ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่หลายคนเมื่อมีโอกาสได้ทำงานที่ดี หรือเริ่มมีกิจการเป็นของตัวเอง ก็พยายามสร้างเนื้อ สร้างตัว สร้างธุรกิจ เพื่อทำให้เงินงอกเงย หรือเพิ่มรายได้ เพื่อให้ร่ำรวยมากขึ้น หรือบางคนก็ทำเพื่อที่อยากจะมี Passive Income ให้มีรายได้เข้ามาเรื่อยๆ โดยไม่ต้องทำงานหนักอีก แน่นอนว่า เมื่อตั้งใจมาก ก็ทำให้ทำงานหนักจนลืมตัว และชีวิตก็อาจจะเริ่มไม่มีความสมดุล ดังนั้น ถ้าเราอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องรู้จักที่จะปรับแนวคิดสำหรับชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานให้สมดุลกัน  


ปฎิบัติการ Work-Life Balance

1.ให้ความสำคัญกับการบริหารเวลา

หลายคนพยายามทำงานให้หนัก ให้เยอะ แต่ขาดการวางแผนและเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้เสียเวลาไปกับการทำงานเยอะมาก แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม หรือไม่ประสบผลสำเร็จ “เวลา” เป็นหนึ่งในทรัพยากรที่มีค่า เราต้องเข้มงวดต่อการใช้เวลาของตัวเอง หากเราปล่อยปละละเลยเสียเวลาไปเปล่าๆ ทั้งในการทำงานหรือภารกิจต่างๆ สิ่งที่เราตั้งใจก็จะไม่สำเร็จตามเป้าหมาย สุดท้ายแล้วมักจบลงด้วยการทำงานล่วงเวลาหรือต้องแบกงานกลับไปทำที่บ้าน ทำให้เวลาสำหรับการพักผ่อนหรืออยู่กับครอบครัวที่มีน้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลงไปอีก หากเรารู้จักบริหารเวลาให้ดี ก็จะทำให้มีเวลาเพิ่มขึ้นเพื่อทำเรื่องอื่นๆ ในชีวิตได้อีกเยอะ

2. ครอบครัวดี ช่วยสร้างแรงใจ

การได้ดูแลคนที่เรารักนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดและเป็นช่วงเวลาที่จำเป็น เพราะว่ามันไม่อาจชดเชยได้ด้วยเงินที่เราหามาได้ ดังนั้น เมื่อมีเวลามากขึ้นจากการบริหารงานได้ดีแล้ว แน่นอนว่า เรื่องครอบครัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ หากการงานสำเร็จ แต่ไม่มีใครอยู่ร่วมชื่นชม ก็คงไม่ใช่ชีวิตที่สมบูรณ์ การทำให้ชีวิตครอบครัวดี แค่เริ่มกิจกรรมกับครอบครัวง่ายๆ เช่น นั่งทานข้าวด้วยกัน พากันไปเที่ยวบ้าง ไปวัดทำบุญ หรือหากิจกรรมต่างๆ ทำร่วมกัน แค่นี้ครอบครัวก็มีความสุขขึ้นมาแล้ว เมื่อมีความสุข กำลังใจก็เต็มร้อย พร้อมให้เราทำงานได้อย่างมีความสุข และฟันฝ่าอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปได้ 

ปฎิบัติการ Work-Life Balance

3. ร่างกายห้ามละเลย สุขภาพต้องใส่ใจ

คงไม่ดีแน่ ถ้าเงินที่เราได้มาจากการทำงานต้องหมดไปกับการจ่ายค่าหมอ ท่องไว้ว่าอย่าลืมให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพของตัวเราเอง แค่ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ มีเวลาเพียง 30-60 นาที ก็สามารถออกกำลังกายได้ ซึ่งถ้าทำได้ รับรองว่าทั้งประหยัดเงินพร้อมได้สุขภาพที่ดีกลับมา แต่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน เราคงจะเคยเห็นคนที่หมั่นดูแลรักษาสุขภาพ แต่ก็ยังป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล เราก็อาจจะพิจารณาทำประกันสุขภาพเพิ่มเติม โดยเลือกแบบประกันที่เหมาะสมหรือใกล้เคียงกับความต้องการของตัวเรา เช่น ค่าเบี้ยประกัน

ไม่แพงเกินไป ให้ความคุ้มครองดูแลค่าใช้จ่ายทั้งกรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ดังนั้น นอกจากการรักษาสุขภาพแล้ว การวางแผนประกันเองก็มีส่วนช่วยเช่นเดียวกัน 

4. การเงิน ต้องรู้จักทำให้งอกเงย

การเงินก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะทุกๆ เป้าหมายของชีวิตมีเงินเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย หากขาดการวางแผนการเงินที่ดี อาจจะทำให้เราลำบาก ถ้าอดออมอย่างเดียว ไม่คิดที่จะลงทุนเพิ่ม ก็อาจจะทำให้เรามีเงินเก็บไม่เพียงพอต่อการเกษียณ เราควรจะให้เงินทำงานให้บ้างก็น่าจะดีกว่า โดยนำไปลงทุนต่อยอดให้งอกเงย แต่ก่อนจะลงทุนนั้น เราก็ควรที่จะต้องมีเงินฉุกเฉินเตรียมไว้ เพราะถ้าไม่มีเงินสำรองเตรียมไว้เลย เวลาป่วยขึ้นมา ก็ต้องถอนเงินลงทุนออกมา

ก่อนกำหนดเพื่อนำมาใช้ ซึ่งทำให้เงินไม่สามารถงอกเงยได้ต่อเนื่องนั่นเอง

ดังนั้น นอกจากการทำงาน หรือทำธุรกิจแล้ว เราก็อย่าลืมแบ่งเวลาไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆ ด้วย ใส่ใจตนเองและครอบครัว ดูแลสุขภาพ และรู้จักวางแผนการเงิน เพื่อให้ Work-Life Balance เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ไหลลื่น และหมดกังวล ออกไปลุยทำสิ่งต้องการจะทำได้ 

ตั้งใจทำงานหาเงินอย่างเดียวก็ไม่มีความสุข ถ้าไม่รู้จักสร้างสมดุลให้ชีวิต “Work-Life balance”

 

สามารถติดตามอ่านบทความได้ ที่นี่ 

ศูนย์รวมเคล็ดลับทางการเงินดีๆ

www.bangkokbank.com/moneytutor