ทุกคนอยากมีชีวิตแบบที่เราเลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นรายได้ ความสุข และ ความอิสระ นี่คือที่มาของหัวข้อ 3 ขั้นตอนง่ายๆ ที่เพิ่มรายได้และความสุขสำหรับตัวเอง ทั้งหมดถูกกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ของมาดามเองค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ต้องพูดและเขียนขึ้นมาเพื่อให้คุณค่าเหล่านี้แพร่ออกไปให้ไกลที่สุด เพื่อที่ทุกคนจะได้มองเห็นคุณค่าของตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นความรัก และการเคารพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือความสำคัญต่อชีวิตที่ทำให้เราเลือกที่จะปฏิบัติกับคนอื่นในทางที่ดี และคนอื่นก็เลือกที่จะปฏิบัติกับเราในทางที่ดีเช่นกัน ผลลัพธ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่เกิดจากกฏกติกาบางอย่างที่คนอยากมีชีวิตที่เลือกนิยมทำกันค่ะ

ข้อแรก ถ้าเรามองเห็นคุณค่าตัวเอง เราจะไม่รับสิ่งไม่ดีเข้ามา

ต้องยอมรับว่า ทุกคนเคยมีช่วงชีวิตที่ตกต่ำค่ะ หากมองย้อนกลับไปเราจะเห็นตัวเองเดินก้มหน้าก้มตา เหมือนยอมรับชะตากรรมต่อเหตุที่ไม่ดีกับตัวเองเลย เมื่อเหตุการณ์แย่ๆ เกิดขึ้นกับตัวเองนั้น เราควรสันนิษฐานก่อนเลยว่า ก่อนที่คนอื่นไม่ชอบเรานั้น เราคือคนที่ไม่ชอบตัวเองก่อนใช่ไหม

ยิ่งถ้ามีคนอื่นมารังแกคุณอย่างน้อยคุณต้องโทษตัวเองก่อนว่า เราไม่สตรองพอ ยิ่งถ้าเราอับจนทางความคิดแถมยอมรับต่อคำพูดที่คนอื่นดึงเราให้รู้สึกแย่ลง แถมหากมีอาการเดินไปหาคนที่แย่กว่าด้วยกันอีก ทีนี้ละชีวิตจะจมดิ่งไปกันใหญ่

ดังนั้น หลายๆ อย่างเกิดขึ้นจากตัวเราเอง และหลายอย่างดีขึ้นด้วยตัวเราเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อลองสำรวจสถานการณ์ในชีวิตรอบๆ เราสิค่ะ ว่าเป็นแบบนั้นหรือเปล่า ถ้าคิดได้แล้วก็ค่อยๆ ประคองสติให้สตรองและพยุงชีวิตขึ้นมาอีกครั้งค่ะ

ข้อสอง ทุกคนมีค่า จงให้เกียรติตัวเองและทุกคน

มาดามขออนุญาตให้ลองคิดตามนะคะ หากลองจินตนาการเล่นๆ ว่า วันหนึ่งอุกกาบาตกำลังพุ่งชนโลก เราจึงต้องหลบอยู่ร่วมกัน เหตุการณ์แบบนี้จะไม่มีการแบ่งชนชั้นระหว่างความรวยและความจนทันที ดังนั้น ทุกคนจึงมีค่าเท่ากัน

ความหมายของการมีค่าที่เท่ากัน คือการสร้างประโยชน์ให้แก่คนอื่นๆ ได้ไม่ยาก เพียงแค่เริ่มต้นทำชีวิตไม่ให้เป็นภาระใคร แต่ถ้าพิการหรือเกิดอุบัติเหตุก็อย่าน้อยใจ เพราะนั่นคือบททดสอบของผู้ที่มีมากกว่าว่าจะรู้จักให้ และเป็นมนุษย์ที่มีศักยภาพดูแลคนที่มีน้อยกว่าได้อย่างไร

ซึ่งคนที่มีน้อยกว่าก็ใช่ว่าจะหมดคุณค่าไปเลย แต่พวกเขาอาจจะสร้างอะไรบางอย่างได้พิเศษกว่าคนที่มีมากกว่าก็ได้นะ คุณค่าในตัวเองสามารถเกิดขึ้นได้เสนอค่ะ เมื่อเรารู้ว่าตัวเองมีค่าจงแสดงออก และเคารพตัวเองอย่างมีขอบเขต 

ข้อสาม กล้าที่จะขอ

การต่อรองคือศิลปะการเติบโตในชีวิตอย่างหนึ่ง เช่น วันหนึ่งคุณรู้ว่างานที่ทำอยู่มีรายได้ต่ำกว่ามาตรฐานเกินไป คุณควรจะมีการชวนหัวหน้าหรือนายจ้างคุยเสียหน่อย แต่ก่อนเข้าไปคุยต้องมีการเตรียมการ หรือสร้างผลงานก่อน ซึ่งนี่คือการสร้างคุณค่าในตัวเราผ่านตัวงาน ก่อนคุยเรื่องผลตอบแทนที่คาดหวังตามความเหมาะสมที่เราควรได้รับ

ฉะนั้น เราต้องไปหาวิธีพูดอย่างไรไม่น่าเกลียด และอย่าโวยวายโดยใช้อารมณ์เปรียบเทียบกับที่อื่นอย่างไร้เหตุผลจนฟังไม่ขึ้น แต่ควรค่อยๆ หาวิธีเปรียบเทียบ เช่น เปรียบเทียบอุตสาหกรรม หรือตลาดเดียวกัน ขอบเขตความรับผิดชอบที่ต้องทำ ว่าตอนนี้เขาได้กันเท่าไหร่ นี่คือการต่อรองที่เราควรจะได้ตามคุณค่าและความสามารถที่เรามีอย่างแท้จริง

สุดท้าย มาดามอยากเตือนว่าโลกนี้มันแคบนะคะ อย่าอยู่แบบมีศัตรูโดยไม่จำเป็น ทุกคนเคยดีและไม่ดีได้ ฉะนั้น อย่าไปยึดติดกับปัญหาเก่า จงอยู่กับปัจจุบันอย่างมีจุดยืนและทำอะไรไม่ผิดแผกไปจากตัวเรา เพราะสุดท้าย ถ้าเราดำเนินชีวิตที่ผิดแผกไปจากตัวตนของเรานั้น เราจะไม่มีแนวทางในการเลือกใช้ชีวิตที่เราหวังไว้ได้ค่ะ