,900% แต่พอคิดเป็นจำนวนเงินแล้ว พอร์ตเราจะมีมูลค่า 110,000 บาทเท่านั้น แสดงว่ามันยังไม่ตอบเป้าหมายทางการเงินของเรา

สิ่งที่เราต้องทำจริงๆ ก่อนการลงทุนก็คือการกำหนดเป้าหมาย เช่น แผนเกษียณ วางแผนบุตร แผนมรดก การท่องเที่ยว สุขภาพ ซื้อทรัพย์สิน และแผนการสร้างความมั่งคั่งทั่วไป

ผมเลยอาจจะไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลงของ % กำไรในระยะสั้นมากไปกว่าความมั่งคั่งในระยะยาว

2. การ DCA ช่วยในการขยายพอร์ตได้

หากใครที่ลงทุนแบบ DCA แล้วจะเห็นได้ว่า กำไรที่คิดเป็น % นั้นอาจจะน้อยกว่าคนที่ลงทุนแค่ไม้เดียวทันที แน่นอนครับพอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ คนที่ซื้อแบบ DCA ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นตามซึ่งมันไม่ได้แปลกอะไร และการซื้อเพิ่มในวิธีคิดของพวกเราก็คือ

1) หุ้นจะต้องเติบโตต่อในอนาคตได้ เราไม่ได้ซื้อเพื่อขายในระยะเวลาสั้นๆ ในระยะทางที่เราลงทุนไปเรื่อยๆ โอกาสที่เราจะได้ % มากขึ้นจากการเติบโตมีอยู่แล้วครับ แต่สิ่งที่ชัดเจนกว่าแน่ๆคือ เงินที่สะสมและงอกเงยมันไปถึงเป้าหมายได้ (ยกเว้นเราจะเลือกหุ้นผิด หรือ ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อหุ้นพื้นฐานเปลี่ยนนะ)

2) DCA จะเพิ่มโอกาสในช่วงราคาลงให้สะสมหุ้นได้มากขึ้น ต้องอย่าลืมว่าระหว่างทางหุ้นมันไม่ได้ขึ้นอย่างเดียว มีลงด้วยครับ แล้วถ้าหุ้นปรับตัวลง % กำไรมันลดลงอยู่แล้วไม่ว่าซื้อซื้อแบบ DCA หรือซื้อครั้งเดียว แต่อย่างไรก็ตามการใช้ DCA จะเพิ่มโอกาสในการซื้อตรงนี้ได้นะ

3. ถ้าจะซื้อครั้งเดียว ต้องซื้อด้วยเงินเท่าไหร่ล่ะ? 

ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นด้วยกับการซื้อแบบครั้งเดียวเพื่อให้ได้กำไรเยอะนะครับ ก็ซื้อได้ แต่ประเด็นคือเรามีเงินไปซื้อตรงนั้นเพื่อเป้าหมายแค่ไหน ถ้าคุณมีเงินก้อน 5 ล้านอยู่ในมือและต้องการหาจังหว่ะทีเดียว มันย่อมมีโอกาสมากกว่าคนมีเงินก้อนแค่ 10,000 บาทอยู่แล้ว

ถ้าเป้าหมายเกษียณคือ 10 ล้าน คนเริ่มต้นด้วยทุน 5 ล้านย่อมมีโอกาสไปถึงเป้าหมายได้ง่ายกว่าคนมี 10,000 บาทอยู่แล้ว และถ้าเราไม่ได้มีเงินขนาดนั้น การเอากระแสเงินสดจากเงินออมมาช่วยสร้างความมั่งคั่งเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายด้วย มันย่อมทำให้โอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้นด้วยครับ จริงอยู่ที่ % มันจะได้น้อยกว่า แต่ถ้าเราปล่อย 10,000 หวังจะงอกเป็น 10 ล้าน มันยากกว่า 10,000 เพิ่มเดือนละ 3,000-5,000 และทวีคูณเรื่อยๆ ตราบเท่าเราสร้างความสามารถในการออมได้

4. ผมชอบดู % เพื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนทรัพย์สิน

ปกติแล้วผมเองอาจจะไม่ได้แคร์มากว่าจะมี % กำไรน้อยกว่าคนอื่น เพราะวิธีการลงทุนของแต่ละคนต่างกัน เป้าหมายเองก็ต่างกัน ในการใช้ % ของกำไรเพื่อวัดผลของผมก็มีในแง่มุมอื่นๆ บ้าง เช่น การเทียบระหว่างหุ้นด้วยกัน หรือ กองทุนประเภทเดียวกัน (เทียบจากประสบการณ์ลงทุน หรือ Backtest ก็ได้แล้วแต่ความถนัดของนะ)

การเทียบระหว่างหุ้นด้วยกันมันทำให้ผมเห็นเทรนด์บางอย่างเกี่ยวกับการให้ราคาในตลาดว่า sector ไหนธรรมชาติเป็นยังไง ลักษณะการเติบโตของผลการดำเนินงานสัมพันธ์ต่อราคาหุ้นยังไง หรืออาจจะเทียบในหุ้นที่อยู่ใน Industry เดียวกันก็ได้ แต่ต้องอย่าลืมว่าการเปรียบเทียบนั้นต้องพิจารณาตัวหุ้นในเชิงคุณภาพด้วย เพราะแต่ละอย่างความเสี่ยงและมุมมองต่างกันครับ เช่น ถ้าพิจารณาแล้วหุ้นเทคโนโลยีมีแนวโน้มขึ้นเป็น % ที่ดีกว่าหุ้นโรงงานไฟฟ้า เราก็ต้องมามองความเสี่ยงด้วยเพราะมันไม่เหมือนกัน

ในกรณีกองทุนเราก็สามารถเทียบกองทุนหุ้นลักษณะใกล้เคียงกัน เพื่อดูผลการดำเนินงาน หรือบางทีเราก็สามารถดูผลจากการเทียบ Index fund กับ Active Fund ได้ ซึ่งพอดูเสร็จมันจะทำให้เรารู้ว่า ทรัพย์สินตรงไหนเราน่าจะปรับสัดส่วนอะไรยังไง แม้จะใช้วิธีการลงทุนแบบ DCA แต่เราก็ปรับพอร์ต ปรับสัดส่วนได้นะครับ ไม่ใช่ต้อง DCA โต้งๆ หุ้นตัวเดียวไป 20-30 ปี บางทีเราเห็นจังหวะ โอกาสได้อีก เราก็สามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนเงินลงทุนได้ แต่อันนี้ต้องต่อยอดในแนวทางตัวเองกันนะครับ

โดยสรุปแล้ว ถ้าเราจะ DCA หุ้นหรือกองทุนรวม ผมจะเน้นใช้แนวคิดการสร้างพอร์ตไปถึงเป้าหมายมากกว่าการให้ความสำคัญของการขึ้นลงของ % กำไรในระยะสั้น

การทยอยลงทุนผลตอบแทนเป็น % มักจะน้อยกว่าการซื้อด้วยเงินก้อนครั้งเดียวอยู่แล้วถ้าหุ้นเป็นขาขึ้น เป็นเรื่องธรรมชาติครับ และ การใช้ % กำไรผมจะดูเพื่อเปรียบเทียบ Performance ของทรัพย์สินต่างๆ มากกว่าครับ

ออมหุ้นกันเถอะ อิอิ