พอดีได้คุยกับน้องๆที่ได้ศึกษาแนวทางการออมหุ้นครับ เห็นว่าบางท่านเคยได้อ่านหนังสือ-ของผมจากเวป www.aomstock.com แล้ว แต่อาจจะยังมี Mindset ในการลงทุนในรูปแบบอื่นอยู่ก็เลยมีการผสมผสาน Concept ซึ่งถ้าผสมผสานแล้วเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดความสำเร็จก็ดีนะ แต่สิ่งที่กลัวคือการผสมผสานแล้วหาแนวทางหลักไม่เจอแล้วเกิดผลกระทบต่อการลงทุน อันนี้แย่เลยครับ

ถ้ากลับมา Back to Basic ของหลักการออมหุ้นแบบ DCA แล้วการใช้เครื่องมือนี้ในการลงทุนโดยผสมผสานกับวิธีการอื่นๆแล้ว ผมพอเห็นความเสี่ยงในการลงทุนได้ ดังนี้ครับ

1. ถือยาวๆ ดีทุกตัว

ความเชื่อที่ว่าถือยาวๆดีทุกตัวนั้นอาจจะไม่ถูกต้องนะครับ ผมว่าอาจจะเกิดจากการศึกษากองทุนรวมที่เขามีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้มากขึ้นระยะยาว หรือ อาจจะไปมองความสำเร็จที่เป็น Best Practice ของหุ้นที่มีการเติบโต เลยมีความเข้าใจว่าสามารถลงทุนในหุ้นตัวไหนก็ได้ 

อันที่จริงแล้วการเลือกหุ้นเป็นเรื่องสำคัญมากและที่สำคัญกว่านั้นคือการ Monitor ผลการดำเนินงานของกิจการ หุ้นแต่ละตัวมีธรรมชาติไม่เหมือนกัน บางตัวอยู่ในสภาวะเติบโตเพราะ Trend ของธุรกิจกำลังมา บางตัวอาจจะกำลังอยู่ในช่วงตะวันตกดิน และบางตัวก็เป็น Cycle ที่เปลี่ยนไปมา เพราะฉะนั้นแล้วการออมหุ้นมันออมทุกตัวแล้วจะดีก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การเลือกหุ้นจึงสำคัญ

รถม้าใช้กันมาเป็น 100 ปี อยู่ๆก็ยังถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ได้เลย

2. ช่วงลงอย่าซื้อ ซื้อแค่ตอนขึ้น

บางคนออมหุ้นไปแล้วคิดว่าช่วงหุ้นลงไม่เอาดีกว่า หยุดซื้อ ไม่ชอบ กลัวลงไปอีก รอมันลงต่ำๆๆๆ แล้วค่อยมาซื้อตอนที่หุ้นเป็นขาขึ้น ตรงนี้ผมว่าถ้าวัตถุประสงค์ของเราคือการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว การลงทุนที่ในหุ้นดีที่อยู่ในช่วงที่ราคาลง นั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก หากพื้นฐานดี มีกำไร อาจจะสะดุดบ้างตามเศรษฐกิจที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง แล้วเราได้มีโอกาสลงทุน มันจะเฉลี่ยต้นทุนได้เยอะขึ้น และซื้อหุ้นได้จำนวนมากขึ้นในจำนวนเงินเท่าเดิมครับครับ แน่นอนเราจะไม่เสียดายที่ เมื่อราคาขึ้นจะไม่บ่นว่า "รู้งี้... ซื้อตอนหุ้นลงเยอะๆก็ดี"

(แต่ต้องมั่นใจในพื้นฐานนะครับ บางคนหุ้นลงเรื่อยๆไม่ดูพื้นฐานก็เจ๊งได้)

3. การเฉลี่ยต้นทุนทำให้เกิดกำไรเวลาหุ้นเด้ง

พูดถึงข้อสองที่ว่าไป ข้อนี้ก็คงจะเห็นภาพได้ชัด มีเพื่อนๆผมหลายคนที่ใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิคและไม่ได้ Cut Loss เมื่อมีสัญญาณขาย และใช้กลยุทธ์ DCA เข้าไปผสมผสานและถัวหุ้นเข้าไป โดยมองว่าหากหุ้นลงไปอีกจะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยต่ำลง สามารถปล่อยหุ้นได้เมื่อเกิดการเด้งขึ้นของราคา ไม่รู้ว่ามันทำได้หรือเปล่านะครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่ามันเป็นวิธีการที่มีความเสี่ยง หลายๆคนยิ่งถัวก็ยิ่งติดหุ้นและถ้าราคาหุ้นลงเรื่อยๆ แต่ละไม้ที่ลงทุนไปจะต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้นเพื่อดึงราคาเฉลี่ยลงไป 

แน่นอนว่าการเล่นหุ้นด้วยเทคนิคอาจจะไม่ได้ดูในเรื่องของพื้นฐานธุรกิจมากนัก หากเราโชคดี หุ้นที่เก็งกำไรอยู่ในพื้นฐานที่ดี ติดหุ้นมันก็อาจจะมี Trend มารับได้ แต่หากเราไปถัวหุ้นในหุ้นพื้นฐานที่ไม่ดีนักบางทีเราอาจจะเสียเงินไปทั้งหมดเลยก็เป็นไปได้นะครับ เลยอยากจะแนะนำว่าถ้าจะใช้เทคนิคในการจัดการพอร์ต อย่าเปลี่ยนใจมาถัวเฉลี่ยหุ้นที่หลังนะ มีความเสี่ยง

อันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ผมเจอมาแล้วพบว่าการออมหุ้นก็มีการนำไปประยุกต์ใช้ในอีกหลายมุมมอง แต่ผมว่าบางอย่างมันก็มีความเสี่ยงและอาจจะทำให้ไม่เกิดประสิทธิภาพในการสร้างพอร์ตได้ครับ บทความนี้เสนอเพียงแค่มุมมองที่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าประยุกต์ไม่ได้ ก็มีหลายคนที่ออมหุ้นไปแล้วมองว่าในช่วงที่ราคาขึ้นหรือลงผิดปกติก็สามารถขยับ Port ด้วยการใช้ Value Average กับ Market Timing ประกอบกันในการซื้อขายได้ (เป็น DCA ระดับ Advance) 

ต้องลองดูนะครับ อิอิ