สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมกัปตันแมนูไลฟ์ จะมาเจาะลึกกองทุนที่เป็นกระแสและได้รับความนิยมมากที่หลายคนอาจบอกว่าเป็น Mega trend และยังคงเป็นกระแสอยู่จนถึงขณะนี้... แน่นอนครับ กองทุนที่ผมกำลังจะพูดถึงนั่นคือ กองทุน Healthcare ครับ  วันนี้เราจะมาดูกันว่าอะไรที่ทำให้กองทุนประเภทนี้น่าสนใจ  และเพราะเหตุใดผมจึงบอกว่า “ต้องลงทุน” มาดูกันเลยครับ

จากกระแสการลงทุนในหุ้นกลุ่ม healthcare นั้น ทำให้หลายๆ บลจ.ต่างพร้อมใจพากันจัดตั้งและเสนอขายกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ ซึ่งปัจจุบันก็มีให้เลือกลงทุนกันหลายกองทุนทีเดียว แต่ถ้าถามว่าแต่ละกองทุนนั้นลงทุนเหมือนกันมั้ย ??  ผมก็คงต้องตอบว่าไม่เหมือนกันครับ  เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม healthcare เหมือนกันก็ตาม แต่การจัดพอร์ตหรือการให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวในหมวดต่างๆ หรือการกระจายการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ หรือกระจุกตัวเพียงแต่ประเทศเดียวนั้นก็จะไม่เหมือนกัน อันนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละกองทุนหรือขึ้นอยู่กับสไตล์ของผู้จัดการกองทุนของแต่ละที่ด้วยล่ะครับ

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ท่านควรจะทราบหากสนใจลงทุนในกองทุน healthcare ก็คือเรื่องของความเสี่ยง เนื่องจากกองทุน healthcare จะถูกจัดอยู่ในประเภทกองทุนหมวดอุตสาหกรรม (sector fund) เพราะเป็นกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นเพียงหมวดเดียวเป็นหลัก จึงทำให้เมื่อจัด risk level แล้ว กองทุน healthcare จึงมีความเสี่ยงที่สูงกว่ากองทุนหุ้นทั่วๆ ไป โดยการจัดระดับความเสี่ยงของกองทุนนี้จะเป็นไปตามเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่กำหนดไว้ แต่จริงๆ การลงทุนในหุ้นเพียงหมวดเดียวเป็นส่วนใหญ่ของพอร์ตนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับ ข้อดีก็คือ ในภาวะที่หุ้นในหมวดนี้เป็นขาขึ้น ผู้ลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทนตามสัดส่วนการลงทุนที่ค่อนข้างเยอะตามไปด้วยเช่นกันครับ ซึ่งแน่นอนว่าข้อเสียคือ หากเกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบโดยตรงเฉพาะหุ้นในหมวดนี้ ผลการดำเนินงานก็อาจลดฮวบตามไปด้วยนั่นเอง!!  ตรงจุดนี้แหล่ะครับที่ผมอยากให้นักลงทุนหรือผู้ที่สนใจอยากจะลงทุนนั้นทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่มีว่าบางทีก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปนะครับ หากท่านเข้าใจ ศึกษาข้อดีข้อเสีย และยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ท่านก็จะไม่ตื่นตกใจง่ายในเวลาเกิดเหตุการณ์ผิดปกติจนต้องขายแบบ cut loss เสมอไปนะครับ  และสำหรับกองทุน healthcare นี้ ผมก็ไม่แนะนำสำหรับการลงทุนในระยะสั้นๆ นะครับ อย่างน้อยควรจะลงทุนสัก 1-2 ปีขึ้นไป เพราะหุ้นในหมวดนี้ไม่ขึ้นแบบหวือหวามากนักแต่ว่ามีโอกาสสำหรับการรับผลตอบแทนในระยะยาวๆ ครับ

หุ้นในหมวด healthcare sector ตามความเข้าใจของคนทั่วๆ ไปอาจจะคิดว่ามันมีแต่หุ้นในกลุ่มยารักษาโรค (Pharmaceuticals) หรือกลุ่มการแพทย์เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วหุ้นในหมวด healthcare ยังแยกย่อยออกไปอีกหลายกลุ่มนะครับ เช่น กลุ่มเทคโนโลยีชีวะภาพ (Biotechnology) กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์ (Health Care Equipment & Supplies)  และกลุ่มการรักษาพยาบาลแบบอื่น ๆ อีกเพียบเลยครับ ซึ่งหุ้นบางกลุ่มในหมวดอุตสาหกรรมนี้ก็ถือว่าเป็นหุ้นที่ไม่ได้ผันผวนมากครับ บางตัวก็เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีกว่าที่เราคาดคิดกันครับ

ดังนั้นถ้าพิจารณาดี ๆ แล้วละก็กองทุน healthcare เองควรจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ ของกองทุนที่นักลงทุนควรจะมีติดไว้ในพอร์ตสำหรับการลงทุนในระยะยาวของเราบ้างนะครับ เพราะถึงแม้ว่าหุ้นในกลุ่มนี้จะขึ้นไม่หวือหวามากนัก แต่โอกาสผันผวนก็ไม่ได้มีมากอย่างที่เรากลัวกัน และก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกในระยะยาวนั่นเองครับ

ผมเชื่อว่าหลายๆ คนคงอยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่า ทำไมกองทุนแบบนี้ถึงให้ผลตอบแทนที่ดี และจะลงทุนอย่างไรกับกองทุนกลุ่ม Healthcare ให้ตรงใจ ถ้าอยากรู้และเข้าใจมากขึ้นก็ตามมาเลยครับ ผมจะเล่าให้ฟัง

ข้อดีและจุดเด่นที่ห้ามพลาดการลงทุนในกองทุน Healthcare ด้วยประการทั้งปวง คือ

1. โครงสร้างประชากรในอนาคตมีแนวโน้มจะเป็นประชากรผู้สูงอายุอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ (ใครบ้างที่หยุดเวลาได้) ต้องยอมรับว่าสังคมทุกวันนี้เป็นสังคมที่ค่อนข้างจะมีค่าใช้จ่ายเยอะ ทำให้คนไม่ค่อยคิดอยากจะมีลูกกัน อัตราการเกิดน้อยลง ซึ่งตามคาดการณ์แล้วประเทศไทยเองก็จะเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเราอาจจะมีประชากรที่เป็นผู้สูงอายุคิดเป็นประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมดก็เป็นได้ครับ

ประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุก่อนใครในแถบเอเชียคงจะหนีไม่พ้นประเทศญี่ปุ่น สำหรับในยุโรปเองก็เช่นกันครับ และคาดการณ์ว่าในปี 2593 นั้น ทั่วโลกเองก็จะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างแท้จริง คือ มีประชากร 20% เป็นผู้สูงอายุ และที่สำคัญ พอแก่ตัวลงโรคภัยไข้เจ็บก็เริ่มเข้ามารุมเร้า ครั้นว่าอยากมีชีวิตอยู่ก็อยาก แต่ขออยู่แบบมีชีวิตที่สบายๆไม่เจ็บออดๆ แอดๆ ครั้นจะอยากตายก็... ยังไม่อยากครับ

ดังนั้นเราจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะรักษาชีวิตของเราให้ไม่เจ็บไม่ป่วยหรือถ้าเจ็บถ้าป่วยก็ยอมที่จะจ่ายค่าหมอ ค่ายาแพงๆ เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยนั้นให้หาย ไม่มารบกวนชีวิตเรา นี่จึงเป็นหนึ่งเหตุผลครับว่ายอดขายและกำไรของสินค้าที่เกี่ยวกับผู้สูงวัยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคตแน่ ๆ

mn1

2. เทคโนโลยีในกลุ่มอุตสาหกรรมยาที่พัฒนากันอย่างไม่หยุดยั้ง

ทุกวันนี้กลุ่มบริษัทยาทั้งหลายได้คิดค้นนวัตกรรมเกี่ยวกับยารักษาโรคหนัก ๆ อย่าง มะเร็ง เอดส์ เบาหวาน โรคหัวใจ เนื่องจากเป็นโรคสำคัญอันดับต้น ๆ เลยครับ เลยมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่อุตสาหกรรมยา และ biotechnology ครับ เพราะว่าถ้าใครคิดค้นยาที่รักษาโรคเหล่านี้ได้ล่ะก็ รับรองว่าต่อให้มีราคาแพงก็คงจะต้องยอมจ่ายเป็นแน่ครับ

ซึ่งการพัฒนาเหล่านั้นอาจทำให้ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง ยาต้านมะเร็งบางตัว ยารักษาโรคภูมิแพ้โดยที่ไม่ต้องทานยาหรือแขนเทียม ขาเทียมที่ขยับได้อย่างใจคิด หรือจะเป็นด้านความสวยความงามอย่างยารักษาผิวต่าง ๆ เพื่อให้มีความสดใส เป็นหนุ่ม เป็นสาว สองพันปี ได้ง่าย ๆ อย่างที่เราเห็นกัá